ตลาดวาณิชธนกิจหรือที่คนอเมริกาเรียก INVESTMENT BANK ส่วนคนอังกฤษเรียก
MERCHANT BANK นั้น เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นในประเทศไทย ตลาดนี้มีหลายประเภท
เช่นการออกหุ้นใหม่ การนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ ฯ การให้คำปรึกษาทางการเงินการควบหรือซื้อกิจการ
รวมไปถึงกลไกทางด้านหนี้สินและการร่วมกันจัดหาเงินกูสำหรับโครงการใหญ่ ๆ
ในเรื่องการออกหุ้นใหม่นั้น ผมเห็นว่าตลาดนี้นั้นค่อนข้างเจริญพอสมควรมีคนทำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเป็นจำนวนมาก
แต่ที่จริงการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นที่ทำกันในประเทศไทย และยังมีเทคนิคและวิธีการเสนอขายที่ไม่ซับซ้อนเท่าใดนักเมื่อเทียบกับตลาดที่มีความซับซ้อนอย่างในลอดดอน
เช่นเรื่องการเสนอขายต่อบุลคลทั่วไปหรือที่เรรียกว่า PUBLIC OFFERING นั้นในเมืองไทยยังไม่ได้เสนอขายต่อบุลคลทั่วไปอย่างแท้จริง
คือต้องมีการลงประกาศและตีพิมพ์ใบแจ้งชื่อ ทางหน้าหนังสือพิมพ์ เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสซื้อ
อย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้เรายังไม่มีกฎระเบียบอะไรอย่างแน่ชัดที่จะบอกว่าการทำ
PUBLIC OFFERING ควรจะทำการอย่างไร ต่างจากการทำ PRIVATE PLACEMENT อย่างไร
ส่วนในด้านของการให้คำปรึกษาทางการเงินก็เริ่มมามากขึ้น ผมคิดว่าที่เมืองไทยมีลักษณะหนึ่งที่เหมือนกับตลาดอื่นในเอเชียคือบริษัทจำนวนมากเป็นกิจการในครอบครัว
หุ้นส่วนข้างมากจะถือไว้ในตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ซึ่งพวกเขามักจะไม่ชอบจะให้ใครมารู้อะไรมากนักอันนี้ก็เป็นอุปสรรค์ต่อการทำธุรกิจ
ให้คำปรึกษาทางการเงิน ซึ่งไม่ใช่แต่เมืองไทยเท่านั้น ที่ฮ่องกงและสิงคโปร์ก็มี
นอกจากนี้ บรรดานักธุรกิจที่ต้องการปรึกษาทางการเงินมักจะไม่ชอบให้คิดค่าบริการ
แต่มักจะให้เราหากำไรเอาจากการรับจำหน่ายและประกันการจำหน่ายหุ้น ซึ่งมันเป็นคนละเรื่องกันทั้งนี้การให้คำปรึกษาเตรียมบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
นั้นเป็นหน้าที่หนึ่งซึ่งต่างจากการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น
ซึ่งหน้าที่อย่างหลังนี้มีเรื่องปัจจัยการเสี่ยงต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยธุรกิจให้คำปรึกษาทางการเงิน
อีกแบบหนึ่งที่เริ่มพัฒนาขึ้นมาบ้างแล้ว คือ เวนเจอร์ แคปิตอล หมายถึงบริษัทเล็ก
ๆ ที่เริ่มโตขึ้นแต่ยังไม่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ฯ และไม่สามารถเข้าตลาด
ฯ ได้ภายใน 2-3 ปีถัดมา แต่บริษัทเหล่าจำเป็นต้องใช้เงินทุนเพื่อการขายกิจการ
พวกเขาอาจไม่มีเครดิตมากพอที่จะกูจากเแบงก์ หรือแบงก์อาจจะมองว่าเสี่ยงเกินไปที่จะปล่อยให้กู้
เวนเจอร์ แคปิตอล สามารถให้คำปรึกษา และหาแหล่งเงินกู้ที่ยินดีจะลงทุนเสี่ยงร่วมกับพวกเขาได้
แต่เขาจะต้องเปิดเผยข้อมูลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นแผนการตลาด
การผลิต การจัดจำหน่าย
ปัญหาเรื่องการเปิดเผยข้อมูลเป็นอุปสรรคสำคัญในเรื่องการทำธุรกิจการให้คำปรึกษาทางการเงินดำเนินไปไม่ราบรื่น
นักลงทุนที่สนใจจะร่วมทุนด้วยนั้นจำเป็นที่จะต้องรู้ข้อมูลอย่างละเอียดเพราะเขาต้องลงทุนในอัตราเสี่ยงที่สูงมาก
เขาจึงควรจะรู้ทุกอย่าง ขนาดที่วัฒนธรรมการบริการธุรกิจแบบครอบครัวทำให้ผู้บริหารไม่ยอมรับให้คนนอกเข้ามารู้เรื่องอะไร
ๆ ที่เป็นเรื่องภายใน อย่างไรก็ดี ลักษณะเช่นนี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้วเพราะตอนนี้
เริ่มมีนตักบริหารในเจเนอเรชั่นที่ 3 เข้ามาบ้างแล้ว คนรุ่นนี้เริ่มสนใจที่จะหานักบริหารมืออาชีพเข้ามาร่วมงานด้วย
ดังนั้นแนวโน้มในระยะยาวเมื่ออุปสรรคเหล่านี้หมดไปการดำเนินธุรกิจให้คำปรึกษาทางการเงินคงจะมีอนาคตสดใสแน่
ในเรื่องของธุรกิจการควบหรือซื้อกิจการนั้น ความคิดที่จะใช้วิธีการนี้ยังไม่แพร่หลายนัก
อย่างไรก็ดีตลาดด้านนี้กำลังที่จะพัฒนา ซึ่งในระยะนี้ยังมีช่องว่าให้คนทำอีกมาก
ส่วนเรื่อง DEBT INSTRUMENT เช่น การทำ SWAPS ผมคิดว่าที่นี้มีนร้อยเพราะว่าคนไม่ค่อยสนใสใจเล่น
พวกที่ทำกันจริง ๆ คือพวกแบงก์ทำกันเอง การที่จะพัฒนาด้านตลาดได้นั้นต้องมี
INSURANCE FUND ที่จำเป็นต้องลงทุนในตลาดพันธบัตร ทั้งกองทุนเหล่านี้เริ่มลงทุนเขาก็มีเทคนิคการป้องกันความเสี่ยงของเขาเอง
ซึ่งกระบวนการเหล่านี้แหละที่จะพัฒนาตลาดให้มีความซับซ้อนมากขึ้น
การที่จะพัฒนาธุรกิจ MERCHANT BANK ให้ก้าวหน้าได้นั้น กิจการอย่างหนึ่งที่ควรอนุญาตให้ทำคือ
การนำเงินเข้าและออกประเทศได้โดยไม่ต้องติดขัดกฎระเบียบที่ยุ่งยากยากซับซ้อนเกินความจำเป็น
แต่ที่เมืองไทยมีการควบคุมเงินตราต่างประเทศ และอนุญาตเพียงนำเงินเข้ามาในประเทศเท่านั้น
ธุรกิจของ MERCHANT BANK จริง ๆ แล้วพอมีลักษณะที่เป็น INTERNATIONALIZATION
มันทำให้ธุรกิจนี้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว
สำหรับเรื่อง SYNDICATED LOAN ในสมัยก่อนก็นับว่าเกี่ยวข้องกับ MERCHANT
BANK ด้วย แต่สมัยก่อนนั้นไม่ค่อยที่จะมีความเสี่ยงอะไรมากพวกธนาคารพาณิชย์ก็เลยมองว่าทำไมต้องให้พวก
MERCHANT BANK ทำแล้วเรียกเก็บค่าบริการโดยไม่ได้มีความเสี่ยงอะไรเลย แต่เป็นการจับคู่ผู้กู้และผู้ให้กู้ธรรมดา
ๆ ซึ่งไม่ได้ให้ VALUEADDED อะไร
ทั้งนี้การที่ MERCHANT BANK จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำ SYNDICATED LOAN
ได้นั้นจะต้องมี VALUE ADDED ให้ด้วยเช่นอาจจะทำเป็น PACKAGE ให้ลูกค้าเลยคือให้คำแนะนำในเรื่องของ
DEBT และ EQUITY ให้ ซื้อตัว EQUITY นี่จริง ๆ และมันให้ผลตอบแทนที่สูงกว่ามาก
ในโครงสร้างของ SYNDICATED LOAN ที่เราทำให้แต่ละอันนั้นมีความซับซ้อนมากขึ้น
และก็มี VALUE ADDED อยู่ในนั้น
อะไรที่มี VALUE ADDED นี้เราสามารถเรียกค่าบริการที่สูงมากขึ้นได้ แต่อะไรที่มันเป็นเรื่องสามัญหรือง่าย
ๆ ไม่ค่อยมี VALUE ADDED ที่เราเรียกค่าบริการไม่ได้ MERCHANT BANK ควรจะพัฒนาไปสู่
HIGHER VALUE ADDED PRODUCT
ผมคิดว่า VALUE ADDED เป็นเรื่องจำเป็นในธุรกิจ MERCHANT BANK ตัว VALUE
ADDED ที่มี2 อย่างคือ ) เราบอกลูกค้าว่าเขาได้ VALUE ADDED ซึ่งมันเหมือนกับได้
แต่มันไม่ได้จริงๆ อันนี้มันเกี่ยวกับการตลาดที่ทุกคนต้องหาธุรกิจเข้าทำกัน
2 ) เราให้ VALUE ADDED จริง ๆ เช่น บริษัทหนึ่งมาบอกว่าเขาอยากทำอย่างนี้
นี่เป็นความคิดของเขา เรามีความเห็นอย่างไรบ้าง ถ้าเผื่อเราเห็นว่านี้เป็นยุทธศาสตร์ที่งี่เง่ามาก
ไม่น่าทำเลยบริษัทจะต้องพังถ้าทำอย่างนั้น ในความเห็นของผม VALUE ADDED ในกรณีนี้คือ
จากฐานข้อมูลกการวิจัยทั้งหลายที่เราค้นคว้ามา บริษัทไม่ควรจะทำอย่างนี้ผมต้องบอกเขา
นี้ซี่ที่ผมเรียกว่าเป็น REAL VALUE ADDED เพราะเราช่วยให้ลูกค้าทำสิ่งที่ดีกว่าที่เขาจะคิดทำได้
หรือหากเขาจะทำสิ่งที่ผิดแล้วเราสามารถดึงเขาออกมาได้นี้คือการให้ VALUE
ADDED ในธุรกิจ MERCHANT BANK อย่างแท้จริง ซึ่งในเมืองไทยยังทำกันน้อยมาก