Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2532








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2532
ดร.ไพรินทร์ ชูโชติช่วงถาวร ผู้บุกเบิกปิโตรเคมี ให้ "ชาติศิริ โสภณพนิช"             
 


   
search resources

ปิโตรเคมีแห่งชาติ, บมจ.
บางกอกโพลิทีลีน
ชาติศิริ โสภณพนิช
ไพรินทร์ ชูโชติถาวร
Energy




เมื่อเกือบ 20 กว่าปีก่อน ไม่มีใครคาดคิดว่า ประเทศไทยจะขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติขึ้นมาใช้ให้โชติช่วงชัชวาลอย่างเช่นปัจจุบัน และคงจะไม่มีใครคาดคิดเช่นกันว่า ที่ดินชายเลนที่โล่งเตียนสุดลูกหูลูกตา ซึ่งทำประโยชน์อะไรแทบจะไม่ค่อยได้แล้ว แถบมาบตาพุดและแหลมฉบังจะกลายเป็นแผ่นดินทองที่คลาคล่ำไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือการก่อสร้างในปัจจุบัน และอีกไม่นานก็จะมืดไปด้วยโรงงาน มันจะกลายเป็นย่านอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของไทยในอนาคตอันใกล้นี้

มันช่างสมพงษ์กับชีวิตของชายคนนี้เสียนี่กระไร ดร.ไพรินทร์ ชูโชติช่วงถาวร ทายาทน้อยของครอบครัวคนชั้นกลางธรรมดา ๆ เขาเอาความขยันหมั่นเพียรเป็นที่ตั้ง รักการอ่าน ชอบการเรียน เพื่อพัฒนาชีวิตให้เกิดคุณค่า แล้วเขาก็ได้เข้ามาเป็นคนสำคัญคนหนึ่งในจำนวนคนไม่กี่คนในการสร้างเมืองอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งกำลังก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาอยู่ในขณะนี้

ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นโลดโผนในชีวิตของเขา วันนี้ ดร.ไพรินทร์ ชูโชติช่วงถาวร อายุเพียง 33 ปีเท่านั้น เขาจบปริญญาตรีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเคมี จาก TOKYO INSTITUTE OF TECHNOLOGY

จบปริญญาเอกแล้วเขาก็รีบกลับเมืองไทย เข้าเป็นอาจารย์สอนหนังสือด้านวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อประมาณกลางปี 2528 แต่พอปลายปีเดียวกันเขาก็ลาออกเข้าร่วมงานกับบริษัทเปโตเคมีแห่งชาติ ซึ่งเป็นบริษัทที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นมา เพื่อนำโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมเปโตเคมีของประเทศจากวัตถุดิบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ขุดค้นพบจากอ่าวไทย

"การเป็นอาจารย์อาจจะไม่ค่อยตรงกับบุคลิกของผมเท่าไหร่ ผมอยากจะทำงานที่มันเพิ่มคุณค่าให้มากกว่า และก็เห็นรัฐบาลกำลังมีแผนจะพัฒนาอุตสาหกรรมเปโตเคมีจากก๊าซธรรมชาติที่ขุดค้นพบ จะลงทุนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานนับเป็นหมื่น ๆ ล้าน เพื่อที่จะรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ ผมก็สนใจ เพราะเป็นสิ่งที่ผมได้เรียนมาโดยตรงด้วย" เขากล่าวถึงเหตุของการย้ายงานในขณะนั้น แม้จะมองเห็นอยู่เหมือนกันว่า การผลิตวิศวกรเคมีออกมารองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมก็สำคัญไม่น้อยกว่ากันนัก แต่เขาให้เหตุผลว่า เขาชอบทำงานภาคธุรกิจมากกว่าราชการ

ที่เปโตเคมีแห่งชาติ ดร.ไพรินทร์ เข้าทำงานร่วมกับ ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมในการศึกษาโครงการเปโตเคมีแห่งชาติ จนสุดท้ายก็สามารถผลักดันโครงการนี้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้สำเร็จกลายเป็นความหวังใหม่ของแผนพัฒนาชายฝั่งทะเลตะวันออก หลังจากโครงการที่เริ่มต้นมาพร้อมกันอย่างโครงการปุ๋ยแห่งชาติโดนคว่ำไปอย่างไม่เป็นท่าได้ประมาณเกือบปี ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อการลงทุนบนชายฝั่งทะเลตะวันออกไปมากทีเดียว

ดร.ศิริ ซึ่งคนในวงการเดียวกันบอกว่า เก่งมากในด้านอุตสาหกรรมเปโตเคมี ได้ถูกทาบทามให้เข้ามาร่วมงานกับธนาคารกรุงเทพ โดย ชาตรี โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่เป็นคนเอ่ยปากชวนเอง เมื่อ ดร.ศิริ ตัดสินใจตามคำชวนของชาตรี ดร.ไพรินทร์ ก็ติดตาม ดร.ศิริ มาด้วยพร้อมกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งในนั้นก็มี สุพัฒนพงษ์ พันธ์เชาว์ รวมอยู่ด้วย เพราะเริ่มต้นมาด้วยกัน ตั้งแต่แรกที่เปโตเคมีแห่งชาติ นอกนั้นก็มีวิศวกรและเศรษฐกรอีกร่วม 20 คน

ชาตรี โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ มองว่า อุตสาหกรรมเปโตเคมีจะเป็นอุตสาหกรรมที่มีความหมายมากที่สุดต่ออุตสาหกรรมทุกประเภท ซึ่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดสำคัญของอุตสาหกรรมอื่น ๆ ทีเดียว กล่าวกันว่า เขาสนใจอุตสาหกรรมนี้มานานเมื่อแผนการลงทุนทางภาครัฐบาลแจ่มชัด เขาจึงได้ดึงกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเปโตเคมีกลุ่มนี้เข้าร่วมงานทันที เพื่อรองรับความคิดของเขาในทางปฏิบัติ

ทีมงานผู้เชี่ยวชาญเปโตเคมีที่ชาตรีดึงเข้ามาร่วมงานนั้นได้เข้าไปฝังตัวอยู่ในฝ่ายวาณิชธนกิจที่เขาตั้งขึ้นมา โดยรับปรึกษาและวิเคราะห์โครงการลงทุนของเอกชนในโครงการเปโตเคมีทั้งสองระยะ โดยเขาดึงเอาลูกชายของเขา ชาติศิริ โสภณพนิช เข้ามาเป็นแกนนำสำคัญในการตัดสินใจต่าง ๆ อยู่ด้วย ซึ่งปรากฏโครงการที่ฝ่ายวาณิชธนกิจของธนาคารกรุงเทพรับปรึกษาและวิเคราะห์ ตลอดทั้งให้การสนับสนุนทางการเงินสามารถได้รับการอนุมัติและส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาลถึง 5 โครงการ ในโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัติทั้งสิ้น 6 โครงการในปัจจุบันสำหรับระยะที่ 1

นี่ถือว่าเป็นความสำเร็จสูงสุดของทีมงานศึกษาโครงการลงทุนในอุตสาหกรรมเปโตเคมีของเมืองไทย และในจำนวนนั้นก็มีโครงการลงทุนของกลุ่มธนาคารกรุงเทพเองถึง 2 โครงการ คือ บริษัท บางกอกอินดัสเตรียลก๊าซ กับบริษัทเอส.เอ็ม.ซี ซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊าซอุตสาหกรรมเกือบทุกชนิด ส่วนในระยะที่สอง กลุ่มลงทุนของธนาคารกรุงเทพ ก็ได้รับอนุมัติและรับการส่งเสริมอยู่ด้วยเช่นกัน คือ บริษัทบางกอกโพลิทีลีน ซึ่งเป็นโครงการผลิตเม็ดพลาสติก

คนในวงการ คาดกันว่า กลุ่มธนาคารกรุงเทพฯ หรือกล่าวกันให้ชัดเจนขึ้นก็คือ กลุ่มโสภณพนิช จะกลายเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเปโตเคมีที่ใหญ่มากกลุ่มหนึ่งในอนาคตอันใกล้นี้

"เพราะเป็นกลุ่มที่มีความพร้อมมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ โดยเฉพาะเรื่องคนที่หากันยากมาก แต่คุณชาตรีเขากว้านเอาผู้เชี่ยวชาญพวกนี้ไปอยู่ด้วยเกือบหมดแล้ว หรือแม้แต่ภาครัฐบาลก็อยู่ในเครือข่ายที่กลุ่มนี้เข้าถึงได้ทุกจุด เรื่องเงินคงไม่ต้องพูดถึงว่า เขาเป็นกลุ่มที่มีกำลังมากที่สุดเวลานี้" แหล่งข่าวในวงการ กล่าว

"พลาสติกจะเข้ามาแทนที่วัสดุเกือบทุกอย่างที่มนุษย์เราเคยใช้มาก่อน พร้อม ๆ ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นไม้ เหล็ก อลูมิเนียม หรือแม้แต่ปูนซีเมนต์ และขณะนี้ประเทศทไยยังใช้พลาสติกน้อยมาก คือ เพียง 1 ใน 5 เมื่อเทียบกับสัดส่วนที่ประเทศที่เจริญแล้ว ฉะนั้นอุตสาหกรรมเปโตเคมียังสามารถขยายตัวได้อีกมหาศาล" ดร.ไพรินทร์ กล่าว

พร้อม ๆ กับการปรับพื้นที่ผิวบริเวณมาบตาพุดและแหลมฉบังอย่างขะมักเขม้น เพื่อก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ดร.ไพรินทร์ ชูโชติช่วงถาวร ก็ได้ย้ายออกมาจากการเป็นพนักงานของธนาคารกรุงเทพเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพื่อเข้ารับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการบริษัทบางกอกโพลิทีลีน ซึ่งเป็นบริษัทของกลุ่มธนาคารกรุงเทพ หรือกล่าวเฉพาะโครงการนี้เป็นที่ทราบกันดีของคนใกล้ชิดว่า โครงการของชาติศิริ โสภณพนิช ลูกชายคนโตของชาตรี ทายาทรุ่นที่ 3 ของโสภณพนิช

"คุณชาติศิริสนใจลงทุนในอุตสาหกรรมเปโตเคมีมาก ตัวเขาเองก็จบมาทางด้านนี้ด้วย ทุกอย่างเลยประจวบเหมาะไปเสียทุกอย่าง" คนในแบงก์กรุงเทพ กล่าว

ก่อนที่จะย้ายออกมารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ ดร.ไพรินทร์ ในบริษัทบางกอกโพลิทีลีน เขาเองก็รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการมาตั้งแต่เริ่มโครงการแล้ว แต่แม้จะมานั่งประจำที่บริษัทซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณอาณาจักรส่วนตัวของชาตรีและลูก ๆ อันเป็นที่ตั้งของบริษัทเอเชียลิสซิ่ง ซิตี้เรียลตี้ ฯลฯ บนถนนสาธรนั้น ดร.ไพรินทร์ก็ยังต้องเข้าไปนั่งประชุมงานอยู่ที่ธนาคารกรุงเทพเกือบทุกวัน

"บางกอกโพลิทีลีน" เป็น 1 ใน 12 รายที่ได้รับคัดเลือกจากรัฐบาลเพื่อให้การส่งเสริมให้ลงทุนในอุตสาหกรรมเปโตเคมีระยะที่ 2 โดยให้เป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติกโพลีอีสทีน จากจำนวนผู้เสนอมาทั้งสิ้น 60 โครงการเมื่อปี 2531 โดยโครงการนี้มีกลุ่มฮั้วกี่เปเปอร์ 1 ใน 5 เสือกระดาษเมืองไทยเข้าร่วมทุนฝ่ายไทยอยู่ด้วย คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จถึงขั้นผลิตเม็ดพลาสติกป้อนตลาดอุตสาหกรรมพลาสติกในประเทศไทยในปี 2535

ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาเทคโนโลยีและผู้รับเหมาก่อสร้าง รวมทั้งเจรจาผู้ร่วมทุนต่างประเทศ ซึ่งคาดกันว่าคนที่จะมานั่งเป็นประธานกรรมการนั้นคือ ชาตรี โสภณพนิช แห่งแบงก์กรุงเทพ ดร.พิชิต นิธิวาสิน ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมเปโตเคมีของค่ายฮั้วกี่เปเปอร์นั่งเป็นกรรมการผู้จัดการ และ ดร.ไพรินทร์ นั่งเป็นรอง

ในวันนี้ถ้าจะเปรียบอุตสาหกรรมเปโตเคมีซึ่งกำลังก่อร่างสร้างตัวตนขึ้นมาอยู่นั้นเป็นเสาสำคัญของอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภท ดร.ไพรนิทร์ ชูโชติช่วงถาวร ซึ่งกำลังเติบโตขึ้นมาในอุตสาหกรรมนี้ก็นับว่าเป็นเสาสำคัญของทายาทรุ่นที่ 3 ของโสภณพนิชทีเดียว โดยเฉพาะการย้ายออกมาจากแบงก์กรุงเทพอยู่ในบางกอกโพลิทีลีนของเขานั้น คือ การกระโดดเข้าสู่อาณาจักรของ ชาติศิริ โสภณพนิช โดยแท้ยากยิ่งที่จะอธิบายเป็นอื่น

จากนักเรียนทุน อาจารย์มหาวิทยาลัย พนักงานรัฐวิสาหกิจ กระโดดสู่อาณาจักรของกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นสำหรัเบขาและคนอื่น ๆ มากมายนัก ความหมายสำคัญอยู่ที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญเปโตเคมีที่บุกเบิกมาตั้งแต่แรก รู้ไส้ทะลุพุงโครงการทั้งหมดของภาครัฐบาลนั้น ไม่มีเหลอืให้คู่แข่งทางธุรกิจของโสภณพนิชหาตัวอีกแล้ว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us