Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน13 สิงหาคม 2546
TPIPLกับเจ้าหนี้เคลียร์ปัญหาคาด13ส.ค.ไม่ได้ข้อสรุปชัดเจน             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)
โฮมเพจ ธนาคารกรุงไทย

   
search resources

ปูนซีเมนต์นครหลวง, บมจ.
ธนาคารกรุงไทย
เกียรตินาคิน, บง.
ทีพีไอ โพลีน, บมจ.
ศาลล้มละลายกลาง




นักวิเคราะห์เชื่อผลการไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สินระหว่างทีพีไอโพลีนและเจ้าหนี้ 13 ส.ค. นี้ อาจยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เหตุท่าทีของเจ้าหนี้พอใจกับแผนเพิ่มทุนและการชำระหนี้ของ SCCC มากกว่า อีกทั้งศาลล้มละลายกลางได้ส่งสัญญาณ ให้รู้ว่าผลสรุปของการเจรจา จะมีความคืบหน้าไม่มากนัก เนื่องจากศาลได้ระบุว่าการเจรจาตกลงระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ต้องเจรจาร่วมกันประมาณ 6-7 ครั้ง จึงจะสำเร็จ

ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน ให้ความเห็นหากมีการแฮร์คัตหนี้ 30% ของ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) ซึ่งมีมูลหนี้ประมาณ US$1,130 ล้าน (หนี้เงินต้นประมาณ US$975 ล้าน และดอกเบี้ยค้างชำระประมาณ US$155 ล้าน) หรือราว 47,460 ล้านบาท ณ อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 42 บาท/US$ จะทำให้ TPIPL มีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ประมาณ US$292.5 ล้านหรือราว 12,285 ล้านบาท และจากที่ KTB ได้ระบุว่าฐานะปัจจุบันของ TPIPL สามารถรองรับภาระหนี้ได้ประมาณ US$500 ล้าน ดังนั้น หนี้อีกประมาณ US$837.5 ล้านจะถูกชำระโดยการที่ TPIPL จะขายโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก LDPE/EVA (กำลังผลิต 80,000 ตัน/ปี) ของ TPIPL เพื่อแลกกับหุ้น TPIPL จำนวน 249,007,294 หุ้นหรือ 49.07% ที่ TPI ถืออยู่ ซึ่งต้องมีการประเมินราคาโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก LDPE/EVA ก่อนว่าควรมีมูลค่าเท่าใด

แต่หากพิจารณาจากการที่ TPIPL ขอแฮร์คัต 30% ของเงินต้น นั่นคือ เมื่อนำมูลหนี้ US$ 1,130 ล้านหักด้วยแฮร์คัตและหนี้ที่เหลือที่ KTB จะปล่อยกู้ US$500 ล้าน จะได้ราคาขายของโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก LDPE/EVA ที่ประมาณ US$337.5 ล้านหรือประมาณ 14,175 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ประเด็นการแลกกันระหว่างโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก LDPE/EVA และหุ้น TPIPL ในมือของ TPI ยังคงอยู่ในช่วงการเจรจาระหว่าง KTB และ TPIPL

ส่วนประเด็นที่ TPIPL จะเพิ่มทุนไม่เกิน US$200 ล้านหรือประมาณ 8.4 พันล้านบาท ณ อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 42 บาท/US$ พร้อมกับที่ ฝ่ายวิจัยฯคาดว่าจะมีการนำสำรองตามกฎหมายมาล้างขาดทุนสะสมออกไปส่วนหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ BV หลังเพิ่มทุนและล้างขาดทุนสะสมบางส่วนอยู่ที่ประมาณ 30.17 บาท/หุ้นอย่างไรก็ตาม ผลการไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สินระหว่าง TPIPL และเจ้าหนี้ในวันที่ 13 ส.ค. นี้อาจยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจาก

1) ท่าทีของเจ้าหนี้ที่พอใจกับแผนเพิ่มทุนและการชำระหนี้ให้ TPIPL ของ SCCC ที่ระบุว่าเจ้าหนี้จะใช้เงื่อนไขการขอร่วมทุนของ SCCC เป็นฐานในการตัดสินใจ ซึ่งเงื่อนไขใหม่ควรดีกว่าเงื่อนไขที่ SCCC เสนอมาในครั้งแรก เช่น เงื่อนไขการขอซื้อหนี้ในส่วนลดนั้น SCCC ได้เสนอว่าจะขอแฮร์คัตเฉพาะดอกเบี้ยค้างจ่าย 30% เท่านั้น และหลังร่วมทุนแล้วจะทยอยชำระหนี้ให้เจ้าหนี้โดยไม่มีการตัดหนี้

2) ศาลล้มละลายกลางได้ Imply ให้รับรู้ว่าผลสรุปของการเจรจาในวันที่ 13 ส.ค. 2546 นี้จะมีความคืบหน้าไม่มากนัก เนื่องจากศาลได้ระบุว่าการเจรจาตกลงระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ต้องเจรจาร่วมกันประมาณ 6-7 ครั้ง จึงจะสำเร็จ และหากต้องมีการเจรจากัน 6-7 ครั้ง ผลสรุปของการเจรจาครั้งสุดท้ายน่าจะออกมาในช่วงเดียวกับที่แผนฟื้นฟูใหม่ของ TPI แล้วเสร็จอย่างไม่เป็นทางการพอดี

ฝ่ายวิจัยคาดว่าแผนฟื้นฟูใหม่ของ TPI น่าจะออกมาไม่เกินกลางเดือน ต.ค. 2546 นี้ ต่อจากนั้น ผู้บริหารแผนจะต้องเสนอแผนฟื้นฟูใหม่ให้เจ้าหนี้ TPI ลงมติโหวตว่าจะรับแผนใหม่หรือไม่ ซึ่งคาดว่าเจ้าหนี้ TPI จะใช้เวลาพิจารณาและลงมติรับแผนภายในไม่เกินสิ้นเดือน ต.ค. 2546 นี้ (ในกรณีที่เจ้าหนี้เห็นด้วยกับแผนฟื้นฟูใหม่ แต่หากเจ้าหนี้ และ/หรือ ลูกหนี้ขอแก้ไขแผนฟื้นฟู อาจต้องใช้เวลานานกว่านี้) จากนั้นผู้บริหารแผนเจ้าหนี้ และลูกหนี้จะต้องเสนอแผนฟื้นฟูเพื่อขออนุมัติจากศาลล้มละลายกลาง ซึ่งเชื่อว่าศาลล้มละลายกลางจะสามารถมีคำสั่งอนุมัติแผนฟื้นฟูใหม่ได้ภายในไม่เกิน 1 สัปดาห์ ซึ่งจะทำให้ผู้บริหารแผนสามารถนำแผนฟื้นฟูใหม่ไปปฏิบัติได้จริงนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งอนุมัติ ดังนั้น จึงคาดว่าหากไม่มีอุปสรรคใดที่สำคัญ แผนฟื้นฟูใหม่ของ TPI จะออกมาอย่างเป็นทางการในราวไม่เกินกลางเดือน พ.ย. 2546 นี้

ดังนั้น จึงต้องติดตามความคืบหน้าในการเจรจาไกล่เกลี่ยในวันที่ 13 ส.ค. นี้ระหว่างเจ้าหนี้และ TPIPL ต่อไป อย่างไรก็ตาม ปัญหา TPIPL ที่ได้มีภาครัฐเข้ามาช่วยแก้ไข (โดยมาในนามของ KTB) ซึ่งจะทำให้การแก้ปัญหามีความคืบหน้าได้แม้จะมีการยืดเยื้อเกิดขึ้นบ้าง ดังนั้น เราจึงยังคงแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" สำหรับ TPIPL

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us