|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ตลาดหุ้นไทยมีเฮ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมือง 3 พรรค บวกกับพันธมิตรฯ ประกาศสลายการชุมนุมอย่างเป็นทางการ “ภัทรียา” มั่นใจช่วยคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังร้อนแรง และส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ด้านโบรกเกอร์ ชี้หุ้นไทยเด้งแรง แต่จะส่งผลดีระยะสั้น1 เดือนเท่านั้น เหตุยังต้องรอผลการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย (2 ธ.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นเคลื่อนไหวผันผวนสลับระหว่างแดบบวกและแดนลบ โดยในช่วงเช้านักลงทุนต่างใจจดจ่ออยู่กับเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดียุบพรรคการเมือง 3 พรรค คือ พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งนักลงทุนต่างคาดการณ์ว่าจะมีคำสั่งให้ยุบพรรค และทำให้สถานการณ์การเมืองเริ่มคลี่คลาย จึงมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ในภาคบ่ายหลังได้มีปัจจัยลบเข้ามากระทบจากตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง จากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณถดถอยอย่างชัดเจน ดังนั้นดัชนีตลาดหุ้นจึงไม่สามารถยืนอยู่เหนือแดนบวกได้ แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งยุบพรรคอย่างที่หลายคนคาดการณ์ไว้ แต่ยังมีบางส่วนยังวิตกว่า สถานการณ์การเมืองยังไม่จบ เพราะกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไป
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุด 394.19 จุด ต่ำสุด 382.85 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 387.32 จุด ลดลงจากวันก่อน 3.60 จุด หรือคิดเป็น 0.92% มูลค่าการซื้อขายรวม 11,492.93 ล้านบาท ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า 1,639.98 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 213.20 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,853.18 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.บ้านปู (BANPU) ราคาปิดที่ 180 บาท ลดลงจากวันก่อน 1 บาท หรือคิดเป็น 0.55% มูลค่าการซื้อขายรวม 1,773.99 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิดที่ 91.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.55% มูลค่า 1,758.30 ล้านบาท และบมจ.ปตท. (PTT) ปิดที่ 143 บาท ลดลง 1 บาท หรือ 0.69% มูลค่า 1,330.13 ล้านบาท
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคการเมือง 3 พรรค ทำให้มีความชัดเจนทางการเมืองระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ปัญหาทางการเมืองคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการที่จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือ นายสมชาย วงสวัสดิ์ และรัฐมนตรีต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และน่าจะทำให้มีการยุติการชุมนุม โดยส่วนตัวหวังว่าจากการพิจารณาของศาลฯในครั้งนี้น่าจะทำให้ปัญหาคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี และจะส่งผลดีทำให้นักลงทุนคลายความกังวลจากปัญหาการเมืองและจะส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
“หลังจากศาลมีคำสั่งยุบ3 พรรคการเมืองแล้ว น่าจะแก้ไขปัญหาทางการเมืองได้ จากที่มีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ส่วนตัวหวังว่าปัญหาทางการเมืองจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น” นางภัทรียา กล่าว
ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ผู้บริหารฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติ กล่าวว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญมีการพิจารณายุบ 3 พรรคการเมือง ถือว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่ก็ยังไม่ความชัดเจนว่าปัญหาการเมืองจะมีการคลี่คลายหรือไม่ เนื่องจาก ต้องรอดูว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่อย่างไร จะเป็นรัฐบาลร่วมหรือไม่ ใครจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี และจะเป็นที่พอใจของกลุ่มพันธมิตรหรือไม่
ทั้งนี้ ประเด็นการยุบพรรคการเมืองดังกล่าวนั้นนักลงทุนต่างประเทศมีการคาดการณ์ไว้แล้ว แต่รู้สึกตกใจว่าศาลมีการพิจารณาตัดสินเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลแบบไหน จากการประเมินการซื้อขายต่างชาติวานนี้ (2 ธ.ค.) นั้นต่างชาติยังมีการขายหุ้นไทยออกมาพอสมควร จากที่ประเมินว่าปัญหาทางการเมืองยังไม่ได้ขึ้น และปัญหาดังกล่าวยังไม่จบซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองเกิดขึ้น ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไม่มีการตอบรับกับประเด็นดังกล่าว
“ประเด็นที่นักลงทุนต่างชาติไม่พอใจมากที่สุดในเรื่องการปิดสนามบิน ทำให้เกิดความเสียหากแก่เศรษฐกิจของประเทศ ฯลฯ ส่วนประเด็นในเรื่องการยุบ3 พรรคการเมืองนั้น นักลงทุนต่างประเทศได้มีการคาดการณ์ไว้แล้วแต่รู้สึกตกใจที่มีการตัดสินเร็วกว่าที่คาดไว้ และเชื่อว่าปัญหาทางการเมืองยังไม่จบ เพราะต้องดูว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลออกมารูปแบบใด และกลุ่มพันธมิตรฯจะมีการสลายการชุมนุมหรือไม่ โดยขณะนี้ทางกลุ่มพันธมิตรก็ยังไม่ได้มีการยุติการชุมนุม”มล.ทองมกุฎ กล่าว
หุ้นไทยวันนี้เด้งรับพันธมิตรฯสลายชุมนุม
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้บังคับบัญชาสายงานวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล) พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)หรือ CNS กล่าวว่า จากการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีการประกาศสลายการชุมนุมนั้น ทำให้สามารถปรับตัวกว่า 40 จุด มาอยู่ที่ระดับ 430 จุด เนื่องจาก ทำให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นหายไปทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยดีขึ้นในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศดีขึ้น จากการที่มีการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้นี้เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นประมาณ 1 เดือน เพราะ เป็นช่วงที่จะมีการย้ายพรรคการเมือง มีการเลือกตั้งส.ส.ใหม่บางเขตการเลือกตั้ง หลังจากนั้นต้องมีการติดตามว่าพรรคไหนจะเข้ามาเป็นรัฐบาล ว่าจะเป็นกลุ่มพรรคการเมืองเดิม หรือจะเปลี่ยนเป็นพรรคการเมืองใหม่ โดยจากปัจจัยดังกล่าวนั้นเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มโรงแรม การบิน ท่องเที่ยว การส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
“กลุ่มพันธมิตรมีการสลายการชุมนุมนั้นส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย และส่งผลดีต่อประเทศทำให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นยุติลง ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศดีขึ้น และจะทำให้ภาคการส่งออก การท่องเที่ยว โรงแรมปรับตัวดีขึ้นมารวมถึงหุ้นกลุ่มดังกล่าวเช่นกัน แต่ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นแรงแค่ไหนนั้นไม่สามารถตอบได้ แต่เบื้องต้นคาดว่าจะกลับไปอยู่ที่ระดับ 430 จุด ได้ ”นายถนอมศักดิ์
นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟาร์อีสท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แม้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวิฉัยยุบพรรคการเมือง 3 พรรค คือ พรรคพลังประชาชน มัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย และตัดสิทธ์ทางการเมืองคณะกรรมการบริหารคนละ 5 ปี
ทั้งนี้จากประเมินว่าปัญหาทางการเมืองยังไม่ยุติ เพราะ กลุ่มพรรคการเมืองกลุ่มเดิมที่ถูกยุบพรรคจะกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลเหมือนเดิม ทำให้ปัญหาการเมืองไม่คลี่คลาย และจากการที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์(S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถืออันดับเครดิตประเทศไทยลงนั้นทำนักลงทุนมีแรงเทขายออกมา
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (3 ธ.ค.) จากการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีการสลายการชุมนุมแล้วนั้น เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยทำให้สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ และอาจทำให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มีการสลายการชุมนุม ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจท่องเที่ยว และการส่งออกปรับตัวดีขึ้น
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวลงอย่างหนัก หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศการเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว ซึ่งจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวตามไปด้วย แม้จะได้รับปัจจัยบวกจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบ 3 พรรคการเมือง ยังไม่สามารถช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยยืนเหนือแดนบวกได้ แต่เป็นช่วยให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในสัดส่วนที่น้อยกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวในทิศทางที่เพิ่มขึ้น หลังจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศสลายการชุมนุมทั้งที่ทำเนียบรัฐบาล สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นยืนเหนือระดับ 400 จุดได้ แม้ว่ากลุ่มนปช. จะยังไม่สลายการชุมนุมก็ตาม
ทั้งนี้ นักลงทุนจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างใกล้ชิดต่อไป แม้ 3 พรรคการเมืองจะถูกยุบไปแล้ว แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้สมาชิกสามารถหาพรรคเข้าไปสังกัดใหม่ได้ และ 6 พรรคการเมืองเองยังจะมีการรวมตัวกันเพื่อจะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งอาจจะทำให้มีการต่อต้านรัฐบาลนอมินีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีต่อ
|
|
 |
|
|