Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 ธันวาคม 2551
"สคิบ"จ่อลดเป้าสินเชื่อตามจีดีพี             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารนครหลวงไทย

   
search resources

ธนาคารนครหลวงไทย, บมจ.
ชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์
Interest Rate




แบงก์นครหลวงไทยเตรียมปรับเป้าสินเชื่อหลังเศรษฐกิจส่อแววทรุด แต่ปีนี้ยิ้มออกสินเชื่อเกินเป้าหมายเพราะลูกค้ารายใหญ่หันเบิกใช้วงเงินกู้มากขึ้น แม้ด้านเอ็นพีแอลจะไม่ลดตามเป้าเพราะแก้หนี้กลุ่มน้ำตาลไม่จบพร้อมรอลุ้นปีหน้าแก้ได้

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIB เปิดเผยว่า ธนาคารอยู่ระหว่างการทบทวนการขยายตัวของสินเชื่อใหม่ จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 6-8% บนพื้นฐานเศรษฐกิจ (จีดีพี) มีการขยายตัวที่ 3-3.8% แต่ในปัจจุบันเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจน ทำให้เป้าหมายของการปล่อยสินเชื่อในปีหน้าน่าจะต้องปรับลดลง ซึ่งทางฝ่ายวิจัยธนาคารนครหลวงไทยคาดการณ์ว่าจีดีพีปีหน้าจะขยายตัวอยู่ที่ 1 %

ทั้งนี้การปล่อยสินเชื่อในปีหน้านั้นช่วงครึ่งปีแรกธนาคารจะเน้นการขยายสินเชื่ออย่างมีประสิทธิภาพ โดยธนาคารจะเน้นดูแลลูกค้าเก่าเป็นหลัก และคาดว่าสินเชื่อจะเริ่มมีการเติบโตอย่างเต็มที่ในช่วงครึ่งปีหลัง และการขยายตัวในปีหน้าส่วนหนึ่งจะมาจากการเบิกใช้วงเงินสินเชื่อที่ได้อนุมัติในปีนี้ด้วย

"ปีหน้าคงเป็นปีที่ยากมากปีหนึ่ง เป็นปีที่ต้องเรียกความเชื่อมั่น ส่วนภาครัฐบาลจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร ทางภาคเอกชนไม่ได้รอ เพราะธุรกิจจะต้องเดินหน้าแม้จะชะลอบ้างแต่ไม่ได้หยุด ส่วนแผนรับมือของแบงก์คือจะเน้นดูแลลูกค้าเก่าเป็นพิเศษ ส่วนภาวะเงินฝืดจะเห็นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค หากถดถอยก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน"

ส่วนการปล่อยสินเชื่อในปีนี้น่าจะมีการขยายตัวอยู่ที่ประมาณกว่า 10% หรือเป็นเม็ดเงินสินเชื่อสุทธิประมาณ 25,000 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายใหม่ของธนาคารที่คาดว่าจะมีการขยายตัวเพียง 8-9%โดยสินเชื่อที่เติบโตเป็นหลักคือ สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) และสินเชื่อรายย่อยโดยในสินเชื่อรายย่อยนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่ปีนี้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 12,000 ล้านบาท จากทุกปีจะปล่อยได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10,000 ล้านบาท

นอกจากนี้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นนั้นยังมาจากส่วนของลูกค้าในกลุ่มสินเชื่อรายใหญ่ได้มีการเบิกใช้วงเงินกู้มากขึ้น เนื่อจากทางเอสโซ่ได้มาทำการปรับโครงสร้างหนี้และหันมาเงินกู้ภายในประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตามในปีนี้ธนาคารมีการอนุมัติสินเชื่อใหม่ไปทั้งสิ้น 130,000 ล้านบาท โดยมีการเบิกใช้ไปแล้วประมาณ 40%

"สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เติบโตนั้นนั้น 10%เป็นสินเชื่อต่อยอดจากการปล่อยสินเชื่อโครงการ ซึ่งเป็นตัวที่มีปัญหาน้อยมาก และต้นทุนต่ำ โดยสินเชื่อโครงการที่ธนาคารปล่อยทุกปีนั้นเป็นสินเชื่อใหม่ประมาณ 27,000-28,000 ล้านบาท และเราไม่ได้ปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่จะซื้อบ้านกับเขา ส่วนปีหน้าเราจะบุกเรื่องไหนก็ขอตั้งหลักและปรับตัวนิดหน่อย เพราะหากดูจากจีดีพีเราคงต้องมีการปรับยุทธศาสตร์ ส่วนสินเชื่อของทั้งระบบธนาคารนั้นน่าจะขยายตัวอยู่ที่ 4-5% "

นายชัยวัฒน์กล่าวว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธนาคารในปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณกว่า 6% ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับในปัจจุบัน จากเดิมตั้งเป้าหมายสิ้นปีจะให้อยู่ที่ 5% แต่มีหนี้ในกลุ่มน้ำตาลที่แผนการฟื้นฟูยังไม่ได้รับการยอมรับจากเจ้าหนี้บางราย ซึ่งหากเราแก้หนี้ดังกล่าวได้จะทำให้เอ็นพีแอลลดลงมาประมาณ 1.2% ส่วนปีหน้าตั้งเป้าจะลดเอ็นพีแอลให้อยู่ที่ 5% ซึ่งการแก้หนี้น้ำตาลก็เชื่อว่าจะทำได้ในปีหน้า หากแก้ได้แล้วจะทำให้เอ็นพีแอลลดลงมาอยู่ที่ 5.5% ส่วนการขายเอ็นพีแอลในปีหน้าคงไม่ใช่เรื่องง่าย

อย่างไรก็ตามจากแผนที่ธนาคารต้องการจะเพิ่มเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS)ขึ้น ซึ่งขั้นตอนอยู่ระหว่างการสรรหาที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) แต่จากการปิดสนามบินที่ผ่านมาทำให้เกิดการล่าช้า ซึ่งน่าจะประมาณ 2 สัปดาห์ แต่ในส่วนของเม็ดเงินที่จะเข้ามานั้นขะยังคงเป็นไปตามแผนเดิมคือประมาณช่วงกลางปีหน้า โดยการเพิ่มเงินกองทุนครั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวในอนาคตรวมถึงการแข่งขั้น อีกทั้งเพื่อเป็นการรับมือการเปลี่ยนแปลงต่างๆ หลังจากที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นในปีนี้ ปัจจุบันเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารอยู่ที่กว่า 12% โดยเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 กว่า 11% และเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 2 ประมาณ 1.1% และหากมีการปรับมาใช้เกณฑ์บาเซิล2 แล้วอยากเห็นเงินกองทุนดังกล่าวอยู่ที่ 12-13%

ล่าสุดธนาคารได้มีแผนในการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของธนาคารและบริษัทในเครือในปี 2552 โดยเน้นความทันสมัย มีเอกลักษณ์ ธนาคารได้มีการเปลี่ยนเครื่องแบบพนักงานใหม่ทั้งชายหญิงที่เน้นความทันสมัยและความคล่องตัวในการทำงาน นอกจากนี้ยังได้มีการปรับรูปแบบสาขา โดยธนาคารได้คัดเลือกสาขาต้นแบบทั้งหมด 26 สาขา จากเขตนครหลวงและเขตภูมิภาค เพื่อทำการปรับปรุงตามโครงการปรับภาพลักษณ์ใหม่ ซึ่งสาขาที่จะเริ่มดำเนินการก่อน ได้แก่ สาขาชาญอิสสระ (พระราม 4) และสาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติโดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ประมาณเดือนมีนาคม 2552   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us