Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2532








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2532
เจ้าของเหรียญดื้อแห่งกรมพาณิชย์สัมพันธ์             
 


   
search resources

ชลอ เฟื่องอารมย์
กรมพาณิชย์สัมพันธ์
สำนักงานประกันภัย




"ชีวิตราชการ 26 ปีผมมีความสุขมาก ผมโชคดีที่ได้ทำงานกับหลาย ๆ คนที่เขาดีและให้ประโยชน์แก่ผมมาก"

เจ้าของคำพูดข้างต้นเป็นเป็นบุคคลคนเดียวกับเจ้าของเหรียญดื้อ หรือที่มีชื่อเรียกอย่างเหรียญดื้อหรือที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "เหรียญจักรพรรดิมาลา" แห่งกระทรวงพาณิชย์ และยังเป็นคนเดียวกับอธิบดีกรมพาณิชย์สัมพันธ์ปัจจุบัน

การที่จะได้ครองเหรียญดื้อเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก ด้วยเหตุที่ต้องรับราชการเป็นเวลายาวนานถึง 25 ปีเต็ม แต่สำหรับอธิบดีชลอ เฟื่องอารมณ์ กลับเป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นแต่อย่างใดเพราะได้ผ่านชีวิตราชการมามากกว่าที่กำหนดไว้แล้ว กับทั้งยังเหลืออายุราชการอีกถึง 8 ปีเต็ม ซึ่งหากจะยังมีการมอบเหรียญดับเบิ้ลดื้อกันอีก อธิบดีชลอก็คงจะคว้าไปครองอย่างง่ายดาย

"ผู้จัดการ" บุกไปเยือนบ้านอธิบดีในซอยโชคชัย 4 ลาดพร้าวในเช้าตรู่วันหนึ่ง ระงับความฉงนใจไว้ไม่ได้ว่า ทำไมท่านอธิบดีถึงได้รับใช้ราชการมายาวนานถึงขนาดนี้มากกว่าอายุของนักข่าวเสียอีก

อธิบดีเปิดเผยอย่างอารมณ์ดีว่า "เราเป็นข้าราชการจนชินแล้ว เคยได้รับเชิญจากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) อยู่ช่วงหนึ่ง แต่เผอิญได้รับเลือกเป็นทูตพาณิชย์และปฏิเสธทางเอดีบี้ไป แล้วยังมีอีกหลายงานที่ภาคเอกชนมาเชิญไป มีข้อเสนอที่ดีมาก แต่ก็อย่างว่าเรามาถึงจุดนี้แล้วก็เลยไม่เอา เพราะชีวิตราชการผมราบรื่นพอสมควรไม่ถือว่ามีอุปสรรคอะไร"

ความราบรื่นในชีวิตราชการของอธิบดีชลอนับว่าเป็น "โชคดี" ที่หาไม่ได้ง่ายนักอธิบดีชลอได้รับโอกาสที่ดีอย่างมาก ๆ และโอกาสนี้ก็มีส่วนหนุนนำความรุ่งเรืองให้กับชีวิตราชการด้วย

อดีตสงห์แดงที่ควรไปผงาดอยู่แถบริมคลองหลอด กลับหันกเหเส้นทางชีวิตด้วยการไปศึกษต่อที่สหรัฐฯ แล้วกลับมารับราชการในตำแหน่งวิยากรโทที่สำนักงานวิชาการและวางแผนกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติในปี 2506 ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในชีวิตราชการ เพราะได้มีโอกาสร่วมงานกับดร.อำนวย วีรวรรณ ผู้อำนวยการสำนักฯในเวลานั้น

ครั้นเมื่อกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติเปลี่ยนมาเป็นกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีชลอก็โยกมารับตำแหน่งหัวหน้ากองแผนงานคนแรกของกระทรวงฯ ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับดร.เสนาะ อูนากูล รองปลัดกระทรวงฯ ในเวลานั้น รวมทั้งรัฐมนตรีอีกหลายท่าน เช่น ประสิทธิ กาญจนวัฒน์

อธิบดีชลอได้รับแต่งตั้งเป็นทูตพาณิชย์ประจำสิงคโปร์และเยอรมนีระหว่างปี 2517-2522 "5 ปีในต่างประเทศได้เปิดโลกกว้าง ได้รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่รัฐมนตรีไปก็ไดเจอ กลับมาก็มาทำงานกับอธิบดีจเร จุฑารัตกุล ได้จับงานที่มีปัญหาที่กรมการค้าภายใน ซึ่งสร้างประสบการณ์ให้กับเรามากทีเดียว" หลังจากนั้นก็ไปเป็นรองอธิบดีที่กรมพาณิชย์สัมพันธ์เป็นที่ปรึกษากระทรวงฯ และขึ้นตำแหน่งอธิบดีในปี 2527 เป็นเจ้ากรมต่าง ๆ รวม 3 ใน 6 กรมของกระทรวงพาณิชย์

ความมีโชคในชีวิตราชการของอธิบดีชลอไม่ใช่โชคดีที่ไม่เคยเผชิญปัญหาหนัก เพราะทั้งที่กรมการค้าภายในและสำนักงานประกันภัยก็ล้วนแต่เคยแบกรับภาระปัญหาที่หนักหน่วง ชนิดที่เรียกว่า "ถ้าแก้ไม่ได้ป่านนี้ไปอยู่ไหนก็ไม่รู้" มาแล้ว

สมัยอยู่กรมการค้าภายในอธิบดีชลอย้อนอดีตให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่า " ต้องเจอปัญหาข้าวของแพง สินค้าขึ้นราคา โดยเฉพายุคที่โอเปคขึ้นราคาน้ำมันนั้นคนยังไม่เคยชิน แม้แต่น้ำมันพืชยังขาดแคลน ผมอยู่กรมการค้าภายในแต่ต้องเดินทางไปเจรจาซื้อสินค้าต่างประเทศแถม ตอนนั้นเป็นผู้อำนวยการคลังสินค้าด้วย เป็นงานที่หนักมากทีเดียว แต่สมัยนั้นอายุ 42 ยังไม่ค่อยมีรอยเท่าไหร่" นั่นเป็นความหลังที่ท่านอธิบดีรำลึกถึง

แต่เมื่อย้อนอดีตหมาด ๆ ที่สำนักงานประกันภัย น้ำเสียงของอธิบดีขลอกลับมีลักษระเป็นการเป็นงานขึ้นมาโดยฉับพลัน "มาทำที่ประกันภัยนี่มันต้องรับผิดชอบเยอะ ได้มีโอกาสทำงานหนัก ๆ และก็มีโอกาสแก้ปัญหาด้วย แต่ก็พอแล้วที่ประกันภัยนี่ 4 ปีก็ดีแล้ว มาได้ครบ 4 ปีนี่ก็ดีแล้ว"

ปัญหาหนักของสำนักงานประกันภัยในรอบปีที่ผ่านมาคือปัญหาการขาดทุนอย่างย่อยยับของบริษัทบัวหลวงประกันภัย จำกัด ซึ่งหากแก้ไขไม่สำเร็จมันไม่เพียงแต่ส่งผลต่อชื่อเสียงของบริษัทเท่านั้นแต่ยังจะส่งผลต่อภาพพจน์โดยรวมของธุรกิจประกันภัย ผู้เอาประกันกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานประกันภัยและชื่อเสียงของชลอ เฟื่องอารมณ์ ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานอีกด้วย

ครั้นเมื่อการแก้ไขผ่านมาได้สำเร็จลุล่วง อธิบดีชลอจึงเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังอย่างเปิดใจว่า "ไม่อยากคุยนะ เราแก้ปัญหาได้ มันก็ทำให้โล่งใจ แต่พูดจริง ๆ มันก็เป็นการแก้ปัญหาที่ทำให้คนเสียหายน้อยที่สุดและลึก ๆ ก็คือมันเป็นการแก้ปัญหาให้ตัวผมเองด้วย"

การแก้ปัญหาครั้งนั้นเป็นที่รู้จักกันในวงการประกันภัยว่าทุกฝ่ายจะให้ความร่วมมือกับอธิบดีผู้สมถะและเป็นที่ชื่นชอบของวงการคนนี้อย่างเต็มที่ แต่ตัวอธิบดีก็หาใช่ย่อยไม่ มีการใช้เทคนิคล็อบบี้คนของสมาคมประกันวินาศภัยทีละคน นับสิบได้ พูดจาโน้มน้าวให้สมาคมฯออกโรงชูธงให้ความช่วยเหลือ วิธีการนี้ได้ผลเป็นอย่างดี

"ไม่ใช่อะไรหรอก เขาเชื่อเราเพราะตัวเราด้วย สมาคมฯนี้เห็นว่าผมพยายามแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจและผมสะอาดด้วย" ข้อเท็จจริงนี้เป็นที่ประจักษ์ในวงการประกันภัย รวมไปถึงเรื่องบุคลิกการประนีประนอมของอธิบดีที่มีส่วนทำให้การแก้ไขปัญหาสำเร็จ

อธิบดีชลอกล่าวถึงหลักการของตนว่า "การประนีประนอมอาจจะเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะของผมแต่ความเด็ดขาดเราก็ต้องมีในฐานะผู้บริหารผมใช้การทูตแบบประนีประนอมเราเป็นนักบริหาร เราต้องให้เขาทำงานให้เรา ต้องให้หน่วยงานมีผลงาน มีความเคลื่อนไหวเพราะฉะนั้นเราต้องพยายามสร้างบรรยากาศให้มันดี ให้ทุกคนร่วมกัน ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นแหละ"

สิ่งที่อธิบดีขลอพยายามผลักดันให้ได้มาที่สำนักงานประกันภัย ก่อนที่จะย้ายกรมพาณิชย์สัมพันธ์ นับเป็นผลงานครั้งสำคัญที่น่าจะเรียกว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ให้หน่วยงานราชการแห่งนี้ นั่นคือการขออัตราเจ้าหน้าที่เพิ่มเกือบร้อยอัตรา โดยเฉพาะระดับบริหารนั้นได้ตำแหน่งรองอธิบดีเพิ่มเป็น 2 คนระดับซี 9 และซี 8 อีกหลายคน

หลังจากผ่านความตึงเครียดในหน่วยงานที่ได้ชื่อว่ามีอำนาจในการควบคุมดูแลอย่างล้นพ้นต่อธุรกิจประกันภัยประกันชีวิตแล้ว อธิบดีชลอได้โอกาสรับงานเบา ๆ ในกรมที่คุ้นเคยมาแต่เดิมคือพาณิชย์สัมพันธ์เมื่อ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีงานหลัก ๆ คือสนับสนุนส่งเสริมการส่งสินค้าไปขายในต่างประเทศ ซึ่งในอนาคตจะมีการเปลี่ยนชื่อกรมไปเป็นกรมส่งเสริมสินค้าส่งออก

แม้วันเวลาจะผ่านเลย ปัญหาต่าง ๆ ผ่านเข้ามาและถูกแก้ไขผ่านไป แต่สิ่งหนึ่งที่อธิบดีผู้มีอารมณ์ดีกับนักข่าวอยู่เป็นนิจไม่ยอมเปลี่ยนแปลงคือความสมถะในบ้านหลังเล็ก ๆ พื้นที่แคบ ๆ เพียง 98 ตารางวาและการไปออกกำลังที่โปโลคลับซึ่งมีอาณาบริเวณกว้างขวางใหญ่โต

โปโลคลับน่าจะได้ชื่อว่าเป็นบ้านหลังที่สองของอธิบดีชลอ เพราะความที่ไปอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ เช้าและเสาร์ อาทิตย์ อธิบดีเล่าว่าไปพักผ่อนออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ว่ายน้ำ ซาวน่า ฯลฯ

อธิบดีเปิดเผยตรงไปตรงมาว่า "ผมเป็นคนแปลกจังไม่ค่อยอยู่บ้านนาน มันอาจเป็นธรรมชาติของเราก็ได ถ้าอยู่บ้านทั้งวันมันอึดอัด เพราะบ้านเราก็ไม่ใหญ่เท่าไหร่ใช่ไหม"

อธิบดีชลอจะออกจากบ้านตั้งแต่ 6 โมงเข้าพร้อมคนขับรถคู่ใจที่ติดตามมาจากสำนักงานประกันภัยผ่านเลยออฟฟิศที่กรมพาณิชย์สัมพันธ์ มุ่งหน้าสู่โปโคคลับ ถนนอังรีดูนังต์

หลังจากจ๊อกกิ้งเข้าโรงยิมหรือซาวน่าอย่างใดอย่างหนึ่งอธิบดีก็จะมุ่งหน้าย้อนเส้นทางเดิมกลับสู่ออฟฟิศในเวลาแปดโมงกว่า เป็นอย่างนี้ทุก ๆ วันที่อยู่ในกรุงเทพฯ

โปโลคลับน่าจะมอบเหรียญดื้อให้ท่านอธิบดีสักเหรียญในฐานะเป็นสมาชิกเก่าแก่มาครบปีที่ 10

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us