|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายเฮียน วู (ฮาเวิร์ด) ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจโยรวมทั้งในประเทศและต่างประเทศกำลังอยู่ในภาวะซบเซา แต่ในแง่การส่งออกแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีออเดอร์การสั่งซื้อสินค้าลดลง ขณะเดียวกันบริษัทฯยังมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของจอภาพอีก 7-10% รองรับตลาดต่างประเทศใน 3 ประเทศเพื่อนบ้านด้วย หลังพบมีความต้องการเพิ่มขึ้นทุกเดือน
สำหรับการส่งออกในต่างประเทศนั้น เดิมในส่วนของโรงงานที่จังหวัดระยอง จะส่งออกผลิตภัณฑ์อยู่ 3 กลุ่มหลัก คือ จอภาพ เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ ในกลุ่มประเทศเซาส์อีสเอเชีย อาฟต้า ตะวันออกกลาง และเซาส์อเมริกา โดยได้เพิ่มการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอื่นๆเพิ่มขึ้น เช่น ประเทศผู้ค้าน้ำมันในแถบตะวันออกกลางมากขึ้น รวมไปถึงเซาส์อาฟริกา
ขณะเดียวกันตลาดในประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มจอภาพ จากแผนที่จะมีการเพิ่มกำลังผลิตโดยรวมอีก 7-10% ในปีหน้านั้น 90% จะผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศ และอีก 10% จะเป็นการส่งออก โดยความต้องการในประเทศนั้น ปีนี้ผลิตแอลซีดีทีวีประมาณ 1 แสนเครื่อง ปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.3-1.4 แสนเครื่อง ส่วนพลาสม่าทีวี ปีนี้มีการผลิตที่ 1 แสนเครื่อง ปีหน้าจะเพิ่มเป็น 1.5 แสนเครื่องใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้บริษัทฯจะเน้นการผลิตที่เป็นเทคโนโลยีฟูลเอชดีมากขึ้น คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังในปีหน้าบริษัทฯจะหันมาทำตลาดจอภาพเป็นฟูลเอชดีทั้งหทมด และจะเลิกผลิตจอภาพแอลซีดีทีวี และพลาสม่าทีวีแบบธรรมดาลง ส่วนสาเหตุที่หันมารุกตลาดนี้มากขึ้น เนื่องจากพบว่าสินค้ากลุ่มดังกล่าวอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ
ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา สำหรับตลาดรวมแอลซีดีทีวี สินค้าที่อยู่ในระดับฟูลเอชดีมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 10% ซึ่งมีโซนี่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งในแง่มูลค่าและจำนวนมากสุดถึง 42% อันดับสอง คือ ซัมซุง 25% 3.ฟิลิปส์ 15% และ4.แอลจี 5% สิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 15% จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ ขณะที่กลุ่มพลาสม่าทีวีที่เป็นฟูลเอชดี มีส่วนแบ่ง3% จากตลาดพลาสม่ารวม โดยมีแอลจีเป็นอันดับ1 มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 41% ซัมซุง 29% พานาโซนิค 28% ส่วนในแง่มูลค่า แอลจีและซัมซุงครองส่วนแบ่งเท่ากันที่ 33% รองลงมาคือ พานาโซนิค 29% ทั้งนี้คาดว่าจากที่ผู้ประกอบการหันมารุกตลาดนี้มากขึ้น ปีหน้าสัดส่วนฟูลเอชดีจะมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นอย่างน้อยอีกเท่าตัว
ล่าสุดบริษัทฯได้มีการเปิดตัวสินค้าหมวดจอภาพถึง 18 รุ่น เพื่อทำตลาดในช่วงนี้ ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มไฮเอนด์ ด้วยเทคโนโลยีฟูลเฮชดี ทั้งฟูลเอชดีแอลซีดีทีวี และฟูลเอชดีพลาสม่าทีวี โดยในส่วนฟูลเฮชดีพลาสม่าทีวีนั้น ถือเป็นครั้งแรกที่เข้ามาทำตลาดฟูลเอชดี ขณะที่ฟูลเอชดีทีวีหลังการเปิดตัวครั้งนี้ จะทำให้สินค้ากลุ่มฟูลเอชดีมีสัดส่วนเป็น 50% ของแอลซีดีทั้งหมด
นอกจากนี้บริษัทฯได้เพิ่มงบการตลาดอีกกว่า 20 ล้านบาท จากงบการตลาดเดิมที่จะใช้ทำตลาดเอวีทั้งปีที่ 80 ล้านบาท สำหรับการจัดแคมเปญ "LG Full HD World,Full Enjoyment" โดยการจัดชุดทีวี, โฮมเธียเตอร์,เครื่องเล่นบลู-เรย์ เจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม โดยลดราคาสูงสุดถึง 30% มั่นใจว่าจากปผนการตลาดในโค้งสุดท้าย จะทำให้ภาพรวมรายได้บริษัทฯอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท ตามแผนที่วางไว้ ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเติบโตได้อย่างน้อย 10%
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กลยุทธ์ขายพ่วงดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกของแอลจีที่หันมาทำอย่างจริงจัง และมีการส่วนลดสูงสุด30% ขณะที่ก่อนหน้านี้ทางโซนี่ก็ได้ประกาศใช้กลยุทธ์ขายพ่วงในแคมเปญ Let's Color เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้าแบบพ่วงดังกล่าว โดยทั้งสองค่ายมองว่ากลยุทธ์ขายพ่วงนี้ ถือเป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยกระตุ้นการขายได้ในภาวะเศรษฐกิจซบเซา
|
|
|
|
|