Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2532








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2532
สินค้าปลอม ยุทธการจับปูใส่กระด้ง             

 


   
search resources

Commercial and business
Law




เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับการเกิดอย่างดาษดื่นของสินค้าปลอมในเมืองไทย และยิ่งนับวันสินค้าปลอมจากไทยกำลังกลายเป็นสินค้าออกที่ขึ้นชื่อลือชาในย่านเอเชียแปซิฟิกไปแล้ว การขยายตัวของกลุ่มทุนท้องถิ่นที่ดำเนินธุรกิจด้านนี้กำลังมีบทบาทอย่างน่าสนใจ รวมไปถึงอาชญากรรมและความรุนแรงดูจะหนักข้อมากขึ้น

มีสำนักงานกฎหมายในเมืองไทยประมาณ 7-8 แห่งที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ และสิทธิบัตร สำนักงานกฎหมายเหล่านี้ก็เช่น สำนักกฎหมายดำเนิน สมเกียรติ และบุญมา, ติลลิกีแอนด์กิบบินส์, เอนกแอนด์บริดจ์, คัวช่า, เภามรรคเจริญวุฒิ และที่ปรึกษากฎหมายสากลเป็นต้น

สาเหตุที่สำนักกฎหมายเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญเรื่องเครื่องหมายการค้าเป็นพิเศษ เพราะความมีสัมพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจต่างประเทศเป็นเวลาช้านานติลลิกีแอนด์กิบบินส์เป็นสำนักงานกฎหมายที่มีประวัติมากกว่า 80 ปี โดยการก่อตั้งของนักกฎหมายชาวศรีลังกา และอเมริกันแม้จะมีการเปลี่ยนโฉมหน้าผู้ถือหุ้นมาเป็นคนไทยเสียสองในสาม การดำเนินธุรกิจและคดีความต่าง ๆ ก็มีลักษณะเดิมอยู่ สำนักกฎหมายเอนกแอนด์บริดจ์เป็นการร่วมทุนระหว่าง อเนก ศรีสนิท กับสำนักกฎหมายต่างประเทศ ซึ่งเอื้ออำนวยให้การรับลูกความจากต่างประเทศเป็นไปได้โดยง่ายส่วนเภา มรรคเจริญวุฒิก็เพิ่งแตกตัวมาจากสำนักกฎหมายที่เคยเชี่ยวชาญในเรื่องนี้อยู่คือคัวช่า

ความเชี่ยวชาญในเรื่องเครื่องหมายการค้าลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรไม่ใช่เป็นเรื่องสลับซับซ้อนแต่อย่างใด การดำเนินความเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมายปกติ เพียงแต่ว่าในช่วงปีสองปีมานี้ ความคึกคักเกี่ยวกับเรื่องการยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าโดยเจ้าของสินค้าจากต่างประเทศผ่านสำนักกฎหมายเหล่านี้มีมากขึ้นอย่างผิดสังเกต

"เมื่อปีที่แล้วทั้งปี เฉพาะที่ผ่านบริษัทของเรามีการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าทั้งสิ้น 1,500 รายการ แต่มาปีนี้แค่ช่วง 3 เดือนแรกของปี เรายื่นขอจดไปแล้วเกือบ 1,500 รายการ" ทนายผู้หนึ่งในบริษัทกฎหมายชั้นนำให้ข้อมูลตัวเลข

แม้ว่าตัวเลขข้างต้นนี้จะไม่ได้แยกแยะว่าผู้เป็นเจ้าของสินค้าเป็นบริษัทในประเทศ หรือต่างประเทศ แต่แหล่งข่าว ก็ยืนยันว่า ความกระตืนรือร้นจากต่างประเทศมีมากกว่าปกติ

การเพิ่มขึ้นของการขึ้นทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้น ในความหมายหนึ่งคือ การขยายอาณาเขตของสิทธิทางกฎหมายในตัวสินค้าของตนให้กว้างขวางครอบคลุมมากขึ้น พร้อมที่จะปก้องสิทธิของตนอันพึงมีพึงได้ ยามที่สินค้าตัวนั้นรุกเข้าตลาดเมืองไทย

อีกความหมายหนึ่งคือ การสร้างความชอบธรรมในการกำจัดสินค้าเลียนแบบและสินค้าปลอม ซึ่งนับวันสถานการณ์ในเมืองไทยจะรุนแรงขึ้น

ทนายความหลายคนในสำนักกฎหมายต่าง ๆ กันให้ข้อมูลตรงกันว่า ไทยกำลังเป็นแหล่งผลิตสินค้าปลอมที่ใหญ่ที่สุดรองจากเกาหลีใต้และไต้หวัน ทั้งนี้อ้างจากเสียงสะท้อนของบรรดาเจ้าของสินค้าที่ตั้งหน้าตั้งตาปราบสินค้าปลอมอย่างจริงจัง

ขณะที่ไต้หวันมุ่งเน้นไปที่สินค้าปลอมประเภทอิเล็กทรอนิกส์ ไทยก็มีชื่อเสียงทางด้านสินค้าเสื้อผ้า เครื่องหนังสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น น้ำหอม นาฬิกา เป็นต้น

เจ้าของ "หลุย วิตตอง" (LOUIS VUITTON) จากฝรั่งเศสเป็นเจ้าของสินค้าที่มีความกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษในการแก้ไขปัญหาสินค้าปลอม โดยดูจากการพยายามให้ข้อมูลการหาหลักฐานเพื่อดำเนินคดี การติดตามความคืบหน้าเป็นระยะ ๆ ในการติดตามจับกุม การประชาสัมพันธ์ รวมไปถึงการให้ความสนใจเป็นพิเศษกับพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าฉบับใหม่ของไทย

"หลุย วิตตอง ใช้สำนักกฎหมายหลายแห่งเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ โดยอาจจะแบ่งเป็นสำนักหนึ่งจัดการเรื่องคดีแพ่งอีกแห่งจัดการเรื่องคดีอาญา นอกจากนั้นยังจ้างสายสืบคอยจัดการอีกต่างหาก" แหล่งข่าวกล่าว

เมื่อปีที่แล้ว หลุย วิตตอง ซื้อเนื้อที่โฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับเพื่อประชาสัมพันธ์เรื่องสินค้าปลอม โดยมุ่งย้ำเน้นให้คนทั่วไปได้ตระหนักถึงคุณค่าที่แตกต่างากันอย่างมหาศาลระหว่างสินค้าจริงกับสินค้าปลอม

แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลนัก เพราะในที่สุดหลุย วิตตองก็หยุดโฆษณาชุดนี้ไปคนในวงการโฆษณาให้ความเห็นว่า ขณะที่หลุย วิตตองเป็นสินค้าระดับสูง แต่โฆษณาหวังมุ่งเน้นกลุ่มระดับกลางเพื่อหวังสร้างทัศนคติใหม่ในการเลือกซื้อสินค้า จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะคนระดับกลางไม่ได้ยึดติดที่สินค้าปลอมหรือสินค้าจริง สิ่งที่พวกเขาต้องการคือ สินค้าที่ราคาถูก คุณภาพเหมาะสมกับราคา ส่วนยี่ห้อสินค้าเป็นเรื่องตามมาทีหลัง

"ในช่วงโอลิมปิกที่โซล เกาหลีใต้หลุย วิตตองทุ่มงบประมาณเป็นจำนวนมากไปที่นั่น ทั้งในเรื่องการโฆษณาตัวสินค้าและการแก้ไขปัญหาสินค้าปลอม ที่ต้องทุ่มเป็นพิเศษเพราะด้านหนึ่งตำรวจมัวแต่ไปลาละวนกับเรื่องการรักษาความปลอดภัยในกีฬาโอลิมปิก ไม่มาสนใจเรื่องการจับสินค้าปลอมเท่าไรนัก หลุย วิตตองเลยกลับต้องเหนื่อยกว่าปกติ" แหล่งข่าวในวงการโฆษณาเล่า

ส่วนสถิติการจับกุมในเมืองไทยนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจับผู้ขายสินค้าปลอมและแหล่งผลิตได้รวม 81 รายในช่วง 3 เดือนแรกของปี อีก 3 เดือนถัดมาจับได้เกือบ 50 ราย ส่วนใหญ่เป็นร้านค้าแผงลอย และที่เป็นร้านค้าใหญ่แถวถนนสีลมก็มีไม่น้อยเอาเลยทีเดียว

"ปรับแค่ 1 พันบาทกับจำคุก 6 เดือนแต่รอลงอาญา 2 ปี ซึ่งน้อยมาก" ทนายผู้หนึ่งที่นำทีมติดตามและจับกุมกล่าวอย่างเหนื่อยหน่าย

การไล่ล่าตัวการใหญ่หรือแหล่งผลิตสินค้าปลอมกระทำได้ยากเย็นเต็มทีกรณี "ลาคอสท์" หรือเสื้อยืดตราจระเข้เป็นอีกกรณีหนึ่งที่สำนักกฎหมาย นักสืบต่างร่วมระดมกำลังกันกวาดล้างครั้งใหญ่ก่อนที่เจ้าจระเข้ตัวจริงจะเข้ามาวางตลาดในไทย

การผลิตสินค้าปลอมเช่น เสื้อยืดหรือนาฬิกานี้กระทำเหมือนสงครามกองโจรเสื้อยืดผลิตที่หนึ่ง ตราก็ผลิตอีกทีหนึ่งแล้วมาเย็บรวมกันอีกที่หนึ่ง แม้แต่ตัวเสื้อยืดก็แยกผลิตกันหลายที่ ตามโรงงานห้องแถวเล็ก ๆ กระจายกันไป โดยเฉพาะแถบธนบุรีละแวกถนนสารภี วงเวียนใหญ่

"มีโรงงานอยู่แห่งหนึ่งเป็นแหล่งผลิตใหญ่ อยู่แถวถนนเพชรเกษม จับแล้วจับอีกก็ยังไม่เข็ด เพราะปรับแค่ทีละพันบาทส่วนตัวจำเลยก็เปลี่ยนหน้ากันไปในหมู่พี่น้อง แล้วก็รอลงอาญา เรื่องมันก็ไม่จบไม่สิ้นสักที" แหล่งข่าวระบุ

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและบรรดานักกฎหมายเข้าล้อมจับแหล่งผลิตสินค้าประเภทเสื้อยืดรายใหญ่ เป็นตึกแถว 3 ชั้นในตรอกเล็ก ๆ ปิดประตูแน่นหนานักสืบได้ว่าเป็นโกดังเสื้อปลอมประมาณ 7-8 พันตัว ทั้งนักสืบ ตำรวจและทนายความเข้าล้มจับแต่เผชิญการโต้ตอบอย่างก้าวร้าวด้วยนักเลงหลายคน พร้อมอาวุธครบมือและท่าทีที่แสดงถึงอำนาจและอิทธิพลที่แฝงอยู่เบื้องหลัง

กรณีนั้นจบลงด้วยการประนีประนอมตำรวจยึดเสื้อออกมาไม่กี่ตัว ปรับไปตามธรรมเนียม แล้วเรื่องก็เลิกรากัน

"คุณรู้ไหม เสื้อยืดปลอม 7-8 พันตัวที่อยู่ในตึกนั้นน่ะ มันเกือบ 40% ของเสื้อยืดจริงที่เขาขายอยู่ในท้องตลาด" แหล่งข่าวกล่าว

กรณีการปลอมนาฬิกา ยิ่งกระทำได้ง่ายมาก เพียงมีโต๊ะหนึ่งตัวกับเครื่องมืออีก 2-3 ชิ้นก็ทำได้แล้ว เพราะอุปกรณ์ส่วนอื่น ๆ ผลิตจากที่ต่าง ๆ กันมารวมไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นโรงงานประกอบนาฬิกาปลอมจึงสามารถเปลี่ยนสถานที่ได้ตลอดเวลา

ความก้าวหน้าของการผลิตสินค้าปลอมในไทยก้าวไปถึงการรับออร์เดอร์โดยตรงจากเมืองนอก แล้วผลิตส่งไปขายโดยตรงเช่น กรณีเสื้อยืดเด็ก KIDKOOL ของเบลเยียม มีฝรั่งจากประเทศเบลเยียมด้วยกันเองมาสั่งผลิตไปขายแข่งตัดราคาเพราะเมืองไทยมีวัตถุดิบและราคาค่าแรงต่ำอย่างพร้อมมูล

ญี่ปุ่นซึ่งเคยเป็นเจ้าตำรับผลิตสินค้าปลอมเมื่อหลายสิบปีก่อนก็ถูกฤทธิ์เดชจากไทยไปไม่น้อย เมื่อสินค้าเสื้อผ้าจากญี่ปุ่นที่ส่งออกไปขายแถบตะวันออกกลางถูกตีตลาดด้วยเสื้อผ้าจากเมืองไทยในยี่ห้อเดียวกัน แถมยังประทับตรา "MADE IN JAPAN" ทำเอาพ่อค้าญี่ปุ่นบ่นพึมว่า ของแบบนี้มันรู้ ๆ กันอยู่ว่าปลอมแน่ ๆ เพราะเป็นสินค้าจากไทยแต่ประทับตราญี่ปุ่น แต่เมืองไทยปล่อยออกไปได้อย่างไร

"เรื่องแบบนี้ศุลการักษ์ไม่มีอำนาจไปจับกุมหรืออายัด เขาไม่ได้ไปสนใจหรอกว่าลายบนผ้าหรือตราจะเป็นอย่างไร สินค้านี้เป็นสินค้าที่ผ่านขั้นตอนตามกฎหมายก็เท่านั้น" เจ้าหน้าที่ศุลการักษ์คนหนึ่งกล่าว

แหล่งข่าวระบุว่า ปัจจุบันมีการก่อตัวของเอเยนต์ที่รับสั่งจากต่างประเทศเพื่อรับผลิตสินค้าปลอมแล้ว เอเยนต์นี้โดยแท้จริงก็คือเอเยนต์ที่รับออร์เดอร์จากผู้ผลิตสินค้าของแท้มาเป็นปกติอยู่แล้ว แต่พอภายหลังเริ่มมีสินค้าปลอมแทรกแซมมาด้วย

"เป็นเอเยนต์รายใหญ่ชื่อดัง อยู่แถวถนนสีลม เราจับเขาไม่ได้เลย เพราะไม่มีหลักฐาน เขารับออร์เดอร์มาแล้วก็สั่งต่อตามสายก็เท่านั้น ถ้าจับเขา เขาก็ต้องบอกว่าไม่รู้ว่าเป็นออร์เอร์ของปลอม" ทนายความคนหนึ่งกล่าว

การระบายสินค้าปลอมนั้นเป็นไปตามความต้องการของตลาด การผลิตจะเป็นไปตามออร์เดอร์เท่านั้น แหล่งระบายสินค้าปลอมส่วนใหญ่ก็เป็นที่รู้กันทั่วไปคือแถบประตูน้ำ สีลม พัฒน์พงศ์ สยามสแควร์ เป็นต้น

ในหลายครั้งตัวผู้ขายสินค้าเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่า สินค้าที่ตนเองขายอยู่เป็นสินค้าปลอม เช่น กรณีแชมพูยี่ห้อหนึ่ง ถูกปลอมแม้กระทั่งรถจัดจำหน่ายที่ประทับตราชื่อบริษัทและสินค้าอย่างแนบเนียน จนเจ้าของร้านเองมารู้เอาเมื่อมีรถจัดจำหน่ายของจริงมาอีกครั้ง

แหล่งข่าวระบุอย่างหนักแน่นว่า ช่วงหนึ่งมีสุราปลอมระบาดอยู่ในร้านอาหารละแวกถนนรัชดาภิเษกบางแห่งถึง 50%

โลกของการปลอมสุราต่างประเทศเป็นอีกโลกหนึ่งของการปลอมสินค้าโดยทั่วไป ผู้ปลอมสุราส่วนใหญ่เป็นร้านขายสุราต่างประเทศเจ้าใหญ่เสียเอง โดยการผสมสุราคุณภาพต่ำในสุราต่างประเทศนั่นคือสุราต่างประเทศหนึ่งขวดแปรออกมาเป็นสุราปลอมได้ 4 ขวด กำไรไม่รู้กี่ต่อ

แม้แต่วิธีการต้มสุราเองก็มีขึ้นได้ง่ายด้วยวิธีการที่ไม่ซับซ้อนอะไรเลย ผสมหัวเชื้อ 25% กับเอธิลแอลกอฮอล์ผ่านกรรมวิธีง่าย ๆ บรรจุในขวดที่กว้านซื้อมา ติดแสตมป์ปอลมหรือแสตมป์ที่ใช้แล้วเพียงเท่านี้ก็ออกมาขายได้

เมื่อไม่นานมานี้ เอเยนต์สุราแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เข้ามากว้านซื้อสุราต่างประเทศในไทยเข้าไปขายในญี่ปุ่น เพราะราคาสุราในไทยถูกกว่ามาก เชื่อกันว่าเอเยนต์จากนั้นไม่ได้มีเจตนาจะซื้อสุราปลอม แต่เผอิญโชคร้าย สุราต่างประเทศที่สั่งไปกว่า 3 พันขวดกลายเป็นสุราปลอม สุราดังกล่าวถูกอายัดและส่งคืนมาให้กรมสรรพสามิตจัดการทำลาย

ผู้ผลิตสุราต่างประเทศปลอมแบ่งเป็น 5 แก๊งใหญ่ ๆ โดยแบ่งเป็นย่านเป็นเขตดูแลกัน แก๊งดังกล่าวปักหลักอยู่แถวโรงภาพยนต์เพชรพิมานเดิม แถวสีแยกมักกะสัน แถวโรงภาพยนต์โคลีเซี่ยม แถววงเวียนใหญ่ และบริเวณถนนลาดพร้าวอีกหนึ่งแห่ง

"จะว่าไปแล้วพวกนี้เป็นมาเฟียย่อย ๆ ก็ได้ ทำกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ ขายเหล้าจริงด้วย ทำเหล้าปลอมด้วย ปน ๆ กันไปและที่รู้กันคือ พวกเขามีอำนาจพอที่จะซื้อเจ้าหน้าที่ในกรมสรรพสามิตบางคนเสียด้วย" แหล่งข่าวระดับสูงในกรมสรรพสามิตกล่าวยอมรับ

เรื่องนี้เป็นที่สนใจสำหรับบริษัทผู้ค้าสุราในต่างประเทศอย่างมาก พวกเขาจ้างสายสืบเป็นการเฉพาะ เพื่อสืบเสาะหาแหล่งผลิตให้รางวัลเป็นพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่ของทางการที่ให้ความร่วมมือโดยการให้รางวัลนำจับหรือส่งไปดูงานต่างประเทศ จนในช่วงปีสองปีมานี้ ยอดสถิติการกวาดล้างสุราต่างประเทศปลอมขึ้นมาสูงมาก จากที่เคยจับได้ปีหนึ่งไม่เกินร้อยขวด มาเมื่อไม่นานมานี้กรมสรรพสามิตถึงกับกล้าแสดงผลงานทำลายสุราต่างประเทศจำนวนกว่า 8,000 ขวดต่อหน้าสาธารณชน

ถึงแม้จะรู้แหล่งผลิตหรือต้นตอแท้จริง แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกรมสรรพสามิตเองก็ยอมรับว่าเรื่องสุราต่างประเทศปลอมไม่อาจจะขจัดไปได้ง่าย ๆ เพราะบทลงโทษที่เบามาก แต่กำไรงามยกเว้นแต่จะลดภาษีสุราต่างประเทศให้ถูกลง เพื่อราคาในประเทศจะได้ลดลงไปด้วย แต่นั่นเป็นเรื่องระดับนโยบายของกระทรวงการคลังไปแล้ว

วิวัฒนาการจากการปลอมสินค้าเลียนแบบเครื่องหมายการค้า ปลอมสุราต่างประเทศเดี๋ยวนี้พ่อค้าไทยมีหัวเซ้งลี้หนักเข้าไปอีก ด้วยการใช้เทคนิคยื่นขอเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าไว้แต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะชื่อสินค้าที่โด่งดังในต่างประเทศแต่ยังไม่มีสินค้าในไทย ชื่อพวกนี้จะถูกจดไว้ก่อนแล้วปล่อยข่าวว่าจะผลิตสินค้านานาชนิด รอจนเจ้าของสินค้าจากต่างประเทศตัวจริงเข้ามาจะขอจดทะเบียนการค้าบ้าง ก็จะประสบปัญหาทันทีว่า จดไม่ได้เพราะซ้ำซ้อนกับเจ้าของชื่อสินค้านี้ในไทย

"เดี๋ยวนี้กรณีนี้มีค่อนข้างเยอะ พอเจ้าของจากต่างประเทศเข้ามาเจอปัญหานี้เขาก็ต้องมีการฟ้องร้องกัน เสียเวลาไปมากมาย วิธีการแก้ปัยหาก็คือจ่ายเงินไปให้ก้อนหนึ่งกับคนที่จดทะเบียนในไทยก่อน เช่น กรณีล่าสุด มีห้างสรรพสินค้าเจ้าหนึ่งจากยุโรป จะมาเปิดกิจการในไทย ก็เจอเรื่องจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าซ้ำซ้อนนี้เข้าฝ่ายคนไทยเราก็ไม่ยอม ไป ๆ มา ๆ ฝ่ายคนไทยเองนี่แหละที่ออกปากเรียก 1 ล้านบาทเพื่อจบคดี" แหล่งข่าวในสำนักงานทนายแห่งหนึ่งกล่าว

แต่ทั้งนี้การปักใจเชื่อเช่นนั้นก็ไม่แน่นอนเสมอไป เพราะบางกรณีอาจเป็นการซ้ำซ้อนโดยไม่ตั้งใจก็เป็นได้ เพราะบางกรณีอาจเป็นการซ้ำซ้อนโดยไม่ตั้งใจก็เป็นได้ ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ต้องดูเจตนาในการยื่นขอจดทะเบียน ถ้าหากเขาจดแล้ว นำเครื่องหมายการค้นั้นประทับตราบนสินค้าและขายหรือเผยแพร่สู่สาธารณชนจริง ก็คงไม่ใช่เรื่องต้องการ "ดัดหลัง" เจ้าของเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศ

"บางทีคุณก็ต้องให้โอกาสคนไทยบ้าง ไม่ใช่ฝรั่งจะถูกเสียทั้งหมด" เขากล่าว

คนทั่วไปมักเข้าใจไปว่า เนื่องจากช่องโหว่ของพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า จึงมีผู้เข้ามาทำสินค้าปลอมกันมากแต่ธัชชัย ศุภผลศิริ นักกฎหมายในมหาวิทยาลัยจุฬาฯกล่าวยืนยัยว่า ปัญหาเรื่องสินค้าปลอมนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องว่ากฎหมายชราภาพแต่อย่างใด เขาเชื่อว่า การปลอมสินค้าเป็นธรรมชาติโดยทั่วไปของการค้าการทำธุรกิจที่เมื่อมีสินค้าขายดีก็ย่อมมีคนต้องการเลียนแบบด้วยวิธีการลัด

"กฎหมายในอเมริกาที่ว่าเข้มงวดรัดกุมก็ยังมีสินค้าปลอมให้จับกันได้โครม ๆ " ธัชชัยกล่าว

แต่เรื่องบทลงโทษนั้นเป็นข้ออ่อนที่ยอมรับกัน ในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าฉบับใหม่ที่กำลังรอการพิจารณาจากรัฐสภานั้น เพิ่มบทลงโทษจากปรับ 1 พันบาท จำคุก 6 เดือน เป็นปรับ 2 แสนบาทจำคุก 2 ปี และเพิ่มอำนาจครอบคลุมเครื่องหมายบริการด้วย นอกนั้นก็เป็นเรื่องการจัดหมวดหมู่สินค้าให้ชัดเจนและมากประเภทขึ้นเท่านั้น เพื่อความสะดวกในการยื่นขอจดทะเบียน

ปัญหาในการติดตามจับกุมสินค้าปลอมของเจ้าของแท้จริงและสำนักกฎหมายนั้น อยู่ที่การสืบเสาะหาแหล่งผลิตซึ่งกระจายไปทั่วกรุงเทพฯ ไม่มีหลักแหล่งแน่นอนอีกทั้งผู้กระทำผิดก็มีมากมายเพราะลงทุนน้อยมาก ใคร ๆ ก็ทำได้ หรือจะทำเป็นกิจการแอบแฝงในโรงงานขนาดใหญ่ที่ผลิตสินค้าอื่น ๆ อยู่เดิมก็ย่อมได้

นอกจากนั้นการจัดการอย่างเด็ดขาดและเป็นข่าวเกรียวกราว อาจไม่เป็นผลดีต่อสินค้าของแท้ที่วางอยู่ตามท้องตลาดเพราะผู้ซื้อจะเกิดความระแวงไม่เชื่อมั่นว่าสินค้าตัวใดจริง ตัวใจปลอม เพราะสินค้าปลอมก็อาจขายราคาแพงได้ จนพาลเลิกซื้อไปเลย

ยิ่งกว่านั้น การลงทุนในการแก้ไขปัญหานี้ก็ต้องใช้จ่ายเป็นเงินไม่ใช่น้อยทั้งการว่าจ้างนักสืบ สำนักกฎหมายเพื่อดำเนินคดี เงินช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ทางการและเมื่อจับมาแล้วก็ใช่ว่าจะคุ้มกัน เช่นการจับนาฬิกาปลอม เวลาผลิตก็จะผลิตพร้อมกันหลายยี่ห้อหรือเมื่อวางแผงขายก็เช่นกันคนขายจะวางขายหลายยี่ห้อ ซึ่งบางยี่ห้อไม่มีนโยบายที่จัดการเรื่องนี้ ดังนั้นเมื่อจับมาแล้วก็ต้องแยกส่วนที่ไม่เกี่ยวออกไปจะเหลือสินค้าเป้าหมายจับกุมเพียงไม่กี่เรือนเท่านั้น

แม้การเติบโตของสำนักกฎหมายระดับสากลในไทยจะไม่ได้เติบโตมาจากการทำคดีเครื่องหมายการค้าโดยตรง แต่เรื่องนี้ก็กำลังคึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆ ธุรกิจที่เติบโตขึ้นมาเงียบ ๆ คือ ธุรกิจนักสืบ ซึ่งชาวต่างประเทศเข้ามาตั้งสาขาในไทยประมาณ 4-5 แห่ง เช่นบริษัท ซีทีแอส (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นสาขามาจากฮ่องกง

ว่ากันว่า ธุรกิจนี้เข้ามาเพื่อจัดการกับปัญหานี้โดยเฉพาะ พวกนี้จะมีความพร้อมกว่าคนไทย เพราะภายในสำนักงานจะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ค้นข้อมูลในเรื่องเครื่องหมายการค้า ได้รับข้อมูลโดยตรงจากบริษัทแม่ในต่างประเทศ ยิ่งกว่านั้นการสืบค้นก็สะดวกกว่า เพราะความเป็นคนต่างชาติผู้กระทำผิดมักเข้าใจไปว่าเป็นนักท่องเที่ยวจึงติดกับดักได้ง่าย

แต่ทั้งสำนักกฎหมายและสำนักงานักสืบจะขอปิดตัวเงียบเมื่อ "ผู้จัดการ" ขอสืบค้นเรื่องนี้

"เราเคยถูกขู่หลายครั้ง บางทีมีพวกนักเลงหรือคนแต่งชุดทหารเข้ามาจะทำร้ายร่างกายในสำนักงาน การปิดตัวเองจะดีสำหรับเราในการทำงาน" ตัวแทนทนายคนหนึ่งกล่าว

ไม่มีใครประเมินได้ถึงมูลค่าสินค้าปลอมในปีหนึ่ง ๆ ว่ามีมากน้อยเพียงใด กรมสรรพสามิตกล่าวแต่เพียงว่า รัฐเสียหายปีหนึ่ง ๆ เป็นร้อยล้านกับเรื่องสุราปลอม ส่วนสินค้าอื่น ๆ ก็ต้องเอาจำนวนชิ้นของสินค้ามาคำนวณ ซึ่งสำนักงานทนายเกือบทุกแห่งจะปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลตัวเลขนี้

"ถ้าคุณเห็นตัวเลขจำนวนชิ้นของสินค้าปลอมทั้งหมดที่เขาจับในปีหนึ่ง ๆ คุณอาจจะตกใจ ซึ่งตัวเลขนั้นอาจจะกระทบกระเทือนไปถึงภาพพจน์ของสินค้าตัวจริง" แหล่งข่าวกล่าว

ดูเหมือนว่าการแก้ไขปัญหานี้จะมืดมนเต็มที่ แต่ในอีกด้านหนึ่ง นักวิชาการให้ความเห็นว่า เรื่องสินค้าปลอมเป็นปรากฎการณ์ทั่วไปในสังคมธุรกิจที่กำลังก้าวหน้าการพัฒนาตนเองต้องพึ่งพาการเลียนแบบผู้อื่นก่อน เหมือนดังเช่นญี่ปุ่นเคยกระทำมาแล้ว

"แต่การเลียนแบบก็ต้องคำนึงถึงผู้บริโภคด้วย อย่างเรื่องปลอมสุรา ปลอมแชมพูสระผมนี่มันร้ายแรง เป็นอันตรายต่อสุขภาพ บางทีมันต้องแยกแยะ แล้วการปลอมแปลงสินค้า มันก็ไม่ใช่เป็นหนทางเดียวในการพัฒนาธุรกิจ พวกที่ปลอมก็ไม่ได้มีจิตสำนึกที่จะพัฒนาสินค้าของตัวเองเท่าไรนัก ปลอมมายังไงก็ปลอมต่อไปอย่างนั้น" นักกฎหมายอีกท่านหนึ่งได้

ดังเช่นที่กล่าวข้างต้น เรื่องสินค้าปลอมดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วในชีวิตประจำวันของสังคมไทย หากแต่ในสายตาชาวต่างประเทศ ความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้กำลังคึกคักมาอย่างเงียบ ๆ และเป็นจริงเป็นจังขึ้นทุกขณะ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us