|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ทุกคนต้องมีที่ที่ตัวเองจะสามารถหลบไปปลีกวิเวกและพักผ่อนเงียบๆ รวมทั้งได้หลุดพ้นจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวันเพื่อเติมเต็มพลังให้กับชีวิตและจิตใจสำหรับกลับไปต่อสู้ใหม่เพื่อให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น
สำหรับ Lauretta Marie - Josephe สถานที่ที่พูดถึงข้างต้นก็คือ Paraty หมู่บ้านประวัติศาสตร์เล็ก ๆ บนชายฝั่งประเทศบราซิล เป็นเมืองอาณานิคมของโปรตุเกสที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลไม่เบา ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่สีเขียวของ Costa Verde ซึ่งอยู่ระหว่างสองเมืองสำคัญคือริโอ เดอ จาเนโร และเซาเปาโล
ที่นี่ ..... Lauretta ค้นพบที่ตากอากาศสุดประทับใจที่ผสมผสานระหว่างลักษณะโดดเด่นของความเป็นท้องถิ่นและความงดงามตามแบบฉบับของเขตร้อน
Lauretta เป็นอดีตนางแบบผู้ซึ่งอาศัยและทำงานที่กรุงปารีส เธอเป็นนักเขียนคอลัมน์ศิลปะการรับประทานอาหารให้นิตยสารชื่อดังหลายเล่ม เช่น Elle Table และ Maison Francaise เธอค้นพบ Paraty พร้อมๆ กับหุ้นส่วนชีวิตคือ Alain Demachy ผู้เป็นสถาปนิกและเจ้าของหอศิลปะ Galerie Camoin Demachy ในปารีส
ทั้งคู่พบว่า Paraty มีรูปแบบของจังหวะการดำเนินชีวิตที่เชื่องช้ากว่าและสงบกว่า เป็นที่สำหรับผ่อนคลายได้สมบูรณ์แบบที่สุด
แม้จะเป็นเมืองยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว แต่ Paraty ก็ยังสามารถรักษาความสวยงามเชิงประวัติศาสตร์เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นถนนปูด้วยหินก้อนสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่เรียกว่า cobblestone streets ซึ่งห้ามรถวิ่งผ่านไปมาโดยเด็ดขาด ถนนปูด้วยหินเหล่านี้สร้างด้วยหลักวิศวกรรมเฉพาะ ทำให้บริเวณตอนกลางของถนนมีน้ำทะเลจากอ่าวไหลเข้ามาท่วมเต็มทุกคืนวันเพ็ญและเวลาน้ำขึ้น
Paraty จึงได้รับยกย่องและขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก เพราะสามารถอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ไว้ได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ ยังอนุรักษ์อาคารยุคศตวรรษที่ 18 เอาไว้ซึ่งเมื่อมองทัศนียภาพของเมืองแล้ว จะเห็นภาพอาคารเก่าแก่ที่มีวิวของทะเล เทือกเขาเขตร้อน และป่าไม้เขียวครึ้มเป็นฉากหลังงดงามชวนฝันจริงๆ
บ้านสไตล์ colonial ของทั้งคู่มีโครงสร้างเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของภูมิภาคนี้อย่างแท้จริงจากการทาผนังด้วยสีขาวและโทนสีพาสเทล หลังคามุงกระเบื้อง และมีสวนในรั้วบ้านที่เต็มไปด้วยต้นปาล์มสวยงาม มีสนามหญ้าเขียวขจีเพราะได้รับการตัดแต่งให้ดูดีอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ยังปลูกไม้พุ่มขนาดใหญ่และไม้ดอกส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ สวนลักษณะนี้ถือเป็นส่วนที่เป็นหน้าตาของบ้านอย่างสำคัญ และมีประโยชน์ใช้สอยสูงมากจนถือเป็นเสมือนองค์ประกอบหนึ่งของภายในตัวบ้านก็ว่าได้ เพราะต้นไม้ที่ปลูกโดยรอบเป็นหลักประกันเรื่องความเป็นส่วนตัวได้อย่างวิเศษ แถมยังพัดพาเอากระแสลมเย็นผ่านเข้ามาทางหน้าต่างและประตู ทำให้ภายในตัวบ้านเย็นสบายอยู่ตลอดเวลา
สไตล์การจัดบ้านยังเอื้อต่อการจัดเลี้ยงเอามากๆ มีเก้าอี้ผ้าใบสีขาวสะอาดตาทำหน้าที่เชื้อเชิญให้เพื่อนๆ มานั่งสังสรรค์ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ หรือเพียงแค่มีหนังสือในมือสักเล่ม แล้วนั่งอ่านพร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวที่แสนจะสุขสงบ พร้อมสูดเอาอากาศบริสุทธิ์ที่มากับสายลมอ่อนๆ และฟังเสียงใบไม้ไหวจากแรงลม ..... เท่านี้ก็สุขแสนสุขราวสวรรค์บนดินเราดีๆ นี่เอง
ภายในบ้านก็จัดและตกแต่งแบบเต็มใจต้อนรับผู้มาเยือนด้วยความสุขยิ่ง เน้นส่วนที่เชื่อมระหว่างด้านในและด้านนอกของบ้านเต็มที่ ส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่น ครัว และห้องอาหารจะได้รับการออกแบบให้วางตัวเต็มพื้นที่บ้านชั้นที่หนึ่งซึ่งมีลมโกรกตลอดเวลา หน้าต่างบานใหญ่ทำให้แสงสาดส่องเข้ามาเต็มที่ และมีประตูบานกว้างหลายบานสำหรับเปิดออกสู่เฉลียงและสวนหย่อมโดยรอบ
ห้องนอนสไตล์ห้องใต้หลังคา (attic-style) ที่สูงชันของ Lauretta - Alain ออกแบบเพื่อให้สามารถยืนชมวิวของ Paraty ได้อย่างจุใจ และยังทำให้ลมทะเลพัดเข้ามาเต็มๆ อีกด้วย
สำหรับของแต่งบ้านภายในตัวบ้านนั้นตั้งใจเลือกใช้วัสดุธรรมชาติล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้ไผ่ ไม้ หิน และฝ้าย ซึ่งกลมกลืนไปกับโครงสร้างการให้สีที่ให้ความรู้สึกสงบคือสีขาวและสีเขียวตุ่นๆ พื้นไม้สีเข้มเป็นเอกลักษณ์ที่ให้ความรู้สึกของสไตล์ colonial เต็มที่ มีพรมทอจากเยื่อไม้ปูทับเพื่อเพิ่มความรู้สึกสบายตาและทำให้เกิดลวดลายสวยงามบนพื้นด้วย
เมื่อมองดูการแต่งบ้านโดยรวมแล้วเห็นได้ชัดว่า เน้นอารมณ์ผ่อนคลายด้วยการออกแบบให้ห้องต่างๆ มีพื้นที่กว้างขวางและตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่โน้มนำอารมณ์ไปสู่ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง
จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะมีเพื่อนๆ ของ Lauretta - Alain จากทั่วทุกหัวระแหงพากันมาเยี่ยมเยือนและพักผ่อนกันที่นี่ พวกเขามีกิจกรรมท่ามกลางธรรมชาติไว้รองรับมากมายไม่ว่าจะเป็น การล่องเรือในบรรยากาศสบายๆ เพื่อค้นพบอ่าวและชายหาดสวยงามที่ยังไม่ถูกย่ำยีจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จากนั้นก็อิ่มปากอิ่มท้องกับอาหารปิกนิกที่ Lauretta ลงมือเตรียมด้วยตัวเอง หรือไม่ก็พากันไปเที่ยวตลาดที่เต็มไปด้วยสีสันของผักผลไม้เมืองร้อน และอ้อยอิ่งอยู่ในร้านขายสินค้างานฝีมือของชาวบ้านแถบนั้น ยามค่ำคืนจึงจะเป็นเวลาของการพูดคุยสังสรรค์ ดื่มกิน และหัวเราะด้วยความสุขสนุกทั้งกายและใจอยู่กลางแสงเทียนบริเวณเฉลียงบ้าน
สำหรับ Lauretta แล้ว ไม่ว่าจะกำลังจัดเลี้ยงอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงหรือเพียงแค่พักผ่อนเติมพลังชีวิตให้ตัวเอง เธอก็จะพกเอางานจากปารีสติดตัวมาทำด้วยเสมอ แต่เมื่อถึงเวลาแล้วก็มักไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน งานก็ยังอยู่ในกระเป๋าที่ยังไม่ได้เปิดด้วยซ้ำ ธรรมชาติและวัฒนธรรมที่กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวจนเกิดเป็นสถานตากอากาศที่เต็มไปด้วยสไตล์มีเสน่ห์ดึงดูดใจนี้เองที่ทำให้เธอลืมงานที่ตั้งใจทำอีกตามเคย!
|
|
|
|
|