Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์22 ธันวาคม 2551
โตโยต้าซิว3แชมป์ชัวร์ อีซูซุ-ฮอนด้าไร่บี้จนหยดสุดท้าย             
 


   
www resources

โฮมเพจ อีซูซุ มอเตอร์ ประเทศไทย

   
search resources

Automotive
อีซูซุ มอเตอร์ ประเทศไทย, บจก.




โค้งสุดท้ายตลาดรถยนต์ปี 51 โตโยต้าเตรียมฟาดแชมป์แบบเลือดชิบ หลังต้องฝ่ากระแสความท้าทายรอบด้าน ทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจการเมือง และคู่ปรับจากอีซูซุที่พลิกกลยุทธ์การตลาดแบบรอบด้าน ส่งผลให้ยอดขายรถปิคอัพขนาด 1 ตันตี้ตื้นด้วยตัวเลขห่างกันแค่ 4 พันคัน และในเซ็กเมนท์รถยนต์นั่งเองก็ที่เคยแข็งแกร่งก็ถูกฮอนด้าท้าชิงความเหนือในตลาดซับคอมแพค

ในที่สุดความพยายามในการผลักกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างเข้มข้นขอค่ายอีซูซุก็เป็นผลเมื่อยอดขาย 11 เดือนผลปรากฏว่ายอดขายรถปิกอัพขนาด 1 ตันที่ออกมานั้น ตัวเลขรวมทั้งสิ้น 114,335 คัน ตามหลังโตโยต้าที่ขายได้ 118,753 คัน ห่างกันแค่ 4,418 คัน โดยปัจจัยที่ทำให้การรุกไล่ของอีซูซุเป็นผลขึ้นมานั้น ส่วนหนึ่งมาจากแผนการตลาดที่ไล่ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง จากเดิมในปีที่ผ่านมาได้มีการออกโปรดักส์ใหม่ในรุ่น โกล์ด ซีรีส์ รุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นมาเพื่อเป็นการฉลองการดำเนินงานครบรอบกว่า 50 ปีในประเทศไทย และเพื่อต่อยอดความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ในรุ่นดังกล่าว ในปีนี้อีซูซุจึงมีการออกโปรดักส์ใหม่ขึ้นมาและให้ชื่อรุ่น แพลททินัม ซึ่งถือเป็นรุ่นพิเศษที่อีซูซุมองว่ามีความหรูเหนือระดับสำหรับรถปิคอัพ

ขณะเดียวกันกลยุทธ์ในการสื่อสารการตลาดกับผู้บริโภค ได้มีการคัดเลือกดารา นักร้องอย่าง ก๊อท โดม ปีเตอร์ มอส มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของอีซูซุที่มีการใช้พรีเซ็นเตอร์ชื่อดังมาร่วมส่งเมจเสจแก่ผู้บริโภค ซึ่งทางอีซูซุเผยว่า กลยุทธ์ดังกล่าวมีผลในการทำให้ยอดขายเพิ่ม และยังเป็นแยกเซ็กเม้นต์ของรถยนต์ในแต่ละรุ่นแต่ละแบบให้ชัดเจนและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้

ในแง่ของเกมการตลาด โดยเฉพาะกิจกรรมโรดโชว์ อีซูซุก็มีการเพิ่มความถี่ในการจัดมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการขยายกลุ่มเป้าหมายที่แต่เดิมจะเน้นการจัดตามโชว์รูม ก็เปลี่ยนเป็นสถานที่ที่กว้างขวางขึ้น เพื่อสามารถรองรับลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม ซึ่งกิจกรรมที่อีซูซุจัดขึ้นและมีชื่อเสียงมากที่สุด คือ อีซูซุ เฟสติวัล รวมถึงกิจกรรมล่าสุด ราคาวานคอนเสิร์ต หม่ำ ประทะ โปงลางสะออน ที่ผ่านไป

เรียกได้ว่าค่ายอีซูซุนั้น พร้อมรบทุกด้านเพื่อชิงแชมป์อันดับหนึ่งของตลาดรถปิคอัพ อย่างไรก็ตามระยะห่างที่มีเพียงแค่ 4 พันคัน กับช่วงระยะเวลาที่เหลืออีกแค่ 1 เดือนที่เหลือของปีนี้ ท่ามกลางวิกฤติทางการเงิน ทั้งภายในและนอกประเทศ บวกกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่นิ่ง เหล่านี้น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การแย่งชิงบัลลังก์อันดับ 1 ของอีซูซุจากโตโยต้านั้นไม่ง่ายเลย

โตโยต้านั้นต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดรถปิคอัพจากคู่แข่งสำคัญอย่างอีซูซุ ตลาดที่ใหญ่และสำคัญไม่แพ้กันอย่างตลาดรถยนต์นั่งก็มีอันต้องสะเทือน เมื่อฮอนด้าเริ่มสร้างความแข็งแกร่งและสามารถชิงยอดขายของรถยนต์ในกลุ่มตลาดซับคอมแพคไปครอบครอง ไม่เพียงเท่านั้นฮอนด้ายังมีอัตราการเติบโตในตลาดรถยนต์นั่งที่สูงกว่าค่ายอื่นๆรวมไปถึงค่ายผู้นำอันดับ 1 ด้วย

ปัจจัยที่ทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นมานั้น เนื่องจากการมีโมเดลใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ ฮอนด้า แอคคอร์ด,ฮอนด้า แจ๊ซ และ ฮอนด้า ซิตี้ ซึ่งการเปิดตัวรถยนต์ทั้ง 3 รุ่นในรูปโฉมใหม่ ส่งผลให้ฮอนด้ามีการปรับเป้า จากเดิมที่มีการตั้งเป้ายอดขายไว้เพียง 70,000 คัน ก็มีการปรับเพิ่มเป็น 85,000 คัน เติบโตขึ้นอีก 20%เทียบกับปีที่ผ่านมา ถือเป็นการสวนกระแสสภาพตลาดที่มีการหดตัวลง อย่างไรก็ตามฮอนด้ายังเชื่อมั่นว่ายอดขายที่เหลืออีกราว 5,000 คันน่าจะเป็นไปตามที่ได้วางไว้ เนื่องจากมองว่าผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจรถยนต์ขนาดเล็กที่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

"ยอดขายรถยนต์นั่งทุกรุ่นของฮอนด้ามีการเติบโตมากเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขส่วนแบ่งทางการตลาดจะเป็นสิ่งยืนยันว่าสินค้าของเราได้รับการยอมรับมากน้อยแค่ไหน ซึ่งในตลาดเรามีส่วนแบ่งจำนวน 14.38 % เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เรามี 10.05 % ขณะที่ส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์นั่งจากเดิมทำได้ 30.75 % ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 35.40 % ตัวเลขที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆทำให้เรามั่นใจว่าเป้าหมายที่วางไว้คงไม่ยากเกินไป"เคนจิ โอตะกะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย)จำกัด กล่าว

ฮอนด้าวางเป้าหมายในตลาดรถยนต์นั่งไว้ว่า จะเป็นผู้นำ โดยเริ่มต้นจากเซ็กเม้นต์ซับคอมแพค ที่พวกเขามีฮอนด้า แจ๊ซ และ ฮอนด้า ซิตี้ เป็นหัวหอกทะลวงยอดขาย ซึ่งทั้งสองรุ่นก็สามารถทำยอดขายออกมาจนเป็นที่น่าพอใจ และส่งให้ภาพรวมยอดขายของพวกเขาในช่วงที่ผ่านมาเติบโตแบบก้าวกระโดดเหนือแบรนด์อื่นๆ

อย่างไรก็ตามในส่วนของรถยนต์นั่งเซ็กเม้นต์อื่นๆอย่างรถยนต์นั่งขนาดกลางที่ซีวิคจะต้องประชันกับอัลติส ก็ต้องบอกว่าเป็นงานหนัก เนื่องจากโตโยต้ามียอดขายของรถในกลุ่มนี้เป็นอันดับมาโดยตลอด ประกอบกับการขายฟลีต ทำให้ยอดขายของรถรุ่นนี้สูงกว่าค่ายคู่แข่งอื่นๆและที่เป็นปัญหาของซีวิคอีกประการคือการส่งมอบรถได้ไม่ทันกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในปีนี้ ซึ่งเป็นผลให้ผู้บริโภคอาจจะตัดสินใจซื้อรถยนต์แบรนด์อื่นๆแทน

ด้านกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลาง ที่ฮอนด้า มั่นใจในตัวแอคคอร์ด แต่เมื่อมองถึงภาพรวมกว้างๆแล้ว ก็ดูจะเป็นการยากหากจะต่อกรกับเบอร์หนึ่งอย่างคัมรี ที่มีรูปลักษณ์ และชื่อชั้นของแบรนด์ที่เหนือกว่า

เรียกได้ว่าหนทางสู่แชมป์ไม่ง่าย แม้ฮอนด้าจะสามารถเป็นที่1ในตลาดซับคอมแพคได้ แต่เมื่อมองภาพรวมของตลาดรถยนต์นั่งทั้งหมดแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแชมป์เก่าอย่างโตโยต้านั้นยังคงมีเขี้ยวเล็บอยู่เสมอ หรือหากฮอนด้าฝันถึงแชมป์จริงๆก็น่าจะรออีกสักปีสองปี เมื่อโครงการอีโคคาร์คลอด เพราะพวกเขาถือเป็นค่ายที่มีความพร้อมเหนือค่ายอื่นๆดังนั้นหากโครงการนี้ชัดเจนจริงๆมีหวังบัลลังก์แชมป์เบอร์ 1 โตโยต้าคงจะสะเทือฯขึ้นมาอีกระลอก

โดยตัวเลขยอดขายรวม 11 เดือนพบว่ามีจำนวน 556,267 คัน ลดลดจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ขายได้ 566,905 คัน หรือคิดเป็น 1.88 % ซึ่งค่ายโตโยต้ารั้งอันดับ 1 ด้วยจำนวนยอดขาย 236,227 คัน ลดลง 6.14 % ครองส่วนแบ่ง 42.47 % อันดับ 2 อีซูซุ 122,000 คัน ลดลง 8.80 % ครองส่วนแบ่ง 21.93 % และอันดับ 3 ฮอนด้า 80,000 คัน เติบโต 40.45 % ครองส่วนแบ่ง 14.28 %

เมื่อมาดูยอดขายในกลุ่มรถปิคอัพ ซึ่งถือเป็นเซ็กเม้นต์ที่มียอดขายสูงกว่าตลาดอื่นๆ พบว่าในกลุ่ม 1 ตัน มียอดขายรวม 297,627 คัน ลดลดจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ขายได้ 344,350 คัน หรือคิดเป็น 14.73 % โดยค่ายโตโยต้ามียอดขาย 118,753 คัน ลดลง 14.61 %ครองส่วนแบ่ง40.44 % ตามมาด้วยอีซูซุ 114,335 คัน ลดลง 7.36 % ครองส่วนแบ่ง 38.94 % และ นิสสัน 21,462 คัน ลดลง 11.88 % ครองส่วนแบ่ง 7.3 %

ด้านตลาดรถยนต์นั่ง พบว่าในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมามียอดขายที่เติบโตเหนือตลาดอื่นๆ โดยยอดขายรวมพบว่ามีจำนวน 202,980 คัน เติบโต 28.39 % โดยอันดับหนึ่งยังคงเป็นของโตโยต้า ที่มีรถยนต์นั่งจำนวน 7 รุ่น ประกอบด้วย วีออส, ยาริส, อัลติส, คัมรี่, อแวนซ่า, อินโนว่า และ วิช โดยทำยอดขายไว้ที่ 96,721 คัน เติบโต 14.08 % ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 47.65 %

ขณะที่ค่ายอันดับ 2 อย่างฮอนด้า ที่มีรถยนต์นั่งในรุ่น ซีอาร์วี - รถอเนกประสงค์,แอคคอร์ด รถยนต์นั่งขนาดกลาง,ซีวิค รถยนต์นั่งในกลุ่มคอมแพค ,และรถยนต์นั่งในกลุ่ม ซับ คอมแพค รุ่น แจ๊ซ และ ซิตี้ นั้น สามารถทำยอดขายได้ 71,851 คัน เติบโต 47.81 % ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 35.40 %

ภาพรวมการแข่งขันใน 2 ตลาดหลักคือตลาดรถปิคอัพ และ ตลาดรถยนต์นั่ง ส่งผลให้โตโยต้าที่แม้ว่าจะเตรียมตัวฉลอง 3 แชมป์ทั้งตลาดรวม – ตลาดรถปิคอัพ และ ตลาดรถยนต์นั่ง จะต้องทำการบ้านหนัก เพราะโดนขนาบทั้งซ้าย – ขวา จากคู่แข่งคนสำคัญทั้งอีซูซุ และ ฮอนด้า และแม้ว่าทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีหน้าอาจจะต้องชะลอตัว อันเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจการเงินที่มีปัญหากระทบกันทั้งในและต่างประเทศ แต่เชื่อว่าผู้นำอันดับ 1 อย่างโตโยต้า ยังคงต้องเดินหน้ารักษาบัลลังก์แชมป์ของตัวเองไว้อย่างเหนียวแน่น งานนี้จึงส่งผลให้การแข่งขันของตลาดรถยนต์ในปีหน้าจะต้องเป็นเป็นไปอย่างดุเดือด เพราะงานนี้มีบัลลังก์อันดับ 1 เป็นตัวประกันอีกเช่นเคย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us