ไทยเท็กซ์ไทล์ อินดัสตรี้ หรือในชื่อไทยว่า บริษัทโรงงานทอผ้าไทย เป็นหนึ่งในกิจการภายใต้ร่มธงของเจ้าพ่อสิ่งทอ
สุกรี โพธิรัตนังกูร ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2513
ต้นเดือนกันยายนที่แล้ว โรงทอผ้าแห่งนี้ก็หลุดไปจากอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของสุกรี
เมื่อเจ้าตัวตัดสินใจขายหุ้นที่มีอยู่ 32% ให้กับผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งไป
กลุ่มใหญ่ที่เข้ามาเป็นเจ้าขอไทยเท็กซ์ไทล์อินดัสตรี้อย่างเต็มตัวนี้ มีบุญนำ
บุญนำทรัพย์ ลูกนอ้งเก่าของสุกรีที่เป็นผู้บริหารมาตั้งแต่แรกเป็นหัวขบวนสมทบกับกลุ่มฮ่วยชวนค้าข้าวของสมาน
โอภาสวงศืกลุ่มสหวิริยาของประภา วิริยะประไพกิจ และชาตรีโสภณพนิชระดมทุนมาซื้อหุ้นจากสุกรี
กลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่นี้ ความจริงแล้วก็คือผู้ถือหุ้นของไทยเท็กซ์ไทล์ อินดัสตรี้อยู่ก่อนแล้ว
โดยมีหุ้นรวมกันอยู่ในมือประมาณ 30% และตัวชาตรีเองก็เป็นประธานบริษัทมาตั้งแต่ปี
2529 สุกรีอ้างว่าตัวเองมีธุรกิจอีกมากมายที่ต้องดูแลจึงตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดออกไป
เป็นธรรมดาของการเปลี่ยนมือความเป็นเข้าของกิจการใหญ่ ๆ อย่างนี้ ที่ย่อมจะถูกตั้งข้อสังเกตว่า
มีความขัดแย้งเป็นมูลเหตุอยู่ ในกรณีนี้ ความขัดแย้งเพียงประการเดียวคือ
เรื่องการเพิ่มทุนจาก 200 ล้านเป็น 500 ล้าน เพื่อขยายกำลังการผลิต หลังจากที่ไทยเท็กซ์ไทล์ได้
บีโอไอมาตั้งแต่ปี 2530 คณะกรรมการบริษัทนั้นได้มีมติให้เพิ่มทุนแล้ว แต่สุกรีซึ่งถือหุ้นมากกว่า
1 ใน 4 ไม่ยอมให้เพิ่ม ด้วยเหตุผลว่าเงินทุนมีเพียงพอ
เรื่องของเรื่องจึงต้องลงเอยด้วยการที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องไป ครั้งแรกสุกรีขอซื้อหุ้นคืนจากบุญนำและสมาน
แต่ตกลงกันไม่ได้ ฝ่ายบุญนำจึงกลับเป็นฝ่ายขอซื้อหุ้นสุกรีแทนเสียเอง
ไทยเท็กซ์ไทล์นั้นไม่อาจถือได้ว่าเป็นสมบัติของสุกรีโดยแท้จริง หากเป็นเพียงการช่วยเหลือของสุกรีให้บุญนำมีธุรกิจเป็นของตัวเองเท่านั้น
และสุกรีก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารแต่อย่างใด เพราะเทียบกับไทยเมล่อนและไทยอเมริกันเท็กซ์ไทล์ของตัวเองแล้วไทยแท็กซ์ไทล์ไม่อยู่ในสายตาของสุกรีเลย
เรื่องจึงลงเอยกันอย่างง่ายดาย
หลังจากสุกรีถอนตัวออกไปแล้ว คณะกรรมการใหม่ของไทยแท็กซ์ไทล์ก็ได้ดำเนินการเพิ่มทุนจาก
200 ล้านเป็น 500 ล้านบาท โดยนำหุ้นจำนวน 50 ล้านบาทขายให้กับประชาชนเมื่อวันที่
14 กันยายน