Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน19 พฤศจิกายน 2551
ดัชนีหุ้นไทยดิ่งเหว 14 จุด ตอกย้ำเศรษฐกิจโลกหดตัว-การเมืองป่วน             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่ง ตอกย้ำเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังเยอรมัน-ญี่ปุ่น ออกมายืนยันเศรษฐกิจถดถอย บวกกับ “ซิตี้กรุ๊ป” ประกาศปลดพนักงานล็อตใหญ่กว่า 5 หมื่นคน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเตรียมเทขายส่งท้ายปีก่อนหยุดยาวสิ้นปี กดดันตลาดหุ้นไทยร่วงกว่า 14 จุด ด้านปัจจัยการเมืองในประเทศส่งสัญญาณร้อนแรงอีกครั้ง หลัง “พ.ต.ท.ทักษิณ” เพื่อต่อสู้ทางการเมืองอย่างเต็มที่ ส่วนโบรกเกอร์แนะอย่ารีบซื้อรอดูสถานการณ์สัปดาห์หน้าก่อน

ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยวานนี้(18 พ.ย.) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคและตลาดหุ้นทั่วโลก จากมีปัจจัยลบเพิ่มขึ้นหลังญี่ปุ่น เยอรมัน ประกาศเศรษฐกิจถดถอย ซิตี้กรุ๊ป ประกาศลดพนักงาน ต่างชาติเตรียมขายอีกรอบก่อนหยุดยาวปลายปี กดดันดัชนีปิดที่ระดับต่ำสุดของวันที่ 419.97 จุด ลดลง 14.24 จุด หรือลดลง 3.28% ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 432.02 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7,963.77 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิ 691 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 470.67 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,161.67 ล้านบาท

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (18 พ.ย.) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกจากความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังจากประเทศที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก คือ เยอรมัน และญี่ปุ่นออกมาประกาศยอมรับว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอย และเชื่อว่าจะมีอีกหลายประเทศที่ออกมายืนยันว่าจะมีภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ที่จะกระทบการค้าขายระหว่างประเทศทั่วโลกชะลอตัว

กอปรกับ ราคาน้ำมันล่วงหน้ามีการปรับตัวลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลงจากที่หุ้นกลุ่มดังกล่าวมีน้ำหนักในการลงทุนตลาดหุ้นไทย และการที่ประเทศไทยมีปัญหาทางด้านการเมืองในประเทศที่จะมีความรุนแรงมากขึ้น จึงทำให้นักลงทุนมีแรงขายออกมาจำนวนมากในช่วงบ่าย

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากความกังวลในภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยซึ่งจะยังคงกดดันตลาดหุ้นไปอีกสักระยะหรือยาวไปถึงเดือนหน้า และจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับการเมืองในประเทศที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นจากกที่รัฐบาลจะมีการประชุมในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงปลายเดือนนี้ จะทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวมากขึ้น และฝ่ายตรงข้ามก็จะมีการเคลื่อนไหวเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การที่สภาคองเกรสจะมีการพิจารณาในการใช้เงินช่วยเหลือปัญหาวิกฤตการเงินคงจะไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้ที่กำลังพ้นตำแหน่งคงจะไม่ทำอะไรมากซึ่งในการช่วยเหลือปัญหาวิกฤตนั้นจะต้องติดตามว่ารัฐบาลใหม่จะมีการดำเนินการอย่างไร โดยคาดว่าจะมีแนวรับที่ระดับ 400-405 จุด แนวต้านที่ระดับ 427-429 จุด โดยบริษัทยังไม่แนะนำให้นักลงทุนเข้าลงทุนในช่วงนี้ควรที่รอดูความชัดเจนก่อนในสัปดาห์หน้าในเรื่องปัจจัยทางการเมือง

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคและทั่วโลกที่ปรับตัวลดลงแรงจากความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย ซึ่งเป็นปัจจัยเดิมๆแต่มีความรุนแรงมากขึ้น เช่น สถาบันการเงินมีผลขาดทุนมากขึ้น ปลดพนักงาน ลดค่าใช้จ่าย ต้องเพิ่มทุน ทำให้มีแรงขายออกมาทั่วโลก ซึ่งตลาดหุ้นภูมิภาคปรับตัวลดลง 3-4% ซึ่งฮ่องกงปรับตัวลดลงแรงสุด 4.5% ซึ่งไทยปรับตัวลดลง 3.28%

ทั้งนี้ จากการที่นักลงทุนต่างประเทศใกล้จะหยุดพักการซื้อขายในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้นักลงทุนต่างประเทศจะมีแรงขายออกมาเพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องก่อนที่จะหยุดยาว ซึ่งหากนักลงทุนต่างประเทศมีการหยุดการซื้อขายแล้วเชื่อว่าจะทำให้ตลาดหุ้นในช่วงเดือนธันวาคมปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่เป็นปัจจัยบวกในระยะสั้นเท่านั้น

“ตลาดหุ้นไทยทั่วโลก มีการปรับตัวลดลงจากปัจจัยลบเดิมๆ ที่กลับมีปัจจัยลบเพิ่มขึ้น เช่น ขาดทุนเพิ่มขึ้น ลดพนักงาน และจากที่นักลงทุนต่างประเทศใกล้ที่จะหยุดพักการซื้อขาย จากที่จะใกล้สิ้นปีที่มีวันหยุดยาวนั้น จะทำให้ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้นักลงทุนตางประเทศจะมีแรงขายมากขึ้นเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในช่วงปลายปีนี้” นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ เชื่อว่าดัชนีจะยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากปัจจัยลบเดิมๆ โดยประเมินแนวรับที่ระดับ ที่ระดับ 395-405 จุด แนวต้านที่ระดับ 429 จุด

นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส บล.ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นและยังคงรับรู้ปัจจัยลบจากที่ซิตี้กรุ๊ป มีการประกาศผลขาดทุนเพิ่มขึ้น มีการลดพนักงาน 5 หมื่นคน ลดค่าใช้จ่าย 20% และเศรษฐกิจญี่ปุ่น เยอรมัน ถดถอย ทั้งที่ประเทศเยอรมันไม่ได้รับกระทบจากปัญหาจากวิกฤตปัญหาสถาบันการเงิน รวมทั้งยังได้รับผลกระทบจากปัญหาทางด้านการเมืองภายในประเทศ จากจะมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นหลังจากที่อดีตนายก พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร หย่ากับภรรยา

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากปัจจัยลบเดิม และสหรัฐจะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 383-400 จุด แนวต้านที่ระดับ 450 จุด

นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC กล่าวว่า การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบนี้ น่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อให้เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับตลาดโลกที่ต่างปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมและเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค

ทั้งนี้การขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2552 จีดีพีอาจโตไม่ถึง 4% หรือมากสุดแค่ 4% ส่วนการส่งออกไทยไปต่างประเทศนั้นอาจจะโตไม่ถึงตัวเลข 2 หลัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยส่งผลให้การบริโภคและการใช้จ่ายของประชาชนภายในประเทศลดลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐที่ขณะนี้ได้ลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ

นายศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีหน้ายังคงจะไม่ปรับตัวดีขึ้นจากปีนี้ และมองว่าหากมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเข้ามาก็มีโอกาสลงไปถึงจุดต่ำสุดของปีนี้ ที่ 380 จุดอีกได้ โดยสาเหตุหลักยังคงมาจากภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งมองว่าการถดถอยของเศรษฐกิจครั้งนี้จะรุนแรงกว่าปัญหาซับไพรม์และปัญหาวิกฤตการเงินที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยนี้ได้ลุกลามไปยังภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง เช่น การส่งออกของภูมิภาคเอเชียด้วย ซึ่งตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจที่ปรับลดลงของประเทศต่างๆ ก็ได้มีผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยนักลงทุนควรมีการลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่นพันธบัตรรัฐบาล เนื่องจากขณะนี้มีการลงทุนในสินทรัพย์อย่างอื่น เช่น หุ้นกู้เอกชนก็ถือว่าไม่ปลอดภัย เนื่องจากความแข็งแกร่งของบริษัทต่างๆ ปรับลดลง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us