Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 ธันวาคม 2551
หุ้นไทยคึกรับ “ปชป”ตั้งรัฐบาลใหม่-สหรัฐฯอุ้มกลุ่มยานยนต์             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยคึกคัก รับพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมี “อภิสิทธิ์” นั่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ บวกกับตลาดหุ้นเอเชียทะยานถ้วนหน้า หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมาตรการอุ้มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์รายใหญ่ ดัชนีหุ้นไทยบวกกว่า 410.58 จุด เพิ่มขึ้น 17.71 จุด มูลค่ากว่า 1.6 ล้านบาท แม้นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิ 2.6 หมื่นล้านบาท เลขาฯ ก.ล.ต. เชื่อตลาดหุ้นฟื้นแน่ หลังการเมืองนิ่ง ด้านโบรกเกอร์ สั่งจับตาการเมืองใกล้ชิด หวั่นการเมืองพลิกฉุดหุ้นร่วงระนาว

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (8 ธ.ค.) ได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากซบเซาไปเป็นเวลานาน โดยดัชนีตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้นไปในเทศทางเดียวกันตลาดหุ้นเอเชีย ที่ได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นขานรับข่าวดีที่ทางการสหรัฐฯ อนุมัติความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ขนาดใหญ่ รวมทั้งข่าวการเปลี่ยนขั้วการจัดตั้งรัฐบาล ให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำในการจัดตั้ง

โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกเหนือดัชนีที่ 400 จุดเกือบตลอดทั้งวัน มีจุดต่ำสุดที่ระดับ 397..96 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ระดับสูงสุดที่ 410.58 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 17.71 จุด หรือคิดเป็น 4.51% มูลค่าการซื้อขายรวม 16,560.87 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังคงเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างหนัก คือ มียอดขายสุทธิกว่า 2,626.81 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,511.15 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 115.66 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ราคาปิดที่ 43.25 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 2 บาท หรือ 4.85% มูลค่าการซื้อขายรวม 2,079.54 ล้านบาท บมจ.ปตท. (PTT) ปิดที่ 154 บาท เพิ่มขึ้น 10 บาท หรือ 6.94% มูลค่าการซื้อขาย 1,999.11 ล้านบาท และบมจ.บ้านปู (BANPU) ปิดที่ 193 บาท เพิ่มขึ้น 10 บาท หรือ 5.46% มูลค่าการซื้อขาย 1,496.36 ล้านบาท

ดัชนีหุ้นเอเชียทะยานถ้วนหน้า

ด้านความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นเอเชีย ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นถ้วนหน้าเช่นกัน จากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 จุด โดยปิดที่ 15,044.87 จุด เพิ่มขึ้น 1,198.78 จุด หรือคิดเป็น 8.66%

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนีนิกเกอิปิดเหนือระดับ 8,000 จุด ที่ 8,329.05 จุด เพิ่มขึ้นกว่า 411.54 จุด หรือ 5.20% ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ดัชนีคอมโพสิต ปิดที่ 1,105.05 จุด เพิ่มขึ้น 76.92 จุด หรือ 7.48% และตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ดัชนีคอมโพสิต ปิดที่ 2,090.77 จุด เพิ่มขึ้น 72.12 จุด หรือ 3.57% โดยราคาปิดนับเป็นระดับที่ปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา

เลขาฯก.ล.ต.เชื่อการเมืองนิ่งหุ้นไทยฟื้น

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2552 น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย หลังจากสถานการณ์การเมืองเริ่มคลี่คลายจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่งจะทำให้มีการประกาศใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศมีอัตราการขยายตัวดีขึ้น

สำหรับปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะนี้นักลงทุนทั่วโลกที่หวั่นวิตกได้ขายหุ้นออกไปมากแล้วเพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งหุ้นบางตัวลดลงถึง 45-50% อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเมื่อถึงจุดที่ราคาหุ้นลดลงมาก นักลงทุนจะหยุดขาย และน่าจะกลับมาลงทุน

หุ้นเด้งแรงรับ “ปชป.” ตั้งรัฐบาล

นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟาร์อีสท์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยคึกคักตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะก่อนปิดการซื้อขายได้มีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่น ส่งผลให้ดัชนีดีดตัวขึ้นแรงกว่า 4.5% ซึ่งเป็นผลจากนักลงทุนเข้ามาซื้อเก็งกำไรหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ หลังจากสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลเดิมบางส่วนได้สนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะช่วยคลี่คลายความขัดแย้ง และกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีทิศทางที่ดีขึ้น

“ตลาดหุ้นไทยตอบรับข่าวเชิงบวกต่อการพลิกขั้วการเมือง โดยคาดหวังการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของพรรคประชาธิปปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี น่าจะช่วยผ่อนคลายความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพที่จะเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังมีสูง เพราะพรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันฐานเสียงเพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาลเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องจับตาดูผลการประชุมสภาผู้แทนราษฎร”

ส่วนปัจจัยในต่างประเทศนั้น นักลงทุนต้องติดตามมาตรการความช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯ แม้รัฐบาลจะอนุมัติเงินช่วยเหลือกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเรียบร้อยแล้ว แต่ยังน้อยกว่าข้อเสนอของผู้ผลิตรถยนต์ทั้ง 3 ราย ที่ขอความช่วยเหลือมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

หุ้นไทยมีสิทธิบวกต่อเนื่อง

นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ วานนี้ (8 ธ.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 17 จุด ภายหลังปัญหาการเมืองภายในประเทศเริ่มคลี่คลาย และมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ภายหลังการที่กลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคพลังประชาชนเดิม ได้ย้ายไปสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทำให้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ฝั่งประชาธิปัตย์และมีคะแนนเสียงเพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงมีแนวโน้มที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้มาดำรงตำแหน่งนกยกรัฐมนตรีคนใหม่

ขณะเดียวกัน ยังได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากกรณีที่รัฐบาลสหรัฐฯ อัดฉีดเงินเพื่อช่วยเหลือกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังประสบปัญหา และการที่ประเทศจีนประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวนเป็นเวลา 2 ปี เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศและช่วยเศรษฐกิจโลก

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าดัชนีมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น จากการที่ประเทศจีนประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ และรัฐบาลสหรัฐฯ อัดฉีดเงินเข้าช่วยกลุ่มธุรกิจยานยนต์ โดยนักลงทุนควรจับตาผลการประชุมสภาผู้แทนราษฏรในเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และทิศทางสถานการณ์ในต่างประเทศ ทั้งนี้ประเมินแนวรับอยู่ที่ 407 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 420 จุด ส่วนที่น่าลงทุนในระยะสั้นจะเป็นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

อภิสิทธิ์นั่งนายกฯหุ้นยืนเหนือ420

ขณะที่นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟาร์อีสท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้คาดว่าจะยังคงเดินหน้าบวกได้ต่อเนื่อง หลังสภาคองเกรส ของสหรัฐฯ อัดฉีดเงินเพื่อแก้ไขปัญหาภาคธุรกิจยานยนต์ และรัฐบาลจีนอนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังมีปัจจัยลบคือ แรงเทขายของนักลงทุนต่างประเทศ โดยประเมินแนวรับที่ 398-404 จุด และแนวต้านที่ 420-430 จุด

“หากนายกรัฐมนตรีคนใหม่คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง จะทำให้ปัญหาการเมืองคลี่คลาย และอาจส่งผลให้ดัชนีดีดอยู่ที่ระดับ 420 จุด แต่ถ้าเกิดการยุบสภาหรือการเมืองกลับสู่ขั้วเดิม ปัญหาจะเข้าสู่ทางตัน อาจมีแรงเทขายทำกำไรออกมาทำให้ดัชนีร่วงลง” นางสาวจิตติมา กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us