TT&T ต้องเพิ่มทุนกะทันหัน เพื่อรองรับวอร์แรนต์ที่จะออกหุ้นเพิ่มทุน แจกให้กับเจ้าหนี้กลุ่ม
ค.ทั้งสิ้น 672 ล.หน่วย หลังจากไม่สามารถหาผู้ร่วมทุนได้ทันตามกำหนด และความไม่แน่นอนของการเปิดเสรีโทรคมนาคม
บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) (TT&T) เปิดเผยว่า จากแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท
ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2543 และสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ (Restructuring Agreements)
ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2544 ระบุไว้ว่า ถ้าการจัดหาผู้ร่วมทุนไม่สามารถกระทำได้ภายในวันที่
3 กันยายน 2546 และวันที่ 3 มีนาคม 2547 ตามลำดับบริษัทจะต้องออกใบสำคัญแสดงสิทธิ
(วอร์แรนต์)กลุ่ม ค. ให้แก่เจ้าหนี้กลุ่ม ค. มีมูลค่าเท่ากับร้อยละ 25 และร้อยละ
75 ของมูลหนี้ทั้งหมดของหนี้กลุ่ม ค. ตามลำดับ
ทั้งนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนของการเปิดเสรีทางด้านโทรคมนาคม และการแปรสัญญาร่วมการงานทำให้ยังไม่มีข้อสรุปที่จะสามารถจัดหาผู้ร่วม
ทุนได้ในขณะนี้ ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามแผนฟื้นฟู กิจการของบริษัท บริษัทจึงจะดำเนินการออกใบสำคัญแสดงสิทธิกลุ่ม
ค. ให้แก่เจ้าหนี้กลุ่ม ค. ภาย ใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการของ บริษัทฯและสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว
นอกจากนี้ทาง TT&T จะออกและเสนอขาย ใบสำคัญแสดงสิทธิกลุ่ม ค. (Tranche C
Warrants) ตามที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ให้แก่เจ้าหนี้กลุ่ม ค. จำนวน
ไม่เกิน 672 ล้านหน่วย ราคา 0 บาท อายุ 5 ปี ระยะเวลาการใช้สิทธิ 5 ปี ราคาใช้สิทธิ
10 บาท/หุ้น อัตราใช้สิทธิ 1 ต่อ 1 โดยจะเสนอขายให้แก่เจ้าหนี้กลุ่ม ค ของบริษัท
ตาม แผนฟื้นฟูกิจการ ของบริษัทฯลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2543 (ตามที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม)
โดยจะแบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วนแรกจะจัดสรรเท่ากับร้อยละ 25 ของมูลหนี้ ที่ค้างชำระทั้งหมดของเจ้าหนี้กลุ่ม
ค. ภายในเดือนธันวาคม 2546 และส่วนที่เหลือ (ร้อยละ 75) จะจัดสรรภายในเดือนมีนาคม
2547
ทั้งนี้ บริษัท ได้มีมติให้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือจำนวน 3,720,850,758
หุ้น โดยให้สำรองไว้เพื่อการออกเสนอขายให้แก่นักลงทุนแบบ เฉพาะเจาะจงและ/หรือสำรองไว้สำหรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิกลุ่ม
ค. (Tranche C Warrants) สำหรับเจ้าหนี้กลุ่ม ค.
ดังนั้น ในการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิกลุ่ม ค. (Tranche C Warrants) ใน
ครั้งนี้ บริษัทฯ จะได้มีการสำรองหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวนไม่เกิน 672 ล้านหุ้น
เพื่อรองรับการใช้สิทธิของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิกลุ่ม ค. ที่จะออกและเสนอขายทั้งสองคราวภายในเดือนธันวาคม
2546 และมีนาคม 2547 ดังกล่าวข้างต้น จากจำนวน 3,720,850,758 หุ้น สำรองไว้เพื่อการใช้
สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิกลุ่ม ค. ส่วนที่เหลืออีก จำนวน 3,048,850,758 หุ้น ให้จัดสรรสำรองไว้เพื่อ
เสนอขายให้แก่นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงต่อไป
นอกจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ผลปรากฏว่าบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน
291 ล้านบาท และกำไรสุทธิจำนวน 245 ล้านบาท เทียบกับกำไรจากการดำเนิน งาน จำนวน
430 ล้านบาท และกำไรสุทธิจำนวน 836 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2545 โดยมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านรายได้และรายจ่าย
คือ รายได้จากการดำเนินงาน บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานลดลง 3% จาก 1,721 ล้านบาทในไตรมาสที่สองของปี
2545 เป็น 1,669 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2546