สมรภูมิค้าปลีกชานเมืองคึกคักสวนทางเศรษฐกิจโลก เซ็นทรัล ผุดแจ้งวัฒนะจับตลาดคนเมืองแผ่รัศมีไกลถึง นนทบุรี, ปทุมธานี, อยุธยา และสุพรรณบุรี ด้านเดอะมอลล์สวนกลับทันควัน หลังทุ่มงบ 200 ล้านบาท รีโนเวตสาขางามวงศ์วานเสร็จทันสู้ศึก พร้อมหว่านงบ แจกคูปองส่วนลดดึงดูดลูกค้ารอบรัศมีงามวงศ์วาน สกัดเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
สงครามค้าปลีกชานเมืองฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือคึกคักรับศูนย์กลางราชการ เซ็นทรัลพัฒนาผุดศูนย์การค้าสาขาใหม่ ระดมสรรพกำลังดึงดูดลูกค้าเต็มอัตราศึกทั้ง ห้างเซ็นทรัล, Tops Marketplace, B2S, Power Buy, Supersports, Office Depot, SF Cinema, Fitness First พร้อมด้วยร้านค้าอีกกว่า 300 ร้าน โดยเซ็นทรัลพัฒนาได้ทุ่มงบกว่า 6,200 ล้านบาท ในการพัฒนาศูนย์ดังกล่าว โดยมีการวางโพสิชั่นนิ่งให้เป็น ศูนย์การค้าสุดล้ำทันสมัย “The Best Interactive Lifestyle Shopping Complex in Bangkok”
“ในฐานะที่เราเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีก เรายังคงเชื่อมั่นในศักยภาพและเศรษฐกิจของไทย เรามองว่าช่วงเวลาในการเปิดตัวศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ ในวันที่ 27 พฤศจิกายน เป็นช่วงที่ดี เนื่องจากคนชะลอการจับจ่ายมาตั้งแต่ช่วงต้นปี เราจึงเตรียมอัดงบเต็มที่ในการจัดงานเพื่อกระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายในช่วงปลายปี ซึ่งเราได้รับความร่วมมืออย่างดีจากบรรดาพันธมิตรที่มามาร่วมยืนยันความพร้อม และเผยถึงไฮไลท์และโปรโมชั่นสุดพิเศษของแต่ละพันธมิตรที่เตรียมไว้เพื่อต้อนรับการเปิดศูนย์ฯ ครั้งนี้ ซึ่งเรามั่นใจว่าโปรโมชั่นนี้จะช่วยดึงกำลังซื้อที่มีอยู่ให้มาช้อปที่ศูนย์ฯ ของเรา” วัลยา จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและบริหารโครงการก่อสร้าง เซ็นทรัลพัฒนา กล่าว
เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะยังทุ่มงบการตลาดอีกกว่า 200 ล้านบาทในการเปิดตัวโดยเน้นการนำ Innovation ใหม่ๆ มาสร้างปรากฎการณ์ First Happening in Thailand เพื่อสร้างการรับรู้ และดึงคนเข้าศูนย์ฯ โดยจะมีกิจกรรมบันเทิง ทั้ง แสง สี เสียง เต็มรูปแบบ เน้นสร้าง Emotional Connection กับลูกค้า เพื่อให้เกิด Talk of the Town เช่น การรวมตัวของหุ่นยนต์อย่าง Interactive Robot Landmark หุ่นยนต์ LED ตัวแรกของไทย สูงกว่า 9 เมตร ที่สามารถสื่อสารโต้ตอบได้แบบ Realtime, Robo Bar หุ่นยนต์ที่สามารถผสมเครื่องดื่มต่างๆ ได้, Pleo หุ่นยนต์ไดโนเสาร์ ที่เหมือนสัตว์เลี้ยงที่สุดในโลก, หุ่นยนต์รำไทยที่มีเพียง 2 ตัวในโลก นอกจากนี้ยังมี Actroid Der 3 หุ่นยนต์ที่เหมือนมนุษย์ที่สุดในโลก รุ่นใหม่จากญี่ปุ่น โดยการสื่อสารทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ Communication Theme : “Imaginations Come Alive at CentralPlaza Chaengwattana” ซึ่งประกอบด้วย Digital Hi-tech, Creative Imagination และ Play Interact
ทั้งนี้ พื้นที่ย่านแจ้งวัฒนะถือเป็นทำเลทองที่ธุรกิจต่างแห่กันมาลงทุนหลังจากภาครัฐวางนโยบายที่จะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นศูนย์ราชการ ซึ่งจะกลายเป็นศูนย์รวมกำลังซื้อมหาศาล ประกอบกับการขยายเมือง ส่งผลให้เกิดชุมชนใหม่ๆโดยเฉพาะหมู่บ้านเกรด A กว่า 50 หมู่บ้าน (นิชาดา, Grand Cannel, ลัดดาวัลย์, เศรษฐสิริ) ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญของเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ เช่น ISB, Harrow, เซ็นต์ฟรังค์
ปัจจุบันแจ้งวัฒนะเป็นศูนย์รวมหน่วยงานราชการ มีศูนย์ราชการ 10 กระทรวง 26 หน่วยงาน, สำนักงานเอกชน, ที่พักอาศัยระดับบน, สถานศึกษา และยังมีสะพานพระราม 4 เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังนนทบุรี ปทุมธานี และสุพรรณบุรี นอกจากนี้ ยังตั้งอยู่ใกล้กับทางด่วนศรีรัช และใกล้กับศูนย์ประชุม Impact เมืองทองธานี
ทั้งนี้ นอกจากเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะจะจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้บริโภคในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง เช่น นนทบุรี, ปทุมธานี, อยุธยา และ สุพรรณบุรีแล้ว ยังหวังที่จะใช้สาขาดังกล่าวในการดึงดูดลูกค้าจากต่างจังหวัด ทั่วประเทศ ให้มาสัมผัสศูนย์การค้าที่มีบรรยากาศของความเป็นไฮเทคโนโลยี
นอกจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาแจ้งวัฒนะแล้ว ยังมีธุรกิจค้าปลีกผุดขึ้นอีกมากมายบนถนนสายดังกล่าวไม่ว่าจะเป็น แม็คโคร โลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์ โฮมโปร ตลอดจนสยามฟิวเจอร์ที่ทำคอมมูนิตี้มอลล์มาก่อนหน้านี้โดยมีเลมอนฟาร์ม และสถาบันการศึกษานอกหลักสูตรเป็นแม่เหล็กดึงดูดตลาดครอบครัว นอกจากนี้ยังแผ่รัศมีความเจริญไปสู่อาณาบริเวณใกล้เคียงโดยเส้นรัตนาธิเบศร์มีศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ซึ่งจับตลาดระดับกลางทำให้เลือกที่จะลงโรบินสัน ขณะที่ศูนย์การค้าแจ้งวัฒนะจับตลาดระดับบนจึงลงห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล นอกจากนี้ยังมีเทสโก้ โลตัส ถัดมาเชื่อมต่อด้วยถนนงามวงศ์งานก็มีเดอะมอลล์ งามวงศ์วานครองตลาดอยู่
ทั้งนี้ที่ผ่านมาเดอะมอลล์มองคู่แข่งที่รายล้อมว่าเป็นตลาดคนละเซกเมนต์ไม่น่าเป็นห่วง แต่การเกิดขึ้นของเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะซึ่งเป็นกลุ่มทาร์เก็ตเดียวกับเดอะมอลล์ทำให้เดอะมอลล์ต้องเร่งทำการตลาดเพื่อสกัดมิให้ฐานลูกค้าถูกช่วงชิงไป
เดอะมอลล์ใช้งบกว่า 200 ล้านบาทในการรีโนเวตสาขางามวงศ์วานให้เป็น Trendy Lift Style โดยจะเน้นภาพลักษณ์ความเป็นแฟชั่นมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิงโดยแผนก Beauty Hall มีการเพิ่มแบรนด์เครื่องสำอางอีก 12 แบรนด์จากเดิมที่มีอยู่ถึง 96 แบรนด์
“จำนวนหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไปมีจำนวนมากขึ้น ประกอบกับเส้นทางคมนาคมที่ตัดผ่านทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของประชากรในย่านดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นเพื่อรองรับผู้บริโภคระดับ B+ เราจึงมีการรีโนเวตสาขางามวงศ์วานซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตขึ้น 100% เมื่อเทียบกับช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นยอดขาย 5,000 ล้านบาทต่อปี จากเดิมที่ทำได้ 2,500 ล้านบาทต่อปี” ชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการตลาด เดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าว
นอกจากนี้ยังมีการทำไดเรกมาร์เกตติ้งสำหรับสาขางามวงศ์วาน ด้วยการมอบคูปองส่วนลด 10% จำนวน 40,000 ใบ ให้กับหน่วยงานราชการ โรงเรียน มหาวิทยาลัย หมู่บ้าน เพื่อดึงดูดให้มาใช้บริการในเดอะมอลล์งามวงศ์วาน โดยช่วงวันจันทร์-ศุกร์มีการจัดเป็น “วันช้าราชการ” เพียงแสดงบัตรข้าราชการก็จะได้รับส่วนลด 10% ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าข้าราชการในย่านดังกล่าวส่วนใหญ่อยู่แจ้งวัฒนะ การทำแคมเปญดังกล่าวก็เพื่อชิงทราฟฟิกจากเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ เนื่องจากสาขาใหม่จะมีความสดในการดึงดูดลูกค้ามากกว่า ดังนั้นเพื่อไม่ให้ยอดตก เดอะมอลล์จึงต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆนานาให้ลูกค้ามาใช้บริการในเดอะมอลล์แทนที่จะไปเดินในเซ็นทรัล
นอกจากนี้เดอะมอลล์ยังพยายามสร้างบรรยากาศในการชอปปิ้ง ล่าสุดจัด Snow Globe เมืองหิมะขนาดใหญ่เพื่อดึงดูดตลาดครอบครัวให้มาพักผ่อนในห้าง
“ไลฟ์ไซเคิลของผู้บริโภคในย่านนี้เปลี่ยนแปลงไปตามวัย จากคนหนุ่มสาว มาสร้างครอบครัว มีลูก พอลูกโตก็มาแทนที่รุ่นพ่อแม่ เป็นกลุ่มเป้าหมายที่อยู่รอบๆห้าง เราไม่ได้ไปหาลูกค้าใหม่ๆไกลๆ แต่เราทำ Consumer ให้เป็น Customer ซึ่งจะเริ่มมาบ่อยขึ้น และเราก็จะเปลี่ยนจากผู้มีอุปการคุณเป็นลูกค้าขาประจำ ความคุ้นเคยทำให้ลูกค้าเรามีลอยัลตี้กับเดอะมอลล์ แม้ในภาวะเช่นนี้ที่อีโมชันนัลเริ่มหาย ฟังก์ชันนัลเริ่มไม่ทำงาน แต่เราก็ยังโชคดีที่เป็นห้างชานเมือง คนไม่ชอบขับรถไปไหนไกลๆ แต่งตัวสบายๆมาห้าง เป็นโมเดิร์นแฟมิลี่ เราก็สร้างอีเวนต์ดึงดูดไม่ให้เขาต้องเข้าไปในเมือง แต่มาใช้บริการที่เรา และเราก็จะเปลี่ยนจากความต้องการ (want) ให้เป็นความจำเป็น (need) ที่เขาจะซื้อสินค้าจากเรา” ชำนาญ กล่าว
หลังการรีโนเวตสาขาแล้วคาดว่ายอดซื้อต่อหัวของผู้บริโภคจะเพิ่มจาก 1,600-1,700 บาท เป็น 1,800-1,900 บาทในส่วนของศูนย์การค้า และเพิ่มจาก 500-600 บาท เป็น 700-800 บาทในส่วนของซูเปอร์มาร์เกต และจะทำให้ยอดขายโดยรวมเติบโตขึ้น 5-10%
|