|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
*พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โฆษณาออนไลน์ ขอเป็นสื่อทางเลือกยุคภาคธุรกิจใช้งบตลาดน้อยนิด
*ชูจุดแข็ง ต้นทุนต่ำ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แถมยังวัดผลได้ดีกว่าหว่านเม็ดเงินผ่านสื่อแมส
*อินเทลทุ่มงบเพิ่ม 40% หลังพบผลโพลระบุกลุ่มเป้าหมายชอบชีวิตโมบิลิตี้
ในที่สุด ตลาดโฆษณาออนไลน์ในประเทศไทยก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่แตกต่างจากสื่อโฆษณาหลักอย่างโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ตรงที่มีต้นทุนในการโฆษณาต่อคนต่ำกว่าหลายเท่าตัว ขณะที่มีประสิทธิภาพที่สามารถระบุกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารได้แม่นยำกว่า
กษมาช นีรปัทมะ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการตลาดและการขาย สนุกดอทคอม ผู้ให้บริการเว็บไซต์ยอดนิยม "สนุกดอทคอม" กล่าวถึงแนวโน้มสื่อโฆษณาออนไลน์ในประเทศไทยว่า แนวโน้มสื่อโฆษณาออนไลน์ในปีหน้านั้นเชื่อว่าจะยังคงสามารถเติบโตได้มากกว่า 30% ถึงแม้ว่า สภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้จะได้รับกระทบจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจทางการเงินสหรัฐอเมริกาก็ตาม ซึ่งเชื่อว่าตลาดโฆษณาโดยรวมอาจจะลดลง แต่ทั้งนี้ต้องรอดูสถานการณ์ช่วง 1-2 เดือนนี้อีกครั้งหนึ่งถึงจะสามารถคาดการณ์สภาพตลาดโดยรวมได้ดีกว่านี้
สำหรับภาพรวมของตลาดสื่อโฆษณาออนไลน์ในปีนี้ เดิมทีทางสนุกดอทคอมเคยคาดการณ์ไว้ในช่วงต้นปีว่า จะโตได้ถึง 100% แต่ในช่วง 10 เดือนแรกที่ผ่านมาถึงแม้จะมีอัตราการเติบโตแค่เพียง 40% เท่านั้น หรือคิดเป็น 1% ของตลาดโฆษณารวมก็ตาม แต่ก็ถือว่า มีการเติบโตกว่าในช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้วที่มีเพียง 0.8%
"มูลค่าตลาดโฆษณาในปีนี้ประมาณว่าจะมีถึง 90,000 ล้านบาท"
จากมูลค่าตลาดรวมดังกล่าว พอคำนวณมูลค่าตลาดโฆษณาออนไลน์ในประเทศไทยได้ว่า น่าจะมีถึง 9,000 ล้านบาท ในขณะที่มีเว็บไซต์ยอดนิยมในตลาดเมืองไทยไม่กี่เว็บ อาทิ สนุกดอทคอม กระปุกดอทคอม เว็บไซต์ผู้จัดการ เอ็มไทยดอทคอม ชีซ่าดอทคอม และพันธุ์ทิพย์ดอทคอม เป็นต้น ทำให้การกระจายเม็ดเงินโฆษณาออนไลน์ยังจำกัดวงอยู่ในเว็บไม่กี่เว็บ
ส่วนกลุ่มสินค้าที่กระจายเม็ดเงินให้กับโฆษณาออนไลน์นั้น กษมาช ได้ยกตัวอย่างกลุ่มสินค้าที่ลงในเว็บไซต์สนุกดอทคอมว่า กลุ่มธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์อย่างสนุกดอทคอม กลุ่มสินค้าทางด้านไอที-สื่อสารเป็นกลุ่มหลักที่ลงโฆษณามากที่สุด หลังจากนั้นจะมีกลุ่มการศึกษา รถยนต์ ท่องเที่ยว
"ปีนี้เริ่มเห็นสินค้าในกลุ่มคอนซูเมอร์มาลงโฆษณาออนไลน์มากขึ้น จากเดิมที่จะลงโฆษณาทางทีวีเป็นหลัก"
กษมาช ยังบอกอีกว่า ในช่วงเดือนสุดท้ายของปี สำหรับบริษัทที่ยังมีงบการตลาดเหลืออยู่ จะมองสื่อโฆษณาออนไลน์เป็นสื่อโฆษณาทางเลือกอีกสื่อหนึ่ง นอกเหนือจากสื่อโฆษณาแมสอย่างโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ เนื่องจากสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารถึงได้ง่ายและยังใช้งบการตลาดที่ไม่สูงมากนัก
"สื่อโฆษณาออนไลน์ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกของสื่อโฆษณาอันดับต้นๆ ที่เจ้าของสินค้าและบริการในภาวะที่งบการตลาดถูกตัดลดลงจากผลกระทบของเศรษฐกิจ โดย 5 กลุ่มสินค้าหลักที่ใช้สื่อโฆษณาออนไลน์สูงสุดในขณะนี้ คือ กลุ่มสินค้าไอที โทรคมนาคม รถยนต์ ท่องเที่ยว และล่าสุดที่กำลังเติบโตคือกลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภค โดยเฉพาะยูนิลีเวอร์ เป็นต้น" กษมาช กล่าว
เมื่อถามถึงสภาพตลาดโฆษณาออนไลน์ในปีหน้าท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่หลายๆ ฝ่ายมองว่า จะเป็นปีเผาจริงทางเศรษฐกิจ กษมาช มองว่า ปีหน้า จากผลพวงของวิกฤตต่างๆ ทำให้หลายบริษัทอาจจะมีการปรับลดงบประมาณลงโดยเฉพาะงบทางการตลาดซึ่งถือเป็นส่วนแรกๆ ที่ถูกตัด ทำให้บริษัทเหล่านั้นมีงบทางการตลาดที่จำกัด การที่จะใช้สื่อโฆษณาแบบเดิมๆ ต้องใช้งบประมาณที่สูงและยังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ ทำให้สื่อออนไลน์จะเป็นสื่อที่หลายๆ บริษัทให้ความสนใจมากขึ้น เพราะเป็นสื่อที่สามารถสื่อสารตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย แถมยังสามารถวัดผลได้มากกว่า
"แนวโน้มดังกล่าวเริ่มเห็นบ้างแล้วในปีนี้ โดยทางบริษัทมีผู้เซ็นสัญญาลงโฆษณาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 50 รายต่อเดือน เทียบกับปีที่แล้วที่มีประมาณ 36 รายต่อเดือน"
นอกเหนือจากแนวโน้มโฆษณาออนไลน์ที่นับวันจะดีวันดีคืนแล้ว การลงโฆษณาออนไลน์ในประเทศไทยเริ่มเห็นวิธีสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนไปจากเดิม ที่เน้น "แบนเนอร์" เป็นหลัก แต่หลังจากนี้ไปจะเห็นรูปแบบโฆษณาออนไลน์มีลักษณะเป็นการทำกิจกรรมร่วมกับเว็บไซต์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโคมาร์เกตติ้งร่วมกัน หรือการเข้าไปเป็นสปอนเซอร์ ก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นและถือเป็นแนวโน้มที่จะถูกนำมาใช้มากขึ้นในปีหน้า
"สัดส่วนของตลาดโฆษณาออนไลน์ของไทยคิดเป็น 1% ของตลาดโฆษณาทั้งหมด ขณะที่ทั่วโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 8% จึงถือว่า โอกาสของโฆษณาออนไลน์ในประเทศไทยยังมีอีกมาก เราจะเน้นให้ข้อมูลต่อมีเดียเอเยนซีเกี่ยวกับโฆษณาออนไลน์ให้มากขึ้น เพื่อที่จะแนะนำลูกค้าให้เห็นถึงประโยชน์ เพราะคนขายโฆษณาเป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าหาลูกค้า รวมทั้งจะมีทีมงานที่ให้ข้อมูลแก่ลูกค้าเองโดยตรงควบคู่ไปด้วย" กษมาช กล่าว
ดรรชนีพร พฤกษ์วัฒนานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในฐานะที่เป็นบริษัทให้ความสำคัญกับการใช้โฆษณาออนไลน์ถึงกลุ่มเป้าหมายในประเทศไทยเกือบ 2 ปีว่า กลยุทธ์การตลาดของอินเทลในปีหน้าจะเน้นการใช้ออนไลน์มาร์เกตติ้งมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์อินเทลให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ต่อลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งสื่อโฆษณาออนไลน์สามารถสื่อสารถึงกลุ่มดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
"ปีหน้าทางอินเทลได้เพิ่มสัดส่วนของงบโฆษณาออนไลน์เป็น 30% จากปัจจุบันมีประมาณ 20% ของงบทางการตลาด โดยปีหน้ามีแผนที่จะลงโฆษณาบนไฮ-ไฟด้วย ออนไลน์มาร์เกตติ้งถือเป็นกลยุทธ์หลักของอินเทลทั้งในและต่างประเทศ เพราะส่วนหนึ่งจากสภาพวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทปรับกลยุทธ์มาใช้สื่อออนไลน์เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงที่สุด แต่ก็ยังคงต้องใช้สื่ออื่นเสริมด้วย"
ไลฟ์สไตล์ไทยยุคใหม่ ใช้ชีวิตไร้สายเพิ่ม
บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับทางเว็บไซต์สนุกดอทคอม จัดทำโพลสำรวจความคิดเห็นชุมชนคนออนไลน์ในหัวข้อ "คนไทยยุคใหม่กับชีวิตไร้สาย" จากกลุ่มตัวอย่าง 4,059 คน ระหว่างวันที่ 16 ตุลาคมถึง 21 พฤศจิกายน 2551
กษมาช กล่าวว่า การทำโพลสำรวจของอินเทลร่วมกับสนุกดอทคอมในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการตระหนักถึงการทำตลาดทางอินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสื่ออินเทอร์เน็ตสามารถวัดผลได้ พร้อมทั้งเล็งเห็นถึงความสำคัญของแนวโน้มการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนไทยที่เพิ่มมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและจำนวนบริษัทที่ใช้งบประมาณผ่านสื่อออนไลน์ที่สนุกดอทคอมมากขึ้นด้วย
ผลการสำรวจส่วนใหญ่ของผู้ร่วมตอบแบบสำรวจในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่า อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 16-30 ปี ถึง 58.96% เป็นวัยที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษา เรื่อยไปจนถึงวัยทำงานเริ่มต้น โดยเวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันตั้งแต่ 3 ชั่วโมงถึงมากกว่า 8 ชั่วโมง จะหมดไปกับการใช้คอมพิวเตอร์ และจากผลสำรวจพบว่า 33% ใช้โน้ตบุ๊กในการท่องโลกไซเบอร์ เพื่อค้นหาข้อมูลต่างๆ และติดตามข่าวสารที่อยู่ในความสนใจของตัวเอง
"ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญของการที่มีผู้เข้าใช้บริการติดตามข่าวสาร หาข้อมูลที่อยู่ในกระแสความสนใจในเว็บไซต์สนุกดอทคอม นับเป็นจำนวนกว่า 2 ล้านคนต่อวัน"
ข้อที่น่าสังเกตในการสำรวจครั้งนี้ ตรงที่ว่านักท่องโลกไซเบอร์มักจะพกพาโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ติดตัวไปด้วยเสมอไม่ว่าจะใช้งานที่บ้านเพื่อน ทำงานที่ร้านกาแฟสุดโปรด เปลี่ยนบรรยากาศการทำงานตามห้างสรรพสินค้า รวมถึงพกพาไปใช้ในที่ที่มีการให้บริการอินเทอร์เน็ตฟรีถึง 43% สะท้อนให้เห็นถึงผลสำรวจความต้องการรูปแบบชีวิตแบบโมบิลิตี้อย่างแท้จริง
ดรรชนีพร กล่าวว่า จุดประสงค์ของการสำรวจก็เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิตอล เพื่อนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีต่างๆ อีกทั้งยังสามารถช่วยกำหนดกลยุทธ์การทำการตลาดให้เหมาะกับตลาดและความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแท้จริง
"จากคำถามเรื่องคุณสมบัติของโน้ตบุ๊กที่ต้องการให้มีมากขึ้น ผลสำรวจพบว่า 25% ให้ความสำคัญกับการใช้งานแบตเตอรี่ได้นานเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 ชั่วโมง และรองลงมา ต้องการฟังก์ชั่นการรับส่งและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายได้ในระยะที่ไกลขึ้น 22% และคุณสมบัติที่ 3 คือ ต้องการโน้ตบุ๊กที่มีขนาดเล็กลงและน้ำหนักเบา 20%"
นอกจากนี้ จากผลสำรวจข้อหนึ่งพบว่า กว่า 97% ที่ผู้ตอบแบบสำรวจจะหาข้อมูลก่อนซื้อโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ และจากกลุ่มนี้ 26% นิยมหาข้อมูลจากเว็บไซต์ไอทีที่มีผลการทดสอบเปรียบเทียบโน้ตบุ๊กรุ่นต่างๆ รองลงมาเป็นการค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ของแบรนด์แต่ละแบรนด์ 26%เมื่อจะต้องเลือกซื้อโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ คนไทยยุคชีวิตไร้สายยังคงให้ความสำคัญกับความเร็วและประสิทธิภาพซีพียูเป็นอันดับหนึ่งถึง 54%
จุดนี้เองที่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมอินเทลถึงได้เปิดเว็บไซต์อินเทลภาคภาษาไทย เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและให้บริการข้อมูลและคำปรึกษาที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือมากที่สุด
"ผลสำรวจครั้งนี้ทำให้เราเห็นได้ว่า สื่อออนไลน์มีบทบาทสำคัญมากขึ้น ซึ่งบริษัทอินเทลเองมีทิศทางในการทำกิจกรรมทั้งทางด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์บนสื่อออนไลน์เพิ่มมากขึ้นทั้งในปีนี้และปีหน้า เพราะลูกค้าเป้าหมายหลัก และเป็นกลุ่มใหญ่ของอินเทล ก็คือ กลุ่มคนที่มีกิจกรรมบนโลกออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มวัยรุ่น"
|
|
|
|
|