|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ราคาหุ้น SECC และวอร์แรนต์ รูดต่อเนื่อง หลังผู้บริหารหนีออกไปต่างประเทศ โดยหุ้นแม่ปรับลดจากวันที่มีข่าวเกือบ 72% ขณะที่วอร์แรนต์ลดลงเกือบ 34% แม้วานนี้วอร์แรนต์จะขยับบวกเล็กน้อย ด้านศูนย์รับฝากฯเตือนนักลงทุน-โบรกเกอร์ระวังใบหุ้นปลอมในหุ้นเล็กมีการซื้อขายหวือหวาผิดปกติ หลังพบกรณีหุ้น เอส.อี.ซี ออโต้ดซลส์ พร้อมแนะนักลงทุนตรวจสอบใบหุ้น –ให้ผู้เสียหายชี้เบาะแสเอาผิดผู้กระทำความผิด ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวน ด้าน ก.ล.ต. เร่งโบรกเกอร์แจงความเสียหาย
ราคาหุ้น บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC ยังรูดลงต่อเนื่อง โดยเปิดตลาดวานนี้ที่ 0.21 บาทและค่อย ๆ รูดลงไปต่ำสุดที่ 0.19 บาท ขณะที่ช่วงบ่ายราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 0.30 บาทก่อนจะปรับลงปิดตลาดที่ราคา 0.23 บาท หรือลดลง 0.04 บาท คิดเป็นลดลง 14.81 % ด้วยมูลค่าซื้อขาย 35.79 ล้านบาท ถือเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาของใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) หรือ SECC-W1 วานนี้ปิดที่ 0.08 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท คิดเป็น 33.33 % ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.14 ล้านบาท โดยทั้งหุ้นแม่และวอร์แรนต์ราคารูดลงตามหุ้นแม่ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. แล้ว โดยเฉพาะภายหลังการหนีออกไปนอกประเทศของผู้บริหาร เมื่อ 27 พ.ย. ราคาหุ้นยิ่งรูดหนักต่อเนื่อง หากเทียบราคาหุ้นช่วงวันดังกล่าวกระทั่งถึงวานนี้ พบว่า ราคาหุ้นปรับลดลง 71.23% ขณะที่ราคาวอร์แรนต์ปรับลดลง 33.33%
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัยชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TSD เปิดเผยถึงกรณีพบใบหุ้นปลอมของ SECC ว่าส่วนตัวเชื่อว่าจะมีใบหุ้นปลอดของ SECC จำนวนมาก หลังจากที่มีบริษัทหลักทรัพย์ 1 แห่ง พบใบหุ้นปลอม 2 ใบ ใบละ 10 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นชื่อของเจ้าของบริษัท หรือนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์
ดังนั้นนักลงทุนที่มีใบหุ้นSECC นั้นควรที่จะนำใบหุ้นมาให้ทางTSD ตรวจสอบว่าเป็นใบหุ้นปลอมหรือไม่เพื่อที่จะได้ทราบว่าใบหุ้นที่ตนเองถือนั้นไม่มีค่า และจะยิ่งดีหากนักลงทุนที่ได้รับความเสียหายเข้ามาให้เบาะแสว่าได้รับใบหุ้นปลอมมาจากไหนเพื่อที่จะได้ทราบผู้กระทำความผิด และนักลงทุนที่ได้รับความเสียหายจะได้มีการรวมตัวกันเพื่อที่จะมีการฟ้องร้องได้
"ส่วนตัวเชื่อว่าใบหุ้นปลอมของSECC อีกมากพอสมควร ซึ่งจะกระจายความเสียหายแก่โบรกเกอร์ต่างๆ จากที่ผ่านมาโบรกเกอร์มีการแข่งขันเพื่อที่จะได้ลูกค้า ซึ่งนักลงทุนที่มีใบหุ้นดังกล่าวอยู่ควรที่จะนำมาให้เราตรวจสอบเพื่อที่จะได้ทราบว่าใบหุ้นที่ถือนั้นไม่มีค่า ซึ่งจะเป็นการดีหากผู้เสียหายมาให้เบาะแสเพื่อที่จะได้รู้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และจะได้มีการดำเนินคดีฟ้องร้องต่อไป "นางโสภาวดี กล่าว
ทั้งนี้ ทางTSDเมื่อพบใบหุ้นปลอมได้มีการแจ้งตำรวจให้มีการสืบสวนเรื่องดังกล่าวเพื่อที่จะดำเนินการหาผู้กระทำความผิด และเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทางTSD ได้มีการส่งหนังสือเวียนไปยังบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆให้มีการตรวจสอบและระมัดระวังในเรื่องใบหุ้นปลอมในการเอาไปค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งถือว่าเป็นการฉ้อโกง และหากมีการพบว่ามีใบหุ้นปลอมจะได้รวบรวมหลักฐานให้กับทางตำรวจไปสืบสวนเพิ่มเติม
สำหรับกรณีของSEECนั้น นักลงทุนและโบรกเกอร์ควรที่จะต้องมีความระมัดระวังใบหุ้นปลอมในหุ้นขนาดเล็กที่มีการซื้อขายที่หวือหวาผิดปกติ แต่เชื่อว่าจะไม่น่าจะมีใบหุ้นปลอมในหุ้นขนาดใหญ่ โดยที่ผ่านมาทาง TSD ได้มีการส่งเสริมให้นักลงทุนมีการฝากหุ้นโดยใน ระบบไร้ใบหลักทรัพย์ (Scripless) ซึ่งผู้ถือครองหลักทรัพย์ในรูปแบบที่ไม่มีใบหลักทรัพย์ โดยยอดหุ้นของผู้ฝากจะถูกบันทึกและเก็บรักษาในระบบงานที่มีความ ปลอดภัยสูง มีประสิทธิภาพ และเพิ่มความสะดวกในการซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้แจ้งให้ทางโบรกเกอร์ต่างๆมีการแจ้งความเสียหายที่เกิดจากใบหุ้นปลอมของSECC โดยแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า นางสาวทวีวรรณ ธนศรีพนิชชัย ได้มีการซื้อหุ้น บริษัท บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2551 แต่ได้แจ้งต่อ ก.ล.ต. วันที่ 2 ธันวาคม 2551 โดยซื้อจำนวน 59.56 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 9.63% ราคาหุ้นละ 0.38 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นการเข้ามาซื้อครั้งแรก โดยเป็นการซื้อหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
|
|
|
|
|