สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยในปีหน้า ถูกคาดการณ์ไปในทางเดียวกันว่า คงสาหัสสากรรจ์มากกว่าปีนี้ วิกฤติเศรษฐกิจ แฮมเบอร์เกอร์ ไครซิส ปัญหาซับไพร์ม ที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากอเมริกา คงจะขึ้นฝั่งประเทศไทย สร้างความปั่นป่วนซ้ำเติมธุรกิจ หลังจากปัญหาการเมืองในประเทศเพิ่งสงบนิ่ง
2 ยักษ์ใหญ่ผู้นำในธุรกิจอีเวนต์ ออร์กาไนเซอร์ อย่าง ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ฯ และอินเด็กซ์กรุ๊ป ที่ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ธุรกิจเติบโตสุดๆ แต่แนวโน้มในปีหน้า ต่างมองเห็นอุปสรรคที่รออยู่เช่นกัน จึงพยายามมองหาโอกาส ด้วยการปรับองค์กร ทั้งการปรับทัพผู้บริหาร และการหาธุรกิจใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์
CM จัดทัพรับมือ ดัน 6 ลูกหม้อนั่งแท่นเอ็มดี
เสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้มีการปรับองค์กรครั้งใหญ่ นับตั้งแต่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI เมื่อปี 2547 โดยมีการแต่งตั้งบุคลากรของบริษัทฯ จำนวน 6 คน ขึ้นรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ใน 6 หน่วยธุรกิจ เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนในปีหน้า
6 กรรมการผู้จัดการที่แต่งตั้งขึ้นใหม่ ประกอบด้วย สมสนิท เอนกผลิน และปณิธดา คล้ายมณี เป็นกรรมการผู้จัดการร่วม ในหน่วยธุรกิจ ซีเอ็ม ซีเอ็มอี และ ซีเอ็ม ไมซ์, กรณฑ์ทอง ตนอารีย์ กรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจซีเอ็ม อีเว้นท์, พิเชษฐ ตุรงคินานนท์ กรรมการผู้จัดการ ซี-เม็กซ์, ศุภนีวรรณ ทันจิตต์ กรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจซีเอ็ม อาร์ท และพรสม นิลสอาด กรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจ ซีเอ็ม มาร์คอม โดยเสริมคุณ คุณาวงศ์ จะทำหน้าที่ดูแลด้านนโยบาย และการเชื่อมโยงกลุ่มธุรกิจต่างๆ เข้าด้วยกัน
"การเปลี่ยนแปลงของซีเอ็มฯ ครั้งนี้ ท้าทายที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ ขึ้นมา โดยมีการแบ่งหน่วยธุรกิจออกเป็น 6 หน่วย และมีกรรมการผู้จัดการแต่ละหน่วย ซึ่งมีประสบการณ์ในธุรกิจนั้นๆ กว่า 8-10 ปี ทำหน้าที่บริหารเบ็ดเสร็จ โดยนอกเหนือจากการรับมือกับกระแสเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการนำทุกกลุ่มธุรกิจรุกสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจที่จะกระทบกับตลาดในประเทศไทย"
โดยทิศทางของซีเอ็มฯ ในปีหน้า เสริมคุณเผยว่า ได้กำหนดนโยบายการสร้างพันธมิตรรอบด้าน สอดคล้องกับภาวะในปัจจุบัน ที่บริษัทฯ ต้องกระจายความเสี่ยงออกไปในทุกทาง ประกอบด้วย การเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำ อาทิ โฮมโปร , เป็นพันธมิตรกับเอเยนซีโฆษณาที่มีนโยบายตรงกัน, เป็นพันธมิตรกับหน่วยธุรกิจคล้ายคลึงกัน แต่มีที่ตั้งต่างกัน เช่น หน่วยธุรกิจเอ็กซิบิชั่น ซี-เม็กซ์ เป็นพันธมิตรกับบริษัทเอ็กซิบิชั่นในเซี่ยงไฮ้ เพื่อรับงานในเซี่ยงไฮ้, เป็นพันธมิตรกับค่ายเพลง เพื่อการผลิตอีเวนต์คอนเสิร์ต ที่เตรียมจัดขึ้นหลายงานในปีหน้า
นอกจากการสร้างพันธมิตรจากองค์กรภายนอกแล้ว ในส่วนของหน่วยธุรกิจภายใจทั้ง 6 ก็มีการวางกลยุทธ์อินทริเกรตจุดแข็งของแต่ละหน่วย เพื่อสร้างงานที่มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเสริมคุณมั่นใจว่า จะยังคงรักษากลุ่มลูกค้าเดิมและสร้างลูกค้ากลุ่มใหม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยได้ตั้งเป้ารายได้ในปีหน้าไว้ที่ 800 ล้านบาท
เสริมคุณวางเป้าหมาย 800 ล้านบาทในปีหน้า ว่าการเติบโตน่าจะมาจากกลุ่มธุรกิจ ซีเอ็ม อีเว้นท์ และงานเอนเตอร์เทนเมนต์ เช่น คอนเสิร์ต โชว์ ที่จะจัดมากขึ้น รวมถึงงานพิพิธภัณฑ์ ที่ต้องสร้างงานใหม่ๆ ให้มากขึ้น ชดเชยความไม่มั่นคงของกลุ่มธุรกิจ อีเวนต์ มาร์เก็ตติ้ง ที่มีแนวโน้มหดตัวลง
เสริมคุณกล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจในปีหน้าว่า กลุ่มธุรกิจที่จะมีปัญหา คือธุรกิจที่เชื่อมโยงกับต่างประเทศ เช่น ธุรกิจประกัน การเงิน แต่ภาพรวมของธุรกิจโฆษณา หากจะมีการลดงบโฆษณา ในส่วนของงบการจัดอีเวนต์ควรเป็นส่วนที่ลดน้อยที่สุด ส่วนเม็ดเงินจากภาครัฐในปีหน้า หลังจากประเทศไทยมีรัฐบาลที่มั่นคง จะกลับมาเติบโตขึ้นกว่าเม็ดเงินจากภาคเอกชนที่คาดว่าจะไม่มีการเติบโตเลย โดยตั้งความหวังว่า อีเวนต์ใหญ่จากภาครัฐที่เคยจัดอย่างต่อเนื่องในอดีต และหยุดไปในปีนี้ เช่น แฟชั่นวีก หรือโอทอป จะมีการจัดขึ้นใหม่ในปีหน้า
"พื้นฐานเศรษฐกิจของเรายังมีการบริโภคอยู่ เพียงแต่ประชาชนไม่มีความเชื่อมั่น เจ้าของสินค้าจึงไม่ควรที่จะหยุดการใช้งบกระตุ้นการขาย เพราะจะเสียโอกาสในช่วงยากลำบากนี้ไป"
อินเด็กซ์ฯ มุ่งเจาะธุรกิจใหม่ Personal Branding-Corporate Change
ด้านบริษัทผู้นำในธุรกิจอีเวนต์ประเทศไทย บริษัท อินเด็กซ์ อีเวนท์ เอเจนซี่ จำกัด(มหาชน) เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ก็เตรียมความพร้อมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจในปีหน้าเช่นกัน โดยการสร้างธุรกิจใหม่ขึ้น โดย 2 ธุรกิจที่อินเด็กซ์ เปิดขึ้นใหม่ คือ ธุรกิจ Corporate Change และธุรกิจ Personal Branding
เกรียงไกร กล่าวว่า ในสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยในเวลานี้ ทำให้องค์กรส่วนใหญ่หยุดการใช้งบเพื่อสนับสนุนการตลาด แต่จะหันมาปรับองค์กร สร้าง Corporate Change กันมากขึ้น ปรับองค์กรให้ฟิต สามารถรับมือกับสภาพเศรษฐกิจตกต่ำที่คุกคาม มากกว่าการจัดกิจกรรม CSR งานในส่วนนี้ อินเด็กซ์ฯ เปิดให้บริการมาแล้วราว 4-5 ปี มีลูกค้ารายใหญ่หลายรายที่ใช้บริการ อาทิ เครือปูนซิเมนต์ไทย ที่ทำ Corporate Change มาเป็นเครือเอสซีจี และบริษัทไทยน้ำทิพย์
ด้านธุรกิจ Personal Branding อินเด็กซ์ มีการเปิดบริษัทใหม่ในชื่อ ยังดี โดยมี "ดี้" นิติพงษ์ ห่อนาค เป็นแบรนด์แรก และเตรียมจัดอีเวนต์ใหญ่สนับสนุน 4 รายการในปีหน้า ประกอบด้วย คอนเสิร์ตทุ่งหญ้า สายลม และนมวัว ในไตรมาสแรก, Comedy Show ในไตรมาส 2, คอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบ ในไตรมาส 3 และคอนเสิร์ตทุ่งหญ้า สายลม และนมวัว ครั้งที่ 2 นอกจากนั้น นิติพงษ์ ยังจะมีรายได้จากการทำรายการโทรทัศน์ และการรับแต่งเพลงให้กับองค์กรต่างๆ ตั้งเป้ารายได้มากกว่า 100 ล้านบาท
เกรียงไกรกล่าวว่า Personal Branding เป็นแนวคิดใหม่ของการสร้างแบรนด์ โดยมุ่งไปใน 3 กลุ่ม ประกอบด้วย Artist, Celebrity และ Magazine ซึ่งปัจจุบัน 3 กลุ่มนี้เริ่มประสบปัญหารายได้ลดลงตามสภาพเศรษฐกิจ ธุรกิจบันเทิง และธุรกิจสื่อมีปัญหาหลายด้าน หากมาสร้างรายได้จากการทำ Personal Branding จะเป็นโอกาสที่ดี
"ตลาดนี้ค่อนข้างเปิดกว้าง เพียงแต่คนส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมที่จะเข้ามาในเวลานี้ ซึ่งถือเป็นปัญหาของธุรกิจนี้ ที่ต้องหาคนที่มีความพร้อมจริงๆ อย่างไรก็ตาม อินเด็กซ์ ก็มีการติดต่ออยู่กับผู้บริหารหลายๆ ราย รวมถึงหัวแมกกาซีนหลายๆ หัว คาดว่าต้นปีหน้า จะสามารถสร้าง Personal Brandingได้อีก 1 แบรนด์ ซึ่งจะทำให้รายในปีหน้ามากกว่า 100 ล้านบาท ที่จะได้จากแบรนด์นิติพงษ์ ห่อนาค อย่างแน่นอน" เกรียงไกรกล่าว
|