|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ธุรกิจ บลจ.เน้นลงทุนระมัดระวัง โฟกัสไปที่ตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ และลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเป็นสำคัญ เลี่ยงตราสารหนี้ต่างประเทศ เหตุเสี่ยงเกิน ส่วนจะลงหุ้นกู้ในประเทศก็ต้องเรตติ้งระดับ A ขึ้นไป หวั่นการเมืองกระทบเครดิตประเทศและบริษัทเอกชน
เอกชนชี้ “รัฐบาล” ตัวแปรสำคัญ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเดินหน้า ระบุสเปกต้องหน้าตาดี-เชื่อถือได้ พร้อมแนะจับจังหวะช่วงราคาน้ำมัน-วัสดุก่อสร้างปรับลด เดินหน้าโครงการลงทุนภาครัฐ กระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว ไม่ใช่เอาใจแต่รากหญ้า มองการลดอาร์/พี 1% ของธปท. ถือว่าเหนือความคาดหมาย แนะเลี่ยงลงทุนหุ้นกู้เอกชนกลุ่มเสี่ยง ทั้งลีสซิ่ง การเงิน อสังหาริมทรัพย์และปิโตรเคมี
ศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด กล่าวถึงการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย(อาร์/พี 1 วัน)ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลง 1% ว่า สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดตราสารหนี้ค่อนข้างมาก เพราะมีการคาดการณ์ว่าน่าจะปรับลดเพียง 0.5% เท่านั้น การปรับลดดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าทาง ธปท. ต้องการที่จะใช้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลงอย่างชัดเจน หลังจากที่เสรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวได้ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
นอกจากนี้ ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทยเอง ยังทำให้การใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชนหายไปด้วย และผลของการปิดสนามบินจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่ง ธปท.มีความจำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจค่อนข้างแรง
อย่างไรก็ตาม การจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งหน้าอีกหรือไม่นั้น ขึ้นกับตัวเลขเศรษฐกิจจริงที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการพิจารณาของ ธปท. ซึ่งหากต้องการให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมีมากขึ้น ก็อาจจะใช้วิธีลดการดูดซับสภาพคล่องโดยลดการออกพันธบัตรลงร่วมด้วย
ทั้งนี้แนวโน้มความกังวลต่อวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกจะทำให้ตราสารหนี้มีความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ต้องระวังการถูกปรับลดอันดับเครดิต (ดาวน์เกรด) ซึ่งในปีหน้า จะเห็นภาคเอกชนระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้มากขึ้น เพราะการไประดมทุนในต่างประเทศทำได้ยากขึ้น
นอกจากนี้ปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้ประเทศไทยถูกปรับลดอันดับเครดิตลง ซึ่งจะติดตามมาด้วยการปรับลดอันดับเครดิตบริษัทเอกชน ทำให้กองทุนต้องมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้โดยใช้ความระมัดระวังมากขึ้น จากเดิมที่มีกรอบนโยบายที่ลงทุนในหุ้นกู้ที่มีเรทติ้ง BBB- ซึ่งเป็นระดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) ขึ้นไป ก็ขยับขึ้นมาที่เรทติ้ง A ขึ้นไป ด้าน กำพล อัศวกุลชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาและสนับสนุนตัวแทนขาย บลจ.ทหารไทย กล่าวว่า มีตราสารหนี้ต่างประเทศของหลายๆประเทศที่ให้ดอกเบี้ยสูง แต่ก็มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมากเช่นกัน เพราะปัจจุบันค่าเงินมีความผันผวนสูง และไม่เป็นไปตามกลไกปกติ ดังนั้น ถึงแม้ผลตอบแทนจะสูงแต่หักลบอัตราแลกเปลี่ยนไปแล้วอาจจะไม่คุ้มกัน
สำหรับในปีหน้ากองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท จะเริ่มทยอยครบอายุ ดังนั้นจะมีเงินลงทุนไหลกลับมากขึ้น ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าจะกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเช่น พันธบัตรรัฐบาลและ หุ้นกู้คุณภาพดี
|
|
|
|
|