|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ธนาคารเกียรตินาคินในฐานะธนาคารขนาดเล็กคาดหวังไว้ว่าในปีหน้าธุรกิจของธนาคารคาดจะไม่มีตัวเลขเติบโตหรือโตศูนย์เปอร์เซ็นต์
ภาวะวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงในระยะแรกต่อธนาคารไทยแต่ผลกระทบจะส่งผลทางอ้อมโดยเฉพาะลูกค้าของธนาคารที่ทำธุรกิจท่องเที่ยว ส่งออก และการเกษตร
ลูกค้าของธนาคารเกียรตินาคินเป็นกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นกลุ่มเกษตรกรข้าว หรือยางพารา เป็นกลุ่มที่มีความน่าเป็นห่วงมากที่สุด
ธนาคารเกียรตินาคินคาดการณ์ว่าในปี 2552 ความต้องการใช้บริการสินเชื่อในปีหน้าจะลดน้อยลงยกเว้นโครงการภาครัฐที่ยังต้องใช้งบประมาณของภาครัฐ
เพราะจากสัญญาณที่ธนาคารให้บริการธุรกิจให้สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมีอัตราการปล่อยสินเชื่อลดลง 10.6% ในไตรมาสที่ 3
ที่ผ่านมาธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 7,500 ล้านบาท และเน้นปล่อยสินเชื่อลูกค้าเดิม 80-90% จึงทำให้ธนาคารรู้ล่วงหน้าสิ่งที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร
ทิศทางการทำธุรกิจของธนาคารจะเน้นความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นโดยเน้นรักษาฐานลูกค้าเก่าให้เติบโตเท่าเดิม
ส่วนการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายใหม่จะยากมากยิ่งขึ้น
ธนาคารจะให้ความสำคัญระดมทุนเงินฝากจากสาขาที่อยู่ทั่วประเทศโดยเฉพาะต่างจังหวัดให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีสาขา 35 แห่งที่จะเข้าถึงลูกค้า
การควบคุมหนี้เสียหรือเอ็นพีแอลเป็นอีกเป้าหมายหนึ่งของธนาคารที่จะไม่ให้เกิน 5-6 % ในปี 2552
ส่วนธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ที่สร้างรายได้หลักให้กับธนาคารมาโดยตลอดก็จะปรับเงื่อนไขค่าเงินดาวน์เพิ่มมากขึ้นเป็น 15-20%ของราคาสินค้า
นอกเหนือจากการบริหารธุรกิจให้เป็นไปอย่างระมัดระวัง ธนาคารมีแนวคิดที่จะซื้อหนี้เสียมาบริหารเพิ่มเติมซึ่งเป็นบริการที่ธนาคารมีความรู้ความชำนาญเมื่อในอดีตและมีเจ้าหน้าที่รองรับการทำงาน
แม้ว่าในไตรมาส 3 ผลประกอบการของธนาคารและบริษัทย่อยจะมีกำไร 674 ล้านบาท แต่ธนาคารเกียรตินาคินก็ยังหวาดหวั่นการทำธุรกิจในปีหน้าเช่นกัน
เพราะว่ากันว่าในปีหน้าวิกฤติจะแตกต่างจากต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 ที่กระทบกับองค์กรทั่วไปแต่ในปี 2551 วิกฤติจะกระทบไปถึงธุรกิจเอสเอ็มอีและกลุ่มรากหญ้าที่ส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าของธนาคาร
ในปี 2552 จะเป็นความท้าทายอีกครั้งหนึ่งของผู้บริหารเกียรตินาคินกับโจทย์ที่เปลี่ยนไป
|
|
|
|
|