ปี 1837
ช่างทำเทียนไข "วิลเลียม" พร็อคเตอร์ " กับ "เจมส์
แกมเบิ้อ" ช่างทำสบู่ ร่วทุนกันวันที่ 22 สิงหาคม 1837 และลงนามเป็นสัญญาเมื่อ
31 ตุลาคมปีเดียวกัน ก่อตั้งกิจการผลิตสบู่และเทียนไข
ปี 1838
ลงโฆษณาในหน้าหนังมือพิมพ์สำหรับผลิตภัณฑ์สบู่ และเทียนไขที่ผลิตขึ้นภายใต้ซื้อบริษัทว่า
"ฟร็อคเตอร์ , แกมเบิ้ล แอนด์ คัมปะนี"
ปี 1850 - 51
พีแอนด์จีเริ่มบรรจุภัณฑ์เทียนไขยี่ห้อ "สตาร์" ด้วยเครื่องหมายการค้าเป็นรูป
"กากบาท" ต่อมาเปลี่ยนเป็นเครื่องหมายดวงจันทร์และดาวเมื่อปี 1859
เป็นสัญลักษณ์อณานิคมดังเดิม 13 แห่งของอเมริกา
ปี 1863
ภาวะขาดแคนไขมันหมู่สำหรับผลิตเทียนไขอย่างหนัก ทำให้พีแอนด์จีต้องใช้ไขมันวัวแทน
แล้วนำไขมันหมูมากลั่นเป็นผลิตภัณฑ์ใช้ในครัว นำมาสู่การผลิตน้ำมัน "crisco"
ปี 1911….นอกจากนี้ เจมส์ แกมเบิ้ล ลูกช่ายผู้ก่อตั้งยังวิจัยพบ silicate
of soda เพื่อนำมาทดแทนย่างสนที่หายากมากและต่อมาได้กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญในเทคโนโลยีการผลิตสบู่และผงชักฟอง
ปี 1878
พีแอนด์จีผลิตสบู่ยี่ห้อ "white soap "
ปี 1879
ฮาร์ลีย์ พร็อคเตอร์ เปลี่ยนซื้อสบู่ white soap เป็น "ivory"
ปี 1881
ฮาร์ลีย์ พร็อค เริ่มโปรโมทสบู่ ivory โดยโฆษณาสิ่งพิมพ์ ตลอดจนทศวรรษที่
1880 พีแอนด์จี ได้ซื้อว่าเป็นหนึ่งบรรดาบริษัทอุตสาหกรรมรุ่นแรกที่รู้จักกาใช้ประโยชน์จากโปสเตอร์โฆษณากลางแจ้ง
ปี 1882
พีแอนด์จี จดทะเบียนสิทธิบัตรเครื่องหมายการค้ารูปดวงจันทร์และดาว
ปี 1890
พีแอนด์จีจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดเพื่อระดมเงินขยายงาน มี วิลเลียม อเล็กซานเดอร์
พร็อคเตอร์ ลูกชายผู้ก่อตั้งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่คนแรก
ปี 1892
พิแอนด์จีเริ่มโครงการให้พนักงานซื้อหุ้นของบริษัท
ปี 1896
เป็นหนึ่งในบริษัทผลิตสบู่รายแรกๆ ที่ทำโฆษณาสิ่งพิมพ์ 4 สีสวยสดุดตา เป็นภาพวาดโฆษณาสบู่
tvory ฝีมือของจิตรกรซื้อดังแห่งยุค อาที เจสซี่ วิลค็อกซ์ สมิธและแฟนนี่
คอรี
ปี 1900
- ปีที่พีแอนด์จีมีรายได้ทะลุ 1 ล้านดอลลาล์
- เริ่มผลิตสบู่เกล็ดสำหรับขายให้ร้านซักรีด
ปี 1902
วางตลาดสบู่ซักผ้ายี่ห้อ "WHITE NAPHTHA "
ปี 1911
วางตลาดน้ำมันสำหรับทำให้ขนมกรอบยี่ห้อ "CRISCO" ถือเป็นน้ำมันพืชที่ใช้ทำขนมกรอบชนิดแรก
นอกจากนี้มีการลงโฆษณา 4 สี สินค้าประเภทน้ำมันพืชเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1917
ปี 1918
- กำหนดเวลาทำงานเป็นวันละ 8 ชั่วโมง
- วางตลาดสบู่เกล็ดยี่ห้อ "IVORY FLAKES"
- บุกเบิกระบบขายตรงแก่ผู้ค้าปลีกด้วยการจ้างทีมขาย 450 คน ทำให้บริษัทค้าส่งพากันบอยค็อดต์สินค้าของพีแอนด์จี
ปี 1921
วางตลาดผงซักฟอก "CHIPSO" ผงซักฟอกสำหรับใช้กับเครื่องซักผ้าชนิดแรกของพีแอนด์จี
ปี 1924
ตั้งแผนกวิจัยตลาดเพื่อศึกษาพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคโดยเฉพาะ
ปี 1926
พีแอนด์จีผลิตสินค้าแข่งกันเองเป็นครั้งแรก ด้วยการวางตลาดสบู่ "CAMAY"
แข่งกับ "IVORY" โดยตรง
ปี 1930
- วางตลาดผงซักฟอก "IVORY SNOW"
- มีกิจการในเครือข่ายในต่างประเทศเป็นครั้งแรก ตัวอย่างซื้อบริษัท "
โธมัส เฮดลีย์" ในอังกฤษ
ปี 1931
นิล แม็คเอลรอยเริ่มแนวความคิดการบริหารงานระบบ
ปี 1933
วางตลาด "DREFT" ผงสักฟองผลิตจากสารสังเคราะห์เป็นตัวแรก
ปี 1937
ฉลองครบรอบการก่อตั้ง 100 ปี
ปี 1939
เรด บาร์เบอร์เป็นนายแบบโฆษณาสบู่ tvory ทางทีวี เป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ถือเป็น
ครั้งแรก ในแง่ การถ่ายทอดเบสบอลทางทีวีเป็นครั้งแรก และพีอแอนด์จี ใช้ทีวีในการโฆษณาสินค้าอุปโภคบริโภคครั้งแรกด้วย
ปี 1946
- ทดลองตลาด TIDE ผงซักฟองสังเคราะห์ พลังซักสูง และว่าตลาดทั่วประเทศในปีต่อมา
- ว่างตลาดแซมพูสูตรเข้มข้น PRELL
ปี 1950
วางตลาดน้ำยาล้างจาน JOY
ปี 1952
ปรับสูตรผงซักฟองขาว cheer ที่วางตลาดเมื่อ 2 ปีก่อน เป็น blue cheer สำหรับแม่บ้านที่ต้องการลงครามเสื้อขาว
ปี 1955
- วางตลาด DASH ผงซักฟอกที่ให้ฟองน้อยครั้งแรก ยอดขายดีพอสมควร แต่ไม่เท่าครั้งวางตลาด
tide
- วางตลาดยาสีฟัน crast ที่มาส่วนผสมฟลูออไรด์เป็นชนิดแรก
- วางตลาดผงล้านจานด้วยเครื่อง cas cade
- ซื้อกิจการบริษัท ดับบลิว .ที. ยีงก์ . ฟูดส์. ผู้ผลิตเนยถั่วยี่ห้อ บิ๊กท้อป
ปี 1956
- พีแอนด์จีทำยอดขายทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์
- วางตลาดเนยถั่ว JIF
- วางตลาด comet ผงทำความสะอาดผสมคลอริน
- พีแอนด์จีเข้าตลาดยาระงับกลิ่นตัว วางตลาดครีม secret
- เข้าซื้อกิจการบริษัท " เนบราสก้า คอนโซเดทเต็ด มิลส์ " และซื้อยี่ห้อ
" ดันแคนโฮนส์
ปี 1957
- ซื้อกิจการ "ซาร์มิน เปเปอร์ มิลส์ " ก้าวเข้าสู่ตลาดสินค้าประเภทกระดาษเพื่ออุปโภค
- วางตลาดน้ำยาล้างจาน "IVORY LIQUID"
ปี 1960
สมาคมทันตอนามัยแห่งอเมริกาเสนอรายงานรับรองว่า ยาสีฟัน "CREST"
มีประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุจริง
ปี 1961
พีแอนด์จีเริ่มสินค้าประเภทใหม่วางตลาดผ้าอ้อมแบบใช้แล้วทิ้ง "PAMPERS"
ปี 1963
กระโจนเข้าตลาดกาแฟ ด้วยการซื้อกิจการบริษัท "เจ.เอ.ฟอลเจอร์"
ปี วางตลาดน้ำยาบ้วนปาก "SCOPE""BOUNTY"
ปี 1968
วางตลาดมันฝรั่งทอดกรอบ "PRIGLE'S"
ปี 1972
วางตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่ม "BOUNCE"
ปี 1974
ทดลองตลาดผ้าอนามัยแบบสอด "RELY" แต่ยกเลิกไปเมื่อปี 1980
ปี 1976
วางตลาดผ้าอ้อมใช้แล้วทิ้ง "LUVE"
ปี 1980-2
- พีแอนด์จีทำยอดขายทะลุ 10,000 ล้านดอลลาร์
- กระโดดร่วมวงธุรกิจผลิตเครื่องดื่มน้ำส้ม และเวชภัณฑ์ ด้วยการซื้อ "ครัช
อิน เตอร์เนชั่นแนล" บริษัทที่ทำเครื่องดื่มยี่ห้อ "CRUCH"
, HIRES และ "BEN HILL GRIFFIN CITRUS" และ "NORWICH-EATION"
- การซื้อบริษัท "นอริช อีตัน" ในปี 1982 ทำให้พีแอนด์จีได้ผลิตภัณฑ์ประเภทยาอีกหลายตัวเข้ามา
เช่น "PEPTO-BISMOL", "CHLO-RASEPTIC", "HEAD &
CHEST" และ"NORWICH"
ปี 1984
วางตลาดน้ำยาซักผ้า "LIQUID TIDE"
ปี 1985
- พีแอนด์จีขยายธุรกิจสู่ยาสามัญ ด้วยการซื้อ "ริชาร์ดสัน-วิคส์"
, รวมทั้งซื้อยี่ห้อ
"METAMUCIL", "DARMAMINE" และ "ICY HOT"
จากบริษัท "จี.ดี.เซียร์เล่" ….ผงาดขึ้นเป็นผู้ผลิตยาสามัญรายใหญ่ที่สุด
- วางตลาดยาสีฟันสูตรควบคุมหินปูน "CREST TARTAR CONTROL FORMULA"
ถือ เป็นชนิดแรกของตลาดยาสีฟันประเภทนี้
ปี 1986
- จอห์น สเมลขึ้นนุ่งเก้าอี้ประธานบริษัทต่อมาควบตำแหน่งประธานบริหารด้วย
- วางตลาดผ้าอ้อมใช้แล้วทิ้ง "ULTRA PAMPERS"
ปี 1987
ฉลองครบรอบก่อตั้งกิจการ 150 ปี