Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 พฤศจิกายน 2551
แอลจีสวนศก.เพิ่มผลิตแอลซีดี งัดกลยุทธ์ขายพ่วงกระตุ้นยอด             
 


   
www resources

โฮมเพจ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย)

   
search resources

แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย), บจก.
Electric




นายเฮียน วู (ฮาเวิร์ด) ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจโยรวมทั้งในประเทศและต่างประเทศกำลังอยู่ในภาวะซบเซา แต่ในแง่การส่งออกแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีออเดอร์การสั่งซื้อสินค้าลดลง ขณะเดียวกันบริษัทฯยังมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของจอภาพอีก 7-10% รองรับตลาดต่างประเทศใน 3 ประเทศเพื่อนบ้านด้วย หลังพบมีความต้องการเพิ่มขึ้นทุกเดือน

สำหรับการส่งออกในต่างประเทศนั้น เดิมในส่วนของโรงงานที่จังหวัดระยอง จะส่งออกผลิตภัณฑ์อยู่ 3 กลุ่มหลัก คือ จอภาพ เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ ในกลุ่มประเทศเซาส์อีสเอเชีย อาฟต้า ตะวันออกกลาง และเซาส์อเมริกา โดยได้เพิ่มการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอื่นๆเพิ่มขึ้น เช่น ประเทศผู้ค้าน้ำมันในแถบตะวันออกกลางมากขึ้น รวมไปถึงเซาส์อาฟริกา

ขณะเดียวกันตลาดในประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มจอภาพ จากแผนที่จะมีการเพิ่มกำลังผลิตโดยรวมอีก 7-10% ในปีหน้านั้น 90% จะผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศ และอีก 10% จะเป็นการส่งออก โดยความต้องการในประเทศนั้น ปีนี้ผลิตแอลซีดีทีวีประมาณ 1 แสนเครื่อง ปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.3-1.4 แสนเครื่อง ส่วนพลาสม่าทีวี ปีนี้มีการผลิตที่ 1 แสนเครื่อง ปีหน้าจะเพิ่มเป็น 1.5 แสนเครื่องใกล้เคียงกัน

ทั้งนี้บริษัทฯจะเน้นการผลิตที่เป็นเทคโนโลยีฟูลเอชดีมากขึ้น คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังในปีหน้าบริษัทฯจะหันมาทำตลาดจอภาพเป็นฟูลเอชดีทั้งหทมด และจะเลิกผลิตจอภาพแอลซีดีทีวี และพลาสม่าทีวีแบบธรรมดาลง ส่วนสาเหตุที่หันมารุกตลาดนี้มากขึ้น เนื่องจากพบว่าสินค้ากลุ่มดังกล่าวอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ

ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา สำหรับตลาดรวมแอลซีดีทีวี สินค้าที่อยู่ในระดับฟูลเอชดีมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 10% ซึ่งมีโซนี่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งในแง่มูลค่าและจำนวนมากสุดถึง 42% อันดับสอง คือ ซัมซุง 25% 3.ฟิลิปส์ 15% และ4.แอลจี 5% สิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 15% จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ ขณะที่กลุ่มพลาสม่าทีวีที่เป็นฟูลเอชดี มีส่วนแบ่ง3% จากตลาดพลาสม่ารวม โดยมีแอลจีเป็นอันดับ1 มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 41% ซัมซุง 29% พานาโซนิค 28% ส่วนในแง่มูลค่า แอลจีและซัมซุงครองส่วนแบ่งเท่ากันที่ 33% รองลงมาคือ พานาโซนิค 29% ทั้งนี้คาดว่าจากที่ผู้ประกอบการหันมารุกตลาดนี้มากขึ้น ปีหน้าสัดส่วนฟูลเอชดีจะมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นอย่างน้อยอีกเท่าตัว

ล่าสุดบริษัทฯได้มีการเปิดตัวสินค้าหมวดจอภาพถึง 18 รุ่น เพื่อทำตลาดในช่วงนี้ ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มไฮเอนด์ ด้วยเทคโนโลยีฟูลเฮชดี ทั้งฟูลเอชดีแอลซีดีทีวี และฟูลเอชดีพลาสม่าทีวี โดยในส่วนฟูลเฮชดีพลาสม่าทีวีนั้น ถือเป็นครั้งแรกที่เข้ามาทำตลาดฟูลเอชดี ขณะที่ฟูลเอชดีทีวีหลังการเปิดตัวครั้งนี้ จะทำให้สินค้ากลุ่มฟูลเอชดีมีสัดส่วนเป็น 50% ของแอลซีดีทั้งหมด

นอกจากนี้บริษัทฯได้เพิ่มงบการตลาดอีกกว่า 20 ล้านบาท จากงบการตลาดเดิมที่จะใช้ทำตลาดเอวีทั้งปีที่ 80 ล้านบาท สำหรับการจัดแคมเปญ "LG Full HD World,Full Enjoyment" โดยการจัดชุดทีวี, โฮมเธียเตอร์,เครื่องเล่นบลู-เรย์ เจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม โดยลดราคาสูงสุดถึง 30% มั่นใจว่าจากปผนการตลาดในโค้งสุดท้าย จะทำให้ภาพรวมรายได้บริษัทฯอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท ตามแผนที่วางไว้ ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเติบโตได้อย่างน้อย 10%

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กลยุทธ์ขายพ่วงดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกของแอลจีที่หันมาทำอย่างจริงจัง และมีการส่วนลดสูงสุด30% ขณะที่ก่อนหน้านี้ทางโซนี่ก็ได้ประกาศใช้กลยุทธ์ขายพ่วงในแคมเปญ Let's Color เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้าแบบพ่วงดังกล่าว โดยทั้งสองค่ายมองว่ากลยุทธ์ขายพ่วงนี้ ถือเป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยกระตุ้นการขายได้ในภาวะเศรษฐกิจซบเซา   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us