Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 สิงหาคม 2546
KMCล้างขาดทุนสะสม ระดมทุนเพิ่ม4พันล้านขยายการลงทุน             
 


   
search resources

ศุภาลัย, บมจ.
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, บมจ.
กฤษดามหานคร, บมจ.
ควอลิตี้เฮาส์, บมจ.
เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์, บมจ.
ไรมอน แลนด์, บมจ.
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้, บมจ.
ไชยยันต์ ชาครกุล
อนุพงษ์ อัศวโภคิน
ธีระชนม์ มโนมัยพิบูลย์
ไนเจิล จอห์น คอร์นิค
จุรินทร์ อุทัยเจริญพงษ์
รัชฎา กฤษดาธานนท์
ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต
Real Estate




KMC เดินหน้าล้างขาดทุนสะสมหมด 7,000 ล้านบาทในปีนี้ พร้อมกลับเข้าซื้อขายในหมวดอสังหาริมทรัพย์ได้ เล็งระดมทุนเพิ่มอีก 3-4 พันล้านบาท หวังใช้ขยายการลงทุนโครงการใหม่ปีหน้า อย่างน้อย 4 แห่ง มูลค่า 3,000 ล้านบาท ส่วนเพอร์เฟคฯมั่นใจล้างขาดทุนหมดเช่นกัน ขณะที่เอเชี่ยนฯ ผลประกอบการโดดเด่น

KMC เร่งล้างขาดทุน

นางสาวจุรินทร์ อุทัยเจริญพงษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ปรับโครงสร้างหนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการทำเรื่องย้ายหมวดจากปัจจุบันที่อยู่ในหมวดบริษัทอยู่ระหว่างฟื้นฟูหรือหมวดรีแฮปโก้ กลับสู่หมวดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเพิ่มทุนอีก100 ล้านบาท ภายในเวลา 45 วันข้างหน้า

รวมทั้ง บริษัทมีแนวทางที่จะล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่จำนวน 7,000 ล้านบาท ให้หมดภายในปลายปีนี้ และในปีหน้า บริษัทจะเพิ่มทุนอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายการลงทุนโครงการใหม่ ๆ ขณะเดียวกัน ก็จะออกหุ้นกู้อีก 2-3 พันล้านบาท ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ในปีหน้า ทั้งนี้ การออกหุ้นกู้จะทำให้บริษัทมีต้นทุนทางการเงินในอัตราที่ต่ำลง

สำหรับแผนการลงทุนของบริษัท มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ และเพิ่มรายได้อย่างน้อยเป็น 2,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% ในปีหน้า และภายใน 3 ปีข้างหน้า จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะเปิดตัวโครงการใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ โครง การย่านพหลโยธิน-รังสิต พื้นที่ 100 ไร่ และโครง การย่านปิ่นเกล้า-พระราม 5 พื้นที่ 100 ไร่ คิดเป็น มูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท

นางจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการกฤษดา ซิตี้ เลค แอนด์ พาร์ค ตั้งอยู่ถนนบางนา-เทพารักษ์ พื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ในช่วงแรกจะพัฒนาก่อน 100 ไร่ มูลค่า 500 ล้านบาท ได้รับเงินสนับสนุนจากธนาคารกรุงไทย สำหรับจุดเด่นของโครงการนี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางมากถึง 249 ไร่ เน้นการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์อิงธรรมชาติ

ตะลุยดันยอดขายโตเท่าตัว

ด้านนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ คาดว่าจะมียอดขายรวม 2,000 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่มียอดขายเพียง 1,500 ล้านบาท และในปี 2547 จะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 2,500 ล้านบาท และยอดขายโตเท่าตัวในปี 2548

ส่วนแผนการลงทุนในปีหน้า บริษัทตั้งเป้าเปิด ตัวโครงการใหม่อย่างน้อย 4 แห่ง ได้แก่ 1. โครงการบริเวณถนนรัชดาภิเษก ด้านหน้าอาคารสำนักงานกฤษดาฯ ซึ่งจะพัฒนาเป็นออฟฟิศ และทาวน์เฮาส์ในเมือง ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป พื้นที่ 5 ไร่ 2.โครงการโฮม ออฟฟิศ บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.7 3.โครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ตั้งอยู่ที่รังสิต-คลอง 4 และ 4.โครงการบริเวณถนน ปิ่นเกล้า-นครชัยศรีฯ ใกล้พุทธมณฑลสาย 2 จะ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวหรูหราราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป

ไรมอนฯเล็งย้ายกลับหมวดอสังหา

นายไนเจิล เจ. คอร์นิค กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RAIMON กล่าวว่า แม้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 จะมีผลขาดทุนสุทธิประมาณ 25 ล้านบาท แต่เมื่อรวมทั้งปีจะมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจอย่างแน่นอน เนื่องจากบริษัทได้รับรู้รายได้จากการขายบ้านในโครงการเดอะ ลอฟท์ สาทร ซึ่งปัจจุบันประ มาณ 50% จากจำนวน 25 ยูนิต

สำหรับโครงการเดอะ ลอฟท์ สาทรนั้น ไรมอนด์ฯ ได้จับมือกับบริษัท คูดู ถือหุ้นในสัดส่วน 55:45 ตามลำดับ ในบริษัท สตราทิจิค พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อพัฒนาโครงการดังกล่าว มูลค่า 400 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างบ้านตัวอย่าง มีกำหนด เสร็จแล้วต้นเดือนหน้า

ปัจจุบันบริษัทได้ปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูกิจการครบถ้วนแล้ว และได้ยื่นคำร้องขอยกเลิกฟื้น ฟูกิจการ ซึ่งศาลได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา ขั้นตอนต่อไปบริษัทจะขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอย้ายหลักทรัพย์ออกจากหมวดที่อยู่ในเกณฑ์ถูกเพิกถอนหรือรีแฮปโก้มายังหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผลประกอบการทั้งปีของบริษัทจะมีกำไร เมื่อส่งเรื่องให้สำนักงาน ก.ล.ต.พิจารณาแล้ว คาดว่าประมาณปลายไตรมาสแรกปีหน้า จะสามารถย้ายกลับหมวดปกติได้

เพอร์เฟคเล็งล้างขาดทุนสะสม

ด้านนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คาดว่าจะมีกำไรทั้งปีประมาณ 1,000 ล้านบาท จากงวด 6 เดือนแรกที่มีกำไร สุทธิ 388 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 52% ด้านยอดขาย จะอยู่ที่ 4,633 ล้านาาท และจะรับรู้รายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยไตรมาส 2 สามารถ ทำยอดขายได้ 1,528 ล้านบาท

ขณะที่บริษัทมีภาระหนี้สินปัจจุบัน 5,304 ล้านบาท แต่ภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะลดลงได้อีกไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้ สินต่อทุนลดลงจาก 1.83 เท่า เหลือ 1 เท่า

"การออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ ขณะนี้บริษัทสามารถทำได้แล้ว เนื่องจากสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน คือ 1. มีส่วนผู้ถือหุ้นเป็นบวก 2. ชำระหนี้ให้หน่วยงานรัฐ 3. ชำระหนี้ให้ลูกบ้านเกิน 90% และ 4. มีการแปลงหนี้เป็นทุนจากเจ้าหนี้ไม่น้อยกว่า 400 ล้านหุ้น ที่ผ่านมามีเจ้าแปลงหนี้เป็นทุนไป แล้ว 58 ล้านหุ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย"

อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 4 ปีนี้ จะมีการแปลงหนี้เป็นทุนของเจ้าหนี้เข้ามาอีกเป็นล็อตสุดท้ายประมาณ 150 ล้านหุ้น คิดเป็น 1,500 ล้านบาท หลังจากนั้นจะทำการล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่จำนวน 4,500 ล้านบาทภายในปีหน้า ด้วยวิธีการที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบในแง่ของไดลูทชั่น และยังมีจำนวนหุ้นเท่าเดิม เพื่อให้สามารถจ่ายเงินปันผลได้ แต่ทั้งนี้บริษัทต้องออกจากแผนฟื้นฟูฯ และมีการตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ รวมต้องผ่านการพิจารณาจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเสียก่อน

เอเชี่ยน ฟุ้งรายได้โต 42.5%

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา บริษัทมีผลประกอบการเป็นรายได้รวม 1,531 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 42.5% กำไรจากการดำเนินงาน 430 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28.1% และมีกำไรสุทธิ 346 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.1% และกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.17 บาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.7 เท่า

ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 บริษัทมีรายได้รวม 836 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 27.6% มีกำไรสุทธิ 204 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.2%

"ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 86.4% ส่วนใหญ่มาจากการขายและโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าในโครงการบ้านกลางกรุงบริติชทาวน์ (ทองหล่อ) ซึ่งโครงการนี้สามารถโอนบ้านครบ 100% ในไตรมาส 2 นี้ โครงการบ้านกลางเมือง (รัชดา-เหม่งจ๋าย) 3 โครงการบ้านกลางเมือง (พระราม 9-ศรีนครินทร์) ที่เหลือ 13.6% เป็นรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง"

สำหรับการดำเนินงานในครึ่งปีแรก มียอดจอง แล้ว 4,200 ล้านบาท มาจากโครงการต่อเนื่องจาก ปีที่แล้วบางส่วนและโครงการใหม่ที่เปิดขายตั้งแต่ต้นปีจำนวน 6 โครงการ ได้แก่ บ้านกลางเมือง (พระราม 9-ศรีนครินทร์) บ้านกลางเมือง (สาทร-ถนนจันทน์) บ้านกลางเมือง (ลาดพร้าว-โชคชัย) Con-do Citismart (สุขุมวิท 18) บ้านกลางเมือง (แยก รัชดา-ลาดพร้าว) และบ้านกลางเมือง (เหม่งจ๋าย-ลาดพร้าว) โครงการส่วนใหญ่มียอดจองเกือบ 90%

ส่วนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ คือ บ้านกลางกรุง (สาทร-นราธิวาส) ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ซื้อที่ดินในย่านพระราม 9-ลาดพร้าว เนื้อที่ 18 ไร่ มีแผนจะพัฒนาเป็นโครงการบ้านกลางเมือง (พระราม 9-ลาดพร้าว) มูลค่า 650 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2547 ขณะเดียวกันบริษัทยังสามารถออกหุ้นกู้อายุ 6 ปี มูลค่า 1,500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.1% โดยเงินดังกล่าวส่วนใหญ่บริษัทจะนำไปชำระหนี้เงินกู้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนการเงินที่ต่ำลง

ลลิล โชว์กำไรสุทธิ 144.5 ล้าน

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้ว่า มีกำไรสุทธิกว่า 144.5 ล้านบาท หรือโตขึ้นกว่า 147% หากเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากยอดรับรู้รายได้ที่สูงถึง 620 ล้านบาท หรือสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี2545 คิดเป็น 65% สาเหตุที่รายได้สูง ขึ้น มาจากการขายบ้านในโครงการต่างๆที่อยู่ระหว่าง ดำเนินการ

จากการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ในปี 2546 ได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ บริษัทจึงปรับเป้าการเติบโตของปี 2546 โดยตั้งเป้าหมายยอดรับรู้รายได้เป็น 2,650 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายยอดรับรู้รายได้ไว้ที่ 2,413 ล้านบาท

ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทยังคงยึดนโยบายขยาย โครงการในพื้นที่ 4 มุมเมือง โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวภายใต้ 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ 1. ลลิล กรีนวิลล์ 2. บ้านลลิล และ 3. บ้านบุรีรมย์ และในปีนี้ได้เปิดโครงการใหม่ 3 แห่ง ซึ่งทั้ง 3 โครง การได้เปิดตัวไปแล้วในไตรมาสแรก มีมูลค่ารวม 3,300 ล้านบาท ได้แก่ 1. บ้านลลิล อิน เดอะ พาร์ค รามอินทรา-รัตนโกสินทร์สมโภช มูลค่า 1,100 ล้านบาท 2. บ้านลลิล อิน เดอะ พาร์ค ศรีนครินทร์-เทพารักษ์ มูลค่า 400 ล้านบาท และ3. ลลิล กรีน วิลล์ พระราม 9-อ่อนนุช มูลค่า 1,800 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 4 บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 1 แห่ง คือ ลลิล กรีนวิลล์ พระราม 2 มูลค่า 1,100 ล้านบาท และในปีหน้าตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่อย่างน้อย 4 แห่ง ซึ่งจะมีโครงการคอนโดมิเนียมรวมอยู่ด้วย คิดเป็นสัดส่วน 15% ของยอดขาย ขณะเดียวกัน ภายในเวลา 1-2 เดือนข้างหน้า บริษัทจะเสนอหุ้นกู้ให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง ประมาณ 700-1,000 ล้านบาท

ศุภาลัยพลิกขาดทุนเป็นกำไร

บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ว่าผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 116 ล้านบาท สูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 49.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165.75 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 333.17%

ทั้งนี้ เนื่องจากรายได้จากธุรกิจหลัก 454 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขายเพียง 371.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.56 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 22% เพราะยอดขายและยอดส่งมอบเพิ่มขึ้น และจากการควบคุมต้นทุนให้อยู่ในระดับที่คาดการณ์ไว้ อีกทั้งได้ปรับราคาขายให้สอดคล้องกับวัสดุที่สูงขึ้น ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเฉพาะธุรกิจหลักไม่รวมรายได้อื่นเท่ากับ 172.29 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 38% สูงขึ้นจากปีก่อนซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นเพียง 30%

กำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ไม่มีประกัน 4.94 ล้านบาท กำไรจากการขายทรัพย์สิน 7.91 ล้านบาท ดอกเบี้ยจ่ายลดลงจาก 38.72 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปี 2545 เหลือเพียง 15.31 ล้านบาทในไตรมาสนี้ เป็นผลจากภาวะอัตราดอกเบี้ยลดลงและการชำระคืนหนี้เพราะการส่งมอบบ้านให้ลูกค้าเพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 54.07 ล้านบาท คิดเป็น 11.9% เมื่อเทียบกับรายได้หลักลดลง จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนซึ่งมียอดเท่ากับ 12.77%

ทั้งนี้ มีกำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 0.18 บาท ขณะที่ไตรมาสเดียวกันในปีก่อนขาดทุนสุทธิ เท่ากับ (0.08 บาท) และปัจจุบันบริษัทและบริษัทย่อยมีมูลค่าทางบัญชีสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 2.88 บาท ณ สิ้นปี 2545 เป็น 3.37 บาท และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงจาก 1.87 เท่า ณ สิ้นปี 2545 เหลือเพียง 1.42 เท่าในปัจจุบัน

QH กำไรสุทธิพุ่ง 209 ล้านบาท

บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH)แจ้งว่า ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 209.11ล้านบาท มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 178.67 ล้านบาทส่วนช่วง 6 เดือนที่ผ่าน มามีกำไรสุทธิ 313.44 ล้านบาทมากกว่าช่วงเดียว กันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเพียง 288.45 ล้านบาท

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us