Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน1 ธันวาคม 2551
SECCถกบอร์ดด่วน-แก้ปัญหา"สมพงษ์"ขนเงินหนี             
 


   
search resources

สมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์
Automotive
เอส.อี.ซี ออโต้เซลส์ แอนด์เซอร์วิส, บมจ.




เอส. อี. ซี. ป่วนหลัง “สมพงษ์” หอบเงินหนี ลูกค้า-ลูกน้องวุ่น ล่าสุดส่งตัวแทนออกมาแถลง ย้ำเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับบริษัท เร่งประเมินความเสียหาย พร้อมนัดประชุมบอร์ดสัปดาห์นี้ ยันไม่ทิ้งลูกค้า ส่งมอบรถตามกำหนดเดิม ส่วนงานมอเตอร์เอ็กซ์ระดมรถจาก “ทีเอสเอล” หนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทสวมพื้นที่แทน ด้านวงการลงทุนเริ่มฟ้องร้องกันวุ่นระหว่างโบรกเกอร์ - ลูกค้า

หลังข่าวการหลบหนีออกนอกประเทศของนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เอส. อี. ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC ผู้นำเข้ารถยนต์อิสระรายใหญ่ ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย NP (Notice Pending) หุ้นของบริษัทฯ ในวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมราคาหุ้น(28พ.ย.)ตกลงมาอยู่ในระดับ 0.40 บาท/หุ้น ลดลง -0.33 จุด หรือ -45.21% ปริมาณซื้อ 371,686,500 หุ้น มูลค่าซื้อขาย 172.681 ล้านบาท

โดยแหล่งข่าวในแวดวงยานยนต์ต่างให้ความเห็นว่า เป็นผลมาจากการที่นายสมพงษ์ใช้เงินจำนวนมากของบริษัทฯ วิ่งเต้นเพื่อให้ได้งานประมูลโครงการเช่ารถเมล์ปรับอากาศระบบเอ็นจีวี ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) แต่ไม่สำเร็จเพราะโครงการนี้ถูกตรวจสอบอย่างหนักจนต้องล้มและมีการเลื่อนการประมูลออกไป รวมถึงการมีปัญหากับลูกค้าและกลุ่มเงินทุนรายใหญ่

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดโดยกิตติมา สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัท เอส. อี. ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ที่ออกมาเปิดเผยในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 25 หรือ “มอเตอร์เอ็กซ์โป 2008” ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่อาจมีผลบ้างกับการดำเนินงานของบริษัทฯ และขณะนี้คณะกรรมการกำลังศึกษาผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยจะมีการประชุมภายในสัปดาห์นี้

“เบื้องต้นเรายังไม่ได้ประเมินมูลค่าความเสียหาย แต่บอร์ดบริหารและผู้ถือหุ้นมีนัดประชุมกันสัปดาห์นี้ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้กำหนดวัน โดยจะศึกษาถึงผลกระทบและหนี้สินหรือนิติกรรมใดบ้างที่คุณสมพงษ์ทำไว้ในนามของบริษัทฯ แล้วถ้ามีมูลว่าคุณสมพงษ์มีความผิดก็ต้องปลดออกจากประธานกรรมการ และตั้งคนใหม่ขึ้นมารับตำแหน่ง”

นายกิตติมากล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีลูกค้ายกเลิกการจองรถ แต่หลายรายอยากให้มีการส่งมอบรถโดยเร็ว ซึ่งทางบริษัทยืนยันว่าทุกอย่างยังดำเนินการโดยปกติ ไม่มีการทิ้งลูกค้าแน่นอน พร้อมการแจ้งข่าวสารความเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมา และล่าสุดบริษัทฯ สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าด้วยขยายเวลาการรับประกันรถยนต์ทุกคันเป็น 3 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร

“สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวอาจมีผลกับภาพลักษณ์ของบริษัทฯ แต่ยังยืนยันว่าลูกค้าทุกรายที่จองรถไว้ไม่มีปัญหา จะส่งมอบรถตามกำหนดเดิม และการออกงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงมุ่งมั่นตั้งใจ ขณะเดียวกันยังได้การสนับสนุนจากพันธมิตรและบรรดาผู้ถือหุ้นเป็นอย่างดี “นายกิตติมากล่าว

อย่างไรก็ตามในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ที่บริษัท เอส. อี. ซี. เข้าร่วมนั้น มีรายงานจากผู้สื่อข่าวว่า รถยนต์ที่นำมาจัดแสดง เป็นของ บริษัท ทีเอสเอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำเข้ารถยนต์อิสระในเครือเบนซ์แจ้งวัฒนะ โดย ทีเอสเอล เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของเอส. อี. ซี. เช่นกัน ส่วนรถยนต์ไฮไลต์อย่าง “แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอส” ที่ตอนแรกประกาศจะนำมาโชว์พร้อมขายนั้น แต่พอถึงวันจริงกลับไม่มีมาปรากฏโฉมให้เห็น

ขณะเดียวกัน โบรกเกอร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า หุ้นSECC ซึ่งครบกำหนดชำระราคาและส่งมอบใบหุ้น (เคลียริง) เมื่อวันที่ 27 พ.ย. กลับไม่สามารถเคลียริงได้บางรายการ โดยมีลูกค้าและโบรกเกอร์ฟ้องร้องดำเนินคดีกันหลายราย เนื่องจากลูกค้าที่ซื้อหุ้น ไม่ยอมจ่ายค่าหุ้น นอกจากนี้ยังมีโบรกเกอร์บางรายไม่ชำระเงิน ค่าขายหุ้นให้กับลูกค้า

โดยจากข้อมูลพบว่า เกือบ 100% ของลูกค้า ที่ซื้อขายหุ้นนั้นเป็นกลุ่ม เดียวกัน หรือเป็นตัวแทนของเสี่ยรายใหญ่ชื่อดังย่านพระราม 3 และนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ เจ้าของบริษัท SECC ซึ่งเรื่องนี้ตลาดหลักทรัพย์และทางการควรเข้าไปตรวจสอบคำสั่งซื้อขายหุ้น SECC และเส้นทางการเงินของคนกลุ่มดังกล่าว เพื่อไม่ให้ระบบเสื่อมเสียและโครงสร้างเปลี่ยน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us