Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2532








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2532
ยุโรป1992:ประตูแห่งโอกาสค่อยๆปิดลง             
 


   
search resources

International




"ยุโรป 1992"……….คำเรียกที่คุ้นหูกันมาหลายปี…..เป็นแหล่งผลประโยชน์มหาศาล เพราะตัวเลขข้อเท็จจริงที่ฟ้องตัวมันาเองตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้บริโภคซึ่งเมื่อ 12 ชาติสมาชิกอีซีรวมตัวกันอย่างแท้จริงแล้ว จะเป็นพลังมหาศาลมากกว่า 330 ล้านคน ซึ่งนอกจากจะเป็นผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมซับซ้อนแล้ว ยังมีอำนาจซื้อสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ กลายเป็นตลาดมหึมาที่สุดในโลกไปทันที

เพราะยุโรป 1992 นีเองที่ทำให้ทั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทต่าง ๆ สถาบันภาครัฐบาล และสถาบันการเงินในทั่วโลกวิ่งแข่งกันขาแทบขวิด ต่างต้องการเข้าไปมีส่วนในการจับจองให้ได้อยู่ในตำแหน่งที่ท้าทายความเป็นตลาดร่วมหนึ่งเดียวกันนี้

SANTHANAM C. SHEKAR MARTIN และ PYYKKONEN สองที่ปรึกษาประจำ "ARTHUR D. LITTLE" บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารและเทคโนโลยีชั้นนำแห่งของโลก สำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเคมบริดจ์, แมสซาชูเซ็ทท์, สหรัฐอเมริกา ได้ให้ภาพรวมการแข่งขันของทุกค่ายสำคัญทั่วโลกไว้ว่า

- ญี่ปุ่นนั้นคันพบยุโรป 1992 แล้วอย่างแท้จริง เห็นได้จากกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรม (มิติ) กำลังขะมักเขม้นร่วมมือกับอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์เจาะสู่ตลาดยุโรปโดยตรง โดยเฉพาะการสำรวจเข้าสู่ตลาดอีซีทางประตูหลังให้ได้

" กลุ่มประเทศในเครือจักรภพอย่างอินเดียและออสเตรเลียก็พยายามหาหนทางเข้าถึง"

ตลาดร่วมยุโรปทางอ้อม โดยมีอังกฤษเป็นตัวกลางเข้าร่วมกับทั้งสองฝ่าย

" ออสเตรียและนอร์เวย์ก็กำลังพิจารณาจะกระโจนเข้าตลาดอีซีเหมือนกัน ขณะที่ฟิน"

แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ และประเทศอื่น ๆ กลัวเหมือนกันว่า ถ้าปล่อยให้อีซีกลายเป็นตลาดร่วมเดียวกันอย่างแท้จริงโดยปราศจากพวกตนเข้าร่วมแล้วอะไรจะเกิดขึ้น

" ค่ายรัสเซียและกลุ่มประเทสสนธิสัญญาวอร์ซอก็เข้าหากลุ่มประเทศอีซี เพื่อได้มีส่วน"

ร่วมในการค้าครั้งสำคัญของยุโรปตะวันตกด้วย ซึ่งข้อตกลงทางการค้าระหว่างเยอรมนีตะวันออกหวังประโยชน์มหาศาลจากตลาดร่วมที่กำลังจะเกิดขึ้น

การที่บริษัทไหนจะสร้างสรรค์กลยุทธ์อะไรไว้รองรับยุโรป 1992 ได้มากแค่ไหนนั้นไม่มีข้อ

จำกัดใด ๆ ทั้งสิ้น มีแต่องค์ประกอบเรื่อง "เวลา" เท่านั้นที่บีบบังคับอยู่ เพราะประตูแห่งโอกาสที่เปิดรับอยู่เวลานี้จะเริ่มปิดตัวเองลงจนกว่าจะถึงปี 1992 หรือก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ

เมื่อถึงเวลานั้น พวกที่ยังละล้าละลังก็ต้องเผชิญหน้ากับการรวมตัวเป็นพันธมิตร กับตลาดร่วม และกับกำแพงที่กั้นสูงขึ้นเพื่อกีดกันการเข้าสู่ตลาดร่วมที่ว่าอย่างช่วยไม่ได้

การจะรีบเข้าไปจับจองตำแหน่งที่ให้ได้ก่อนประตูจะเริ่มปิดลงนั้น ธุรกิจต่างชาติต้องรีบลงมือรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาและแผนงานบริหารของยุโรปให้ได้อย่างรวดเร็ว

ตัวอย่างง่าย ๆ จากเยอรมนีตะวันตกเพียงประเทศเดียวรัฐบาลกำลังอยู่ในระหว่างการร่างกฎหมายยกเลิกการเก็บภาษี 50% จากกำไรที่ทำได้ภายในอีก 2 ปีข้างหน้านี้

ARTHUR D. LITTLE จึงประเมินว่า ผลจากกฎหมายนี้มีบริษัทเยอรมนีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง 5,000 บริษัทซึ่งล้วนแต่เป็นธุรกิจครอบครัว กำลังแสวงหาหนทางขายกิจการของตนและหวังสร้างกำไรมหาศาลจากการนี้

ซึ่งกิจการที่มีคุณภาพส่วนใหญ่จะถูกบริษัทขนาดใหญ่กว่าเข้าซื้อเพื่อก่อตั้งเป็นพันธมิตรรายใหม่ให้ได้ก่อนปี 1992 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ผลกระทบที่จะเกิดกับอุตสาหกรรมอเมริกันจะสูงมาก ทั้งในแง่ของยุทธศาสตร์และการดำเนินงาน

ต่อไปนี้เป็นแนวโน้มและเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่มีส่วนในการกำหนดโฉมหน้าและบรรยากาศการแข่งขันในยุโรป…

ยุโรปกำลังต่อสู้เพื่อความเป็นเลิศด้านการดำเนินงาน

บรรดาบริษัทยุโรปซึ่งในอดีตได้รับการปกป้องและดำเนินนโยบายอนุรักษนิยมมาโดยตลอดกำลังตรวจสอบการดำเนินงานของตัวเองเสียใหม่ เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งที่แข่งขันได้ด้วยความแข็งแกร่งขึ้น มีอยู่มากเหมือนกันทีเลือกวิธีเข้าจับมือกับคู่แข่งและลูกค้า เพื่อตั้งกิจการร่วมทุนและพันธมิตรทางยุทะศาสตร์ข้ามทวีป

แต่เดิมมามองกันว่า บริษัทที่มีรูปแบบร่วมทุนเป็นกิจการที่ทำให้ต้องดำเนินการผลิตสินค้าด้วยต้นทุนสูงลิ่ว แต่ปัจจุบันบริษัทยุโรปจำต้องหันมายอมรับวิธีนี้อีกครั้งหนึ่ง

เกิดยักษ์ใหญ่รายใหม่ของยุโรปมากขึ้น

ระหว่างปี 1985-1987 ตัวเลขการผนวกกิจการในกลุ่มอีซีด้วยกันสูงขึ้นราว 50% ทำให้เกิดบริษัทยุโรปด้วนอิเล็กทรอนิกส์อาวุธยุทโธปกรณ์ โทรคมนาคม ธนาคาร อาหาร และบริการด้านสื่อมวลชนน้อยรายลง แต่ขนาดใหญ่ขึ้น อาทิ…

ปี 1987 "ธอมสัน" บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ของฝรั่งเศสซื้อแผนกสินค้าคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ของ "ธอร์น-อีเอ็มไอ" แห่งอังกฤษ และซื้อแผนกคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ของ "เจเนอรัลอิเล็กทริก" แลกเปลี่ยนกับแผนระบบการแพทย์ของตน

หรือในช่วงไม่กี่ปีมานี้ "เดมเลอร์ - เบนซ์" แห่งเยอรมนีตะวันตกก็สยายปีกอย่างเงียบ ๆ จนในที่สุดผงาดขึ้นเป็นกลุ่มธุรกิจด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีรายใหญ่สที่สุดของประเทศ ด้วยการกว้านซื้อกิจการ "เออีจี" "โมโตเรนแอนด์ ทรานส์-ฟอร์มาโทเรน ยูเนียน" (เอ็มทียู), "ดอร์เนียร์" และหุ้นใหญ่ของ "เมสเซอร์ชมิด-โบลโคว์บลอม" (เอ็มบีบี)

"ราคัล" ของอังกฤษก็อยู่ในระหว่างซื้อกิจการ เพื่อสร้างกลุ่มธุรกิจสื่อสารข้อมูลจากฐานบริษัทขนาดเล้กถึงขนาดกลางทั่วทวีปยุโรป

และในปลายปี 1988 ยักษ์โทรคมนาคม "ซีเมนส์" ของเยอรมนีตะวันตกและ "จีอีซี" แห่งอังกฤษจับมือกันร่วมเสนอซื้อกิจการ "เพลสซีย์" ยักษ์ด้านโทรคมนาคมอีกแห่งหนึ่งของอังกฤษ

…ข่าวลักษณะนี้จะมีให้เห็นต่อไปอีกเรื่อย ๆ

การผนวกกิจการก็ไม่ได้จำกัดวงเฉพาะในทวีปยุโปรด้วยกันเท่านั้น ค่ายยุโรปกำลังรุกเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาอย่างหนักหน่วง เห็นได้จาก 1988 ปีเดียว ยุโรปเข้าซื้อบริษัทในอเมริการวมแล้วเป็นมูลค่า 33,000 ล้านดอลลาร์ เกือบ 3 เท่าของมูลค่าที่ค่ายญี่ปุ่นเข้าซื้อบริษัทอเมริกันเสียอีก

ดูง่าย ๆ ที่ชื่อ "เบอร์เทลส์มานน์" ยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีตะวันตกที่ทำกิจการทั้งด้านสื่อมวลชนและสำนักพิมพ์ แต่นักธุรกิจอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินชื่อบริษัทนี้มาก่อน จนกระทั่งในรอบ 5 ปี หลังนี้เองที่เบอร์เทลส์มานน์เดินเกมรุกหนัก เข้าซื้อกิจการบริษัทแผ่นเสียง "ดับเบิ้ลเดย์" และ "อาร์ซีเอ" รวมทั้งกิจการประเภทเดียวกันนี้อีกหลายแห่ง กลายเป็นพี่เบิ้มแห่งธุรกิจบริหารด้านสื่อมวลแบบครบวงจรไป

ปี 1988 นี้เช่นกันที่ "ซีเมนส์" ซื้อแผนก "เบนดิกซ์" ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ของ "อัลลายด์-ซิกนอล" ด้วยมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์

เกิดกิจการเน้นแทรกช่องว่างทั่วยุโรป

ทั้งบริษัทขนาดเล็กและกลางของยุโรปตระหนักดีว่า ต่อไปพวกเขาไม่อาจอยู่รอดได้ ถ้าคิดหวังพึ่งเฉพาะส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศเท่านั้น และหลังจากปี 1992 ไปแล้ว พวกเขามีทางเลือกเพียงว่า จะเติบโตต่อไปและกระโจนเข้าแข่งขันทั่วยุโรป หรือไม่ก็อยู่เผชิญกับความตกต่ำอย่างถึงที่สุดเมื่อเสียเปรียบในเชิงแข่งขันทุกรูปแบบ

การผนวกกิจการระหว่าง "ซีเอพีกรุ๊ป" บริษัทให้บริการด้านคอมพิวเตอร์ชั้นำของอังกฤษกับ "ซีมา-เมตร้า" ของฝรั่งเศสซึ่งทำกิจการคล้ายคลึงกันเป็นข้อพิสูจน์ที่ยืนยันว่า บริษัทเล็ก ๆ ในยุโรปก็กำลังปรับตัวขนานใหญ่ เพื่อให้อยู่ในฐานะผู้ได้เปรียบด้านการแข่งขันมากขึ้น

ในอนาคตอันใกล้นี้ การผนวกหรือซื้อกิจการหรือร่วมทุนระหว่างบริษัทยุโรปด้วยกันและคนละทวีปจึงจะทวีจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะยุทธศาสตร์นี้ทำให้บริษัทขนาดเล็กและกลางแข่งขันในช่องว่างของตลาดยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และตะวันออกไกลได้มีประสิทธิภาพขึ้น

เกิด "เถ้าแก่" ยุโรปเต็มไปหมด

กิจการประเภท VENTURE CAPITAL ที่เกิดขึ้นใหม่จะเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับกระตุ้นความเติบโตทางอุตสาหกรรมแขนงที่มีความสำคัญที่สุดของกลุ่มอีซี อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม บริการการเงินและคมนาคม ปัจจุบันทั้งในเยอรมนีตะวันตกและอังกฤษก็มีสวนอุตสาหกรรมที่เน้นเทคโนโลยีซึ่งมีกิจการ VENTURE CAPITAL เป็นแหล่งเงินทุนรวมทั้ง MINI-SILICON VALLEYS เกิดขึ้นแล้วมากมาย

เงินทุนมีทิศทางหมุนเวียนสู่ภายในยุโรปมากขึ้น

ถ้าสถาบันการเงินยอมรับ ธุรกิจยุโรปต้องประสบความสำเร็จมากขึ้นและมีการแข่งขันมากกว่าอดีตที่ผ่านมา นั่นหมายความว่าเงินทุนจากทั่วโลกอาจถูกผันเข้าสู่ประชาคมยุโรปมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่ว่า เงินทุนมีแนวโน้มเคลื่อนย้ายสู่ภูมิภาคที่เป็นที่ยอมรับว่ามีอัตราการเติบโตสูงและมีผลตอบแทนต่อการลงุทนดีมาก

นอกเหนือจากนี้ นโยบายลดความเข้มงวดด้านการธนาคารและการลงทุนในอีซี ก็จะเป็นองค์ประกอบที่เอื้ออำนวยต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนทุกรูปแบบระหว่างพรมแดนของประเทศ ปัจจุบันจึงมีประเทศอีซีหลายแห่งกำลังพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างภาษีบริษัทใหม่เหมือนอย่างที่อังกฤษทำไปเมื่อปี 1987

ในภาครวมแล้วอาจกล่าวได้ว่า บริษัทที่กำลังแสวงโอกาสในยุโรปจำเป็นต้องวางแผนเดินเกมอย่างรอบคอบที่สุด เพื่อให้ตนอยู่ในตำแหน่งได้เปรียบทั้งด้านการแข่งขัน การตอบสนอง และการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที

และพึงจำไว้เสมอว่า ในท้ายที่สุดแล้วการรวมตัวระหว่างกันจะออกมาในรูปแบบใดก็แล้วแต่ ยุโรปทศวรรษ 1990 ก็ต้องถูกเปลี่ยนโฉมหน้าและบรรยากาศทางธุรกิจไปโดยสิ้นเชิง

รวมทั้งต้องไม่ลืมว่า ตอนนี้ประตูแห่งโอกาสยังเปิดกว้างอยู่ก็จริง แต่เวลาที่เหลืออยู่นั้นน้อยเต็มที่ จึงถือเป็นภาระและหน้าที่ของฝ่าบริหารระดับสูงที่ต้องรีบฉกฉวยผลประโยชน์ให้ได้สูงสุดจากเวลาที่เหลือนี้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us