|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ค่าเงินบาทอ่อนแตะ 35.75 นับเป็นการอ่อนค่าสุดในรอบ 2 ปี นักค้าเงินระบุรับแรงกดดันจากหลายปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการเมืองที่ยืดเยื้อและอาจมีเหตุรุนแรง ชี้มีความเป็นไปได้ที่เงินบาทจะอ่อนค่าต่อเนื่องถึงระดับ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ สั่งจับตาการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคการเมือง การลดดอกเบี้ยทั้งไทยและเทศ
นักค้าเงินธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) แจ้งว่า ค่าเงินบาทเมื่อวานนี้(1 ธ.ค.) เปิดตลาดที่ระดับ 35.54-35.58 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยการเคลื่อนไหวเงินบาทระหว่างวันอ่อนค่าตลอด จนกระทั่งในช่วง 15.00-16.00 น. ซึ่งอ่อนค่าสุดที่ระดับ 35.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่จะปิดตลาดที่ระดับ 35.70-35.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงตามปัจจัยภายในประเทศด้านการเมืองเป็นสำคัญทั้งศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงปิดคดียุบการเมืองในวันนี้ การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดอีก 0.25-0.50% จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 3.75% อย่างไรก็ตาม หากมีเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกก็อาจยิ่งทำให้สถานการณ์ย้ำแย่และค่าเงินบาทยิ่งอ่อนค่าลงอีก นอกจากนี้ยังต้องจับตาดูปัจจัยนอกประเทศจากการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยของประเทศในแถบยุโรปในคืนวันที่ 3 ธ.ค.นี้เช่นกัน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรับดอกเบี้ยลดลง เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
ด้านนักค้าเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อวานนี้เป็นผลมาจากทั้งปัจจัยภายในและต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่เกิดเหตุการณ์ชุมนุมที่สนามบินในสุวรรณภูมิและดอนเมืองที่มีแนวโน้มว่าจะยืดเยื้อต่อไป ขณะเดียวกันสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถืออย่าง S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยลงเป็นลบจากระดับที่มีเสถียรภาพ อีกทั้งค่าเงินในประเทศแถบภูมิภาคต่างปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้น ค่าเงินบาทในวันนี้มีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจประเมินว่ามีความเป็นไปได้ที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีหน้าจะติดลบ จึงมีโอกาสที่เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.80-35.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในวันนี้และคาดว่าภายในเดือนนี้อาจจะมีโอกาสเห็นค่าเงินบาทอ่อนค่าไปถึงระดับ 36.00 บาท ซึ่งค่าเงินบาทไม่ได้เคลื่อนไหวอ่อนค่าไปถึงระดับดังกล่าวมาประมาณ 2 ปีแล้ว
จับตาการเมือง-ลดดบ.กดดันบาทต่อ
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าสัปดาห์นี้ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทที่ควรจับตา ประกอบด้วย ปัจจัยการเมืองในประเทศ การประชุม กนง.ในวันที่ 3 ธันวาคม 2551 ทิศทางสกุลเงินในภูมิภาค ตลอดจนทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนี ISM ภาคการผลิตและภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมและอัตราการว่างงานเดือนพฤศจิกายน ยอดคำสั่งซื้อของโรงงานและรายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนตุลาคม ข้อมูลประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 3/2551 ตลอดจนรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ของเฟด นอกจากนี้ ตลาดการเงินยังจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนความช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯ อีกด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ก่อน ค่าเงินบาทในประเทศร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินบาทปรับตัวในทิศทางที่อ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์เช่นเดียวกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ขณะที่ เงินดอลลาร์สหรัฐ ได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ระบุว่า นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ได้รับการทาบทามให้ดำรงตำแหน่งรมว.คลังในรัฐบาลของนายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เงินบาทยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วงต่อมา แม้ว่าสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียจะดีดตัวกลับมาแข็งค่าขึ้นโดยเงินบาทต้องเผชิญกับแรงเทขายท่ามกลางความวุ่นวายของสถานการณ์ชุมนุมทางการเมืองในประเทศ และในวันศุกร์สุดสัปดาห์เงินบาทร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือนที่ระดับประมาณ 35.52 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
|
|
|
|
|