|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ใครกันแน่ทำลายชาติ ผอ.สุวรรณภูมิบอกสำนักข่าวรอยเตอร์ต้องใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์เช็กสนามบิน ก่อนออกประกาศงดบินขึ้นลงจนถึง 6 โมงเย็น วันที่ 3 ธ.ค การบินไทยเปิดศูนย์เช็คอินที่ไบเทค การบินไทย-บางกอกแอร์เวยส์เริ่มทยอยเปิดเที่ยวบินที่อู่ตะเภา สั่งย้ายเครื่องเอ็กซ์เรย์ 4 เครื่องไปอู่ตะเภา เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบการทำงานระบบ รปภ.หลัง 2 สนามบินถูกยึด
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และรักษาการกรรมการผู้อำนายการบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผย สำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวานนี้ (1) ถึงการเปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขึ้นใหม่ว่า ภายหลังจากการปิดล้อมของกลุ่มผู้ประท้วงยุติลงแล้ว จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยที่สุด 1 สัปดาห์ เนื่องจากต้องตรวจสอบด้านความปลอดภัยและตรวจสอบระบบไอที
"ปกติแล้วการตรวจสอบระบบไอทีจะต้องใช้เวลา 1 อาทิตย์ เราจะต้องตรวจสอบ, ตรวจสอบซ้ำอีก, ตรวจสอบ, ตรวจสอบซ้ำอีก" นายเสรีรัตน์บอกกับรอยเตอร์ พร้อมกล่าวต่อไปด้วยว่า อาจจะต้องเสียเวลานานกว่านี้อีก ถ้าหากระบบคอมพิวเตอร์อันใหญ่โตมหึมาของทางสนามบินเกิดจำเป็นต้องมีการซ่อมแซมใดๆ ขึ้นมา
"ผมคิดว่าระบบบางระบบคงจะได้รับความเสียหาย" นายเสรีรัตน์กล่าวโดยไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้
เขาพูดต่อไปว่า หลังจากที่ทาง ทอท. ตรวจสอบจนพอใจเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างสามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็นแล้ว ก็จะเชิญกรมการขนส่งทางอากาศ และตัวแทนของสายการบิน มาทำการตรวจสอบของพวกเขาเอง ซึ่งก็ไม่ทราบว่าการตรวจสอบของฝ่ายที่สามเหล่านี้จะกินเวลาอีกนานแค่ไหน
รอยเตอร์บอกว่า นายเสรีรัตน์ไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าอากาศยานดอนเมือง
วันเดียวกันนายเสรีรัตน์ได้ออกประกาศแจ้งให้ผู้ปฏิบัติงานทางอากาศ (Notice to Airmen : NOTAM) ทราบว่า จะของดการให้บริการขึ้น-ลงของเครื่องบินต่อไปอีก 48 ชั่วโมง จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 3 ธ.ค.2551 โดยอ้างว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังคงปักหลักชุมนุมกันอยู่ที่หน้าอาคารผู้โดยสาร
นายเสรีรัตน์อ้างว่า แม้ผู้ชุมนุมจะย้ายออกจากอาคารผู้โดยสาร แต่การชุมนุมยังอยู่ในพื้นที่สนามบินซึ่งยังถูกประเมินถึงความไม่ปลอดภัย จึงต้องปิดทำการต่อไป และหากผู้ชุมนุมย้ายออกจากพื้นที่สนามบินแล้วก็ยังไม่สามารถทำการบินได้ทันที เพราะต้องใช้เวลาในการตรวจเช็คความพร้อม และความปลอดภัยตามหลักสากลก่อนเปิดทำการ ซึ่งจะเป็นไปตามขั้นตอนของกรมการขนส่งทางอากาศ และตัวแทนสายการบินต่างๆ ที่ยืนยันต่อต้นสังกัด และการให้บริการได้
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ยืนยันว่าพันธมิตรฯ ชุมนุมอยู่เฉพาะตัวอาคารเท่านั้น ไม่ได้ลงไปในรันเวย์ และเมื่อวันที่ 30 พ.ย.พันธมิตรฯ ได้ส่งหนังสือชี้แจงไปยังนายเสรีรัตน์แล้วว่า ไม่ได้ชุมนุมในพื้นที่ที่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับการขึ้นลงของเครื่องบิน ทั้งในส่วนของลานบิน หลุมจอด หอบังคับการบิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขึ้นหรือลงเครื่องบินของสนามบินทั้ง 2 แห่ง จึงขอให้ท่านปฏิบัติหน้าที่ของท่านในการดูแลการขึ้นลงเครื่องบิน และดูแลรักษาความปลอดภัยของเครื่องบิน ซึ่งเป็นพื้นที่ความรับผิดชอบของของนายเสรีรัตน์โดยตรง
การบินไทยเปิดเช็กอินที่ไบเทค
บริษัทการบินไทยได้จัดเคาน์เตอร์เช็กอินให้แก่ผู้โดยสารที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารที่ได้รับการยืนยันการเดินทางจากกองสำรองที่นั่งของบริษัทฯ เรียบร้อยแล้ว โดยผู้โดยสารสังเกตได้จากเที่ยวบินที่มีตัวเลข 4 ตัว และลงท้ายด้วยเลข 9 อาทิ เที่ยวบินที่ทีจี 4719 เป็นต้น ขอให้ผู้โดยสารเดินทางไปเช็กอิน ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคาร EH 106 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยเริ่มตั้งแต่วานนี้ (1 ธ.ค.) ทั้งนี้ผู้โดยสารควรจะต้องเดินทางถึงไบเทคก่อนเวลาเครื่องบินออก 7 ชั่วโมงเพื่อสะดวกในการเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา
นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า ตามที่ นาย วีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบายลดความความคับคั่งของผู้โดยสารต่างประเทศ ที่ไปใช้บริการที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา โดยให้ ทอท.เปิดศูนย์เช็คอินในเมือง (City Terminal) ที่ศูนย์ไบเทค บางนา เป็นการให้บริการเช็คอินเฉพาะผู้โดยสารต่างประเทศที่จะเดินทางกลับประเทศเท่านั้น โดยทอท.ได้นำเครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระ จำนวน 4 ตัว รวม
ทั้งนำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาให้บริการ เช่นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการสายพานลำเลียง มาให้บริการที่ศูนย์ไบเทค และขอให้ผู้ต้องการใช้บริการเช็คอินล่วงหน้าประมาณ 7 ชม. โดยให้ตรวจสอบก่อนว่า สายการบินที่จะใช้บริการไปให้บริการที่ศูนย์เช็คอินไบเทคบางนาด้วยหรือไม่ โดยสามารถสอบถามที่โทร 0-2749 3974 , 0-2749 39 82
ขณะที่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ซึ่งได้นำเครื่อง 15 ลำ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไปแล้ว ก็จะให้บริการตามปกติเช่นเดียวกัน โดยจะเปลี่ยนจากสุวรรณภูมิ ไปใช้ที่สนามบินหัวหิน 2 เที่ยวต่อวัน เพิ่มเติมจากสมุย และภูเก็ต เพื่อเชื่อมต่อกับเที่ยวบินสู่สิงคโปร์หรือฮ่องกง ทั้งนี้บางกอกแอร์เวย์สได้จัดรถไว้บริการผู้โดยสารที่ประสงค์จะเดินทางในเที่ยวบินดังกล่าว โดยรถจะออกจากอาคารสำนักงานใหญ่ เลขที่ 99 อาคารทับวิภา ถนนวิภาวดีรังสิต 4 ชั่วโมงก่อนเวลาของเที่ยวบิน นอกจากนี้ ทางสายการบินยังได้จัดให้มีเที่ยวบินระหว่างอู่ตะเภา-เสียมราฐ อู่ตะเภา-มัลดีฟส์ อู่ตะเภา-กุ้ยหลิน อู่ตะเภา-สมุย และอู่ตะเภา-ภูเก็ตด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.1771 หรือ 0-2265-8777 หรือเว็บไซต์ www.bangkokair.com
นายเสรีรัตน์กล่าวว่า เนื่องจากมีผู้ไปใช้บริการที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภามีผู้โดยสารไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทำให้อุปกรณ์ที่มีอยู่อย่างจำกัด ไม่เพียงพอจึงได้สั่งการให้ขนย้ายอุปกรณ์เอ็กซ์เรย์ของ สุวรรณภูมิ จำนวน 4 เครื่อง ประกอบด้วย เครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระผู้โดยสาร (Checked Baggage X-Ray) จำนวน 2 เครื่อง เครื่องเอ็กซ์เรย์กระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารที่จะถือขึ้นเครื่องบิน (Carry-on Baggage X-Ray) จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องตรวจวัตถุระเบิดแบบเดินผ่าน ( Walk- Through metal Detector) จำนวน 2 เครื่อง ไปติดตั้งที่อู่ตะเภา เคาดว่าจะไปถึงสนามบินอู่ตะเภาภายในค่ำวานนี้ (1 ธ.ค.) และจะติดตั้งจะเปิดให้บริการได้ทันที
ทอท.กำหนดขั้นตอนนำเครื่องบินออก
ส่วนกรณีสายการบินต่าง ๆ ที่มีเครื่องบินเปล่าจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรวม 88 ลำเพื่อนำออกไปให้บริการผู้โดยสารที่ยังตกค้างอยู่ตามสนามบินต่างๆ นั้น นายเสรีรัตน์กล่าวว่า สายการบินต่างๆ ได้ทยอยนำเครื่องบินเปล่าบินออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งแต่เวลา 19.23 น. ของวันที่ 30 พ.ย.โดยเพื่อความคล่องตัวในการปฎิบัติสำหรับงาน ทอท.ได้กำหนด 4 ขั้นตอนในการนำเครื่องบินเปล่าออกจาก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 1. สายการบินดังกล่าวจะต้องนำนักบินและลูกเรือมาร่วมประชุมกับ ทอท. ที่ชั้น 1 อาคารบำรุงรักษาท่าอากาศยาน (อาคาร 1) ทสภ. (Airport Maintenance Facilities) 2. ทอท. ประสานกับหอบังคับการบินเพื่อตรวจสอบความพร้อมในการนำเครื่องบินขึ้น 3. ทอท. จัดรถนำคณะลูกเรือไปส่งเข้าลานจอดอากาศยานที่ Control Post 4 และ 4. ทอท. จัดรถ Follow me ของ ทอท. นำคณะลูกเรือไปที่หลุมจอดที่เครื่องบินจอดอยู่
เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบระบบ รปภ.
นายโสภณ ซารัมย์ รมช.คมนาคม กล่าวว่า จากสถานการณ์ปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองนั้นรัฐบาล ได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือ ผู้โดยสารที่ตกค้างอย่างเต็มที่ โดยได้มีการเตรียมรถรับส่งผู้โดยสารไปยังสนามบินที่เปิดให้บริการได้ ส่วนการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยาน ทั้ง 2 แห่ง ที่ปล่อยให้มีการเข้ามาชุมนุม หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทำงานตามขั้นตอนว่า มีอะไรบกพร่องหรือไม่ แต่ในเบื้องต้นเห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เกินความสามารถ เพราะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทหารตำรวจ ก็ยังไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ และอยากให้เหตุการสงบโดยเร็วเพื่อให้เปิดสนามบินได้เร็วที่สุด
ใช้สนามบินพิษณุโลก-โคราชช่วย
นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ประเทศไทยมีสนามบินทั้งหมด 35 แห่ง ซึ่งมีความพร้อมที่จะให้บริการ แม้ว่าแต่ละสนามบินจะมีศักยภาพแตกต่างกันออกไป โดยคาดว่าจะเปิดสนามบินเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ พิษณุโลก และนครราชสีมา เพื่อ ลดจำนวนความแออัดของอู่ตะเภา เนื่องจากเห็นว่าสนามบินทั้ง 2 แห่ง สะดวกที่เครื่องบินจะสามารถลงจอดได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ทันที โดยจะใช้วิธีการเช็คอินจากกรุงเทพฯ จากนั้นจะมีรถบัสรับผู้โดยสารไปส่งยังหน้าประตูเครื่องบิน
ด้าน พล.อ.อ.สมชาย เทียนอนันต์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) กล่าวว่า จากกรณีที่มีเครื่องบินที่ตกค้างอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด 88 ลำ ได้บินออกไปแล้วอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถระบายออกได้หมดเร็ว ๆนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของเครื่องบินและนักบินด้วย นอกจากนี้บวท. จะให้บริการสนามบินเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ที่จังหวัดพิษณุโลกและนครราชสีมา ลดความแออัดที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา เนื่องจากสนามบินดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ที่พร้อมสามารถจะปฏิบัติงานได้
สันติคาดเปิดคาร์โก้สุวรรณภูมิ 1-2 วันนี้
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม ได้ประสานงานกับ บริษัท วิทยุการบิน ประเทศไทย จำกัด (บวท.) และกรมศุลกากร เพื่อหาช่องทางเปิดให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ (คาร์โก้) โดยสามารถจะใช้ถนนกิ่งแก้วเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่จะผ่านเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิ คาดว่าจะดำเนินการได้ใน 1-2 วันนี้ โดยจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลการขนส่งสินค้าด้วย เพราะกรณีที่กลุ่มพันธมิตรปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นการปิดเส้นทางเข้าออกสนามบินเท่านั้น ไม่ได้ปิดรันเวย์ ขณะนี้จึงได้มีการจัดเตรียมเครื่องบินให้พร้อมในการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงการรักษาความปลอดภัย ดังนั้น จึงเห็นว่าที่ถนนกิ่งแก้ว น่าจะเป็นเส้นทางเข้าออกสนามบินได้ ทั้งการขนส่งสินค้า รวมถึงสินค้าที่ยังตกค้างอยู่ ซึ่งตอนนี้เครื่องบินมีพร้อมแล้วเพียงแต่ว่าต้องดูแลเรื่องความปลอดภัย
บินไทยเปิดบิน 32 เที่ยวบินอู่ตะเภา
พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เครื่องบินที่ติดค้างอยู่ 30 ลำ สามารถนำไปให้บริการได้ตามปกติแล้ว แต่การบินไทยยังคงจะใช้สุวรรณภูมิเป็นที่จอดเครื่องบินเหมือนเดิม ตามตารางปกติของเดือนธ.ค. เครื่องบินที่จะให้บริการที่สุวรรณภูมิทุกเส้นทางจะย้ายไปใช้สนามบินอู่ตะเภา และผู้โดยสารทุกคนต้องสำรองที่นั่งใหม่ทั้งหมด เพราะที่นั่งเปลี่ยน โดยในวันที่ 1 ธ.ค. 51 บริษัทฯ ได้จัดเที่ยวบินพิเศษ สำหรับผู้โดยสารที่ได้รับการยืนยันการเดินทางจากกองสำรองที่นั่ง จำนวนทั้งสิ้น 32 เที่ยวบิน เช่น เที่ยวบินขาออก จากท่าอากาศยานอู่ตะเภา จำนวน 13 เที่ยวบิน เที่ยวบินขาออกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ 1 เที่ยวบิน เที่ยวบินขาออกจากท่าอากาศยานหาดใหญ่ 2 เที่ยวบิน เที่ยวบินขาออกจากท่าอากาศยานภูเก็ต 1 เที่ยวบิน เที่ยวบินขาเข้า ท่าอากาศยานอู่ตะเภา 14 เที่ยวบิน และเที่ยวบินขาเข้าที่ท่าอากาศยานภูเก็ต 1 เที่ยวบิน
พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า การบินไทยได้รับความเสียหายจากที่ทอท.ประกาศปิดท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิวันละประมาณ 500 ล้านบาท โดยจะใช้ท่าอากาศยานอู่ตะเภาและท่าอากาศยานต่างๆ เช่น ภูเก็ต ซึ่งขณะนี้ยังมีผู้โดยสารที่ตกค้างอยู่ประมาณ 40,000 – 50,000 คน การบินไทยจะพยายามจัดเที่ยวบินเพื่อรองรับความต้องการเดินทางกลับประเทศ และระหว่างที่ยังไม่สามารถส่งนักท่องเที่ยวกลับได้ การบินไทยก็อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ยังตกค้างอยู่ โดยจัดให้ผู้โดยสารเข้าพักในโรงแรมต่าง ๆ จัดบริการรับส่ง
ไทยแอร์เอเชียยกเลิกเที่ยวบิน
สายการบินไทยแอร์เอเชีย ยังคงประกาศยกเลิกเที่ยวบินที่จะขึ้น-ลงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศทุกเที่ยวบิน รวม 106 เที่ยว.
|
|
|
|
|