Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2532








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2532
ซาฟโคล - คิงฟิชเชอร์             
 


   
search resources

ซาฟโคล (ประเทศไทย)
Food and Beverage
คิงฟิชเชอร์ โฮลดิ้ง




หลังจากที่ยูนิคอร์ดเข้าไปซื้อกิจการของบัมเบิ้ม บี ซีฟู้ดส์ในสหรัฐฯเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งในอุตสาหกรรมอาหารของทะเลของไทยก็คือ การที่ซาฟโคล (ประเทศไทย) เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็นคิงฟิชเชอร์ โฮลดิ้งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป

ซาฟโคลเป็นผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายแรกของเมืองไทย เมื่อ พ.ศ. 2515 ด้วยการลงทุนของกลุ่มซาฟโคล โฮลดิ้งและ SOUTHERN ASSOCIATED FISHERIES จากออสเตรเลีย ซึ่งมีประสบการร์ในอุตสาหกรรมนี้มากกว่าคนไทยในระยะนั้นซึ่งยังใหม่สำหรับธุรกิจนี้

จากจำนวนคนงานเพียง 40 คน ทำการบรรจุปลาทูน่ากระป๋องในโรงงานเล็ก ๆ แถบยาวนาวาเมื่อ 17 ปีที่แล้ว วันนี้ซาฟโคลมีคนงาน 3,500 คน มีโรงงานแปรรูปอาหารทะเลแช่แข็งเพิ่มขึ้นอีก 3 โรง และโรงงานทำกระป๋องอีก 2 แห่ง มียอดขายเมื่อปีที่แล้ว 1,378 ล้านบาท

เป็นการเติบโตตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมนี้ที่ทำให้ไทยกลายเป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ของโลก โดยมีต้นทุนค่าแรงที่ถูกและมาตรฐานการผลิตที่ได้คุณภาพเป็นปัจจัยที่ส่งให้ขึ้นมายืนอยู่หัวแถวได้

ซาฟโคล โฮลดิ้งนอกจากจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประมาณ 1 ใน 3 ของทุนจดทะเบียน 1.5 ล้านบาทแล้ว ยังรับผิดชอบการตลาดของซาฟโคล (ประเทศไทย) และมีสัญญาให้ใช้ชื่อซาฟโคลเป็นยี่ห้อสินค้าที่ซาฟโคล (ประเทศไทย) เป็นผู้ผลิตด้วย

การเปลี่ยนชื่อจากซาฟโคลมาเป็นคิงฟิชเชอร์ โฮลดิ้งที่ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมนั้น ตามถ้อยแถลงของไนเจล ฮาร์ดี้ กรรมการผู้จัดการคิงฟิชเชอร์ โฮลดิ้ง กล่าวว่า สัญญาทางการตลาดระหว่างซาฟโคล (ประเทศไทย) กับซาฟโคล โฮลดิ้งได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 มีนาคม และไม่มีการต่อสัญญากันอีกซาฟโคล (ประเทศไทย) จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้ชื่อเดิมต่อไป

คิงฟิชเชอร์ได้ร่วมกับบริษัทพรีเมียร์ ฟู้ดส์แห่งประเทศอังกฤษซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้าของซาฟโคล (ประเทศไทย) มาก่อน ตั้งบริษัทคิงฟิชเชอร์พรีเมียรขึ้นที่ประเทศอังกฤษ เพื่อทำห้าที่ทางการตลาดให้กับคิงฟิชเชอร์ โฮลดิ้งแทน โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างคิงฟิชเชอร์ให้เป็นยี่ห้อใหม่ที่เป็นที่ยอมรับกันเหมือนเช่น ซาฟโคล

ไนเจล ฮาร์ดี้ยังได้กล่าวอีกว่า ซาฟโคล โฮลดิ้ง มีแผนที่จะขายหุ้นในคิงฟิชเชอร์ทิ้ง เพราะต้องการถอนตัวออกจากธุรกิจนี้ ก่อนหน้านี้ก็ได้ขายหุ้นกิจการอาหารทะเลในฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียไปแล้ว

แต่เพียงสามวันให้หลังซาฟโคล โฮลดิ้งก็ตอบโต้ถ้อยแถลงของฮาร์ดี้ว่า ไม่เคยคิดที่จะถอนตัวออกจากไทย ซึ่งเป็นแหล่งผลติและส่งออกที่ดีมากในโลก แต่กลับมีแผนที่จะขยายตัวมากกว่านี และการสิ้นสุดสัญญาระหว่างตนกับซาฟโคล (ประเทศไทย) กลับเป็นผลดีที่ทำให้ซาฟโคล โฮลดิ้ง ซื้อสินค้าจากผู้ผลิตรายอื่น ๆ ได้ แทนที่จะต้องซื้อจากซาฟโคล (ประเทศไทย) แต่เพียงรายเดียวเหมือนตลอดเวลาที่ผ่ามา

การเปลี่ยนแปลงจากซาฟโคล (ประเทศไทย) มาเป็นคิงฟิชเชอร์ โฮลดิ้ง รวมถึงคำแถลงของทั้งสองฝ่ายที่ไม่สอดคล้องกันเท่าไรนัก เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความขัดแย้งบางอย่างที่มากไปกว่าการสิ้นสุดสัญญาธรรมดา ๆ อันเป็นที่มาของการแยกทางกันเดินหลังจากร่วมหัวจมท้ายมาถึง 17 ปี

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us