Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 พฤศจิกายน 2551
ดัชนีหุ้นไทยร่วงหนักกว่า11จุด             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก หลังวิกฤตการเงินสหรัฐฯ เปิดแผลใหม่ที่กลุ่มซิตี้กรุ๊ปประสบปัญหาต้องเข้ารับการช่วยเหลือจากทางการสหรัฐฯ จนกดดันตลาดหุ้นเอเชีย บวกกับนักลงทุนต่างชาติเริ่มไม่มั่นใจเสถียรภาพรัฐบาล จากกลุ่มพันธมิตรฯ ปิดล้อมทำเนียบและสถานที่สำคัญๆ หลายจุด ทำให้หุ้นร่วงกว่า 11 จุด มูลค่าการซื้อขายแค่ 6.7 พันล้านบาท

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (24 พ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยถูกปกคลุมด้วยปัจจัยลบทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีซิตี้กรุ๊ป ที่ประสบปัญหาจนต้องเข้ารับการช่วยเหลือจากทางการ จนส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มส่อเค้าทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนได้ตั้งข้อสังเกตถึงเสถียรภาพของรัฐบาล หลังจากถูกกระแสต่อต้านจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมปิดล้อมรัฐสภาพ ทำให้รัฐบาลไม่สามารถทำการประชุมรัฐสภาได้

โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดการซื้อขายในภาคเช้า และเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน มีจะสูงสุดที่ระดับ 386.82 จุด ต่ำสุดที่ 384.92 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 386.12 จุด ลดลงจากวันก่อน 11.39 จุด หรือคิดเป็น 2.87% มูลค่าการซื้อขายรวม 6,727.04 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 817.60 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน 295.47 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,113.07 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.ปตท. (PTT) มีราคาปิดที่ 137 บาท ลดลงจากวันก่อน 4 บาท หรือคิดเป็น 2.84% มูลค่าการซื้อขายรวม 841.18 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิดที่ 80.50 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 4.17% มูลค่าการซื้อขายรวม 835.52 ล้านบาท และบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ปิดที่ 73.50 บาท ลดลง 6 บาท หรือ 7.55% มูลค่าการซื้อขาย 565.22 ล้านบาท

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก หลังจากภาคธุรกิจแท้จริงเริ่มประสบปัญหา โดยเฉพาะธุรกิจยานยนต์ในสหรัฐฯ จนต้องมีประกาศปลดคนงานเป็นจำนวนมาก ทำให้ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศขาดความเชื่อมั่นและเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 1,000 ล้านบาท

ประกอบกับได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา รวมทั้งใช้กลยุทธ์ดาวกระจาย ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาล จึงทำให้มีแรงเทขายหุ้นออกมากดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (25 พ.ย.) คาดว่าจะยังคงได้รับแรงกดดันจากการเมืองในประเทศ ซึ่งต้องรอติดตามสถานการณ์ต่างๆ ว่าจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นตามมาหรือไม่ รวมทั้งต้องติดตามแรงเทขายในช่วงปลายปีว่าจะมีออกมาอย่างต่อเนื่องหรือไม่ โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 373 จุด และแนวต้านที่ระดับ 395 จุด

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. แอ๊ดคินซัน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงบ่ายที่ปรับลดลงกว่า 10 จุด ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่สดใสและวอลุ่มเบาบาง เพราะนักลงทุนกังวลปัจจัยทางการเมืองอาจยืดเยื้อและขยายวงกว้างมากขึ้น หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ประกาศสงคราม 9 ทัพ ด้วยการเคลื่อนพลครั้งใหญ่ไปปิดล้อมสถานที่สำคัญๆ เช่น รัฐสภา ,พรรคชาติไทย,กระทรวงการคลัง และทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวที่ดอนเมือง เป็นต้น

“ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากการเมืองที่ยังไม่รู้ว่าจะยุติอย่างไร และคาดว่าจะยังมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทย รวมถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาให้ความเห็นแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 52 อาจชะลอตัวลงทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไม่ดีนัก”

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นวันนี้ มีโอกาสเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวน เพราะยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน นอกจากนี้ปัจจัยทางการเมืองยังคงเป็นตัวแปรหลักที่มีอิทธิพลและส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน ส่วนราคาน้ำมันและดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศยังเป็นปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ด้านกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ (มาร์เกตแคป) หลังจากมีแรงเทขายหุ้นบิ๊กแคปออกมาอย่างต่อเนื่อง ดั้งนั้นจึงแนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นขนาดเล็กที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวลดลง และราคาทองที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และทองคำ เป็นต้น โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 375 จุด และแนวต้านที่ 395 จุด

นักวิเคราะห์กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นยังถูกกดดันเกี่ยวกับปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะช่วงบ่ายที่ดัชนีปรับตัวลดลงหลุดระดับ 390 จุด บวกกับตลาดหุ้นภูมิภาคปรับตัวลดลง จากกรณีที่ทางกาสหรัฐฯ ต้องเข้าช่วยเหลือซิตี้กรุ๊ปมูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนวิตกถึงวิกฤตการเงินสหรัฐฯ ขณะที่วันนี้ตลาดหุ้นไทยยังคงอ่อนไหวอาจจะปรับตัวขึ้นลงในกรอบแคบๆ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us