Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 ธันวาคม 2551
คนหุ้นลุ้น“อภิสิทธ์”นั่งนายกฯ จับตาผลประชุมเฟด-โอเปก             
 


   
search resources

Stock Exchange




นักลงทุนลุ้น “อภิสิทธ์” นั่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หวังช่วยฟื้นตลาดหุ้นไทย ด้านโบรกเกอร์ มั่นใจตลาดหุ้นไปต่อ ยกเว้นพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลกดดันตลาดหุ้นร่วงแน่ พร้อมแนะจับตาผลการประชุมเฟด-โอเปก ที่ประชุมภายในสัปดาห์นี้

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะเรื่องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ และ 4 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมประกาศสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจและเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเป็นจำนวน ผลักดันดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30 จุด หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 8% ปิดที่ 424.79 จุด

ขณะปัจจัยการเมืองเรื่องการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี วันนี้ (15 ธ.ค.) ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่จะส่งมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น หากนายอภิสิทธิ์ ได้รับคะแนนโหวตให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์จะส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเดินหน้าต่อไปได้ ตรงกันข้ามหากมีการพลิกขั่วทางการเมืองจะส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง

นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี จำกัด (มหาชน) หรือ KTBS กล่าวถึง แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ว่า นักลงทุนจะต้องติดตามผลการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้รับการโหวตหรือไม่ หากนายอภิสิทธิได้เป็นนายกฯ ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย

ขณะเดียวกัน ปัจจัยต่างประเทศยังคงมีผลต่อตลาดหุ้นไทย ทั้งเรื่องของการประชุมของธนคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ รวมถึงการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ในวันที่ (17 ธ.ค.) ว่าจะปรับลดกำลังการผลิตเพียงใด ภายหลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วงลงมาต่ำ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

“หุ้นที่น่าลงทุนจะเป็นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี อีกทั้งอาจจะได้รับข่าวดีหากโอเปคลดกำลังการผลิตน้ำมันลง ซึ่งมองแนวรับอยู่ที่ 400-415 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 436 จุด”

นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้ายังคงมีปัจจัยทั้งจากการเมืองในประเทศและต่างประเทศ โดยนักลงทุนควรรอดูผลการประชุมสภาผู้แทนราษฏรในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แม้ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี ตลาดน่าน่าจะมีแรงเทขายรับข่าวออกมาจนดัชนีร่วงลงในที่สุด ดังนั้นนักลงทุนชะลอการลงทุนออกไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ ทั้งนี้ประเมินแนวรับที่ 405 จุด และแนวต้านที่ 443 จุด

ขณะที่นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่สภาสูงของสหรัฐฯไม่อนุมัติแผนกอบกู้กลุ่มยานยนต์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยร่วงลง และเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดเอเชีย รวมถึงปัญหา การเมืองภายในประเทศที่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลาจนกว่าจะโหวตเสร็จสิ้น

“แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ คาดว่าจะมีทิศทางที่ปรับตัวลง ตามปัจจัยด้านการเมืองในประเทศและดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งนักลงทุนควรรอดูบทสรุปของการเมืองว่าใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยประเมินแนวรับที่ 432-440 จุด ส่วนแนวต้านที่ 410 จุด”

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยจะขึ้นอยู่กับผลการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญวันที่ 15 ธันวาคมนี้ หากเป็นไปตามที่ทุกฝ่ายคาดการณ์ไว้ คือ พรรคประชาธิปัตย์ครองเสียงข้างมากเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับการลงมติเลือกขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกฯ ดัชนีตลาดหุ้นอาจทะยานขึ้นตอบรับข่าวได้ประมาณ 15-50 จุด โดยมีแนวต้านที่ 450 จุด แต่หลังจากนั้นอาจมีแรงขายออกมาหลังเก็งกำไรมาก่อนหน้ากว่า 1 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม หากการเมืองพลิกผันไม่เป็นตามคาด คือ พรรคเพื่อไทยอาจมีเสียงข้างมาก และได้รับเลือกเข้ามาเป็นแกนนำรัฐบาล ดัชนีตลาดหุ้นจะมีความเสี่ยงต่อการปรับลงแรงประมาณ 15-20 จุด โดยมีแนวรับที่ 400 จุด ทั้งนี้ในระหว่างสัปดาห์ กลยุทธ์ แนะนำหาจังหวะขาย ประเมินแนวรับ 400 จุด แนวต้าน 450 จุด

ด้านบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวขึ้นได้ จากแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้นหลังผลการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าพรรคประชาธิปัตย์น่าจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล รวมทั้งนักลงทุนคงจะติดตามการทยอยประกาศงบการเงินฉบับย่อของธนาคารพาณิชย์ (ธ.พ.1.1) ในช่วงปลายสัปดาห์

ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางชั้นนำ โดยเฉพาะเฟดในวันที่ 15-16 ธ.ค. การประชุมของกลุ่มโอเปกในวันที่ 17 ธ.ค. รวมทั้งการปรับตัวของตลาดหุ้นในภูมิภาค ตลอดจนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ประเมินแนวรับไว้ที่ 393 และ 384 จุด ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 433 และ 463 จุด ตามลำดับ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us