|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"TU-PF" กำไรทรุดต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศกำไรไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน เพียงล้านเศษเท่านั้น ด้าน "ไอเอ็นจี" แจง เป็นผลจากการจ่ายเงินล่วงหน้าค่าสิทธิการเช่ากว่า 8 ร้อยล้านบาท ฉุดเงินลงทุนในพันธบัตรและตั๋วเงินคลังลดลง ทำรายได้หาย คาดผู้ถือหน่วยอดรับปันผลเช่นเคย ด้านบลจ.วรรณ เผย "BKKCP" กำไรสุทธิกว่า 68 ล้าน ล่าสุด จ่ายปันผลในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.18 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ได้รายงานผลการดำเนินงานของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) ภายใต้การบริหารทั้งหมดจำนวน 6 กองทุน ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ (TU-PF) ซึ่งมีปัญหาเรื่องของสินทรัพย์ที่ก่อสร้างล่าช้า เป็นกองทุนที่ผลการดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และจากการรายงานผลการดำเนินงานล่าสุด กองทุนมีกำไรสุทธิเพียง 1.005 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.063 ล้านบาท ในขณะที่งวด 9 เดือน กองทุนมีกำไร 1.373 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิ 18.840 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของที่แล้วเช่นกัน
โดยการที่ผลการดำเนินงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ ประจำไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนที่เปลี่ยนแปลงลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 67.19% และ 92.57% ตามลำดับนั้น เป็นผลมาจากงวดสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 กองทุนได้จ่ายเงินล่วงหน้าค่าสิทธิการเช่าเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 800.19 ล้านบาท และเพื่อเป็นการตอบแทนการจ่ายเงินล่วงหน้าค่าสิทธิการเช่าดังกล่าว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้มอบรายได้ค่าเช่าสุทธิจากหอพักอาคารที ยู โดม ให้แก่กองทุนเป็นจำนวน 3.9 ล้านบาทให้แก่กองทุน ผลจากการจ่ายเงินล่วงหน้าดังกล่าวนี้ ทำให้เงินลงทุนในพันธบัตรและตั๋วเงินคลังของกองทุนลดลง และส่งผลให้รายได้จากดอกเบี้ยจากเงินลงทุนของกองทุนลดลงจาก 6.44 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปีก่อน เหลือ 0.46 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2551 นี้ ในขณะที่งวด 9 เดือนลดลงจาก 30.93 ล้านบาทในปีก่อน เหลือ 7.87 ล้านบาทในปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการขาดทุนต่อเนื่องของกองทุนดังกล่าว ทำให้ผู้ถือหน่วยกองทุนจะยังไม่ได้รับเงินปันผลจากกองทุนดังกล่าว ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กองทุนได้งดจ่ายปันผลไปแล้วถึง 2 ครั้ง นั้นเพราะผลการดำเนินงานของกองทุนขาดทุนต่อเนื่อง ทั้งนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ มีนโยบายลงทุนในหอพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งรูปแบบของกองทุนนี้ จัดตั้งขึ้นทั้งๆ ที่สินทรัพย์นั่นคือ หอพัก ยังดำเนินการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ซึ่งบลจ.ไอเอ็นจี ได้นำเงินลงทุนไปลงทุนในตราสารหนี้แทน
ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุนอื่น ประกอบด้วย กองทุนรวมรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 (TIF1) มีกำไรสุทธิประจำไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 อยู่ที่ 13.675 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 18.482 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือน กองทุนมีกำไรสุทธิ 28.897 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 32.111 ล้านบาท
โดยสาเหตุที่กองทุนมีกำไรสุทธิประจำไตรมาสที่ 2 ลดลง 26.01% เนื่องมาจากในไตรมาส 2 ปี 2551 นี้ กองทุนมีรายได้ค่าเช่าและบริการลดลงในอัตราร้อยละ 17.26 เนื่องจากมีจำนวนผู้เช่าลดลง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมมียอดเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.96 เนื่องจากกองทุนต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากผู้เช่ามีการทำสัญญาเช่าระยะสั้นเพิ่มขึ้น
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ (MJLF) 48.854 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 51.218 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนกองทุนมีกำไรสุทธิ 147.547 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 51.22 ล้านบาท ซึ่งการที่ผลการดำเนินงานในรอบนี้ เปลี่ยนแปลงถึง 188.08% นั้น เนื่องจากระยะเวลาการดำเนินการของงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 นั้น เป็นระยะเวลาที่ครบ 9 เดือนเต็ม ในขณะที่ระยะเวลาการดำเนินการของปีก่อนนั้นมีระยะเวลาดำเนินการเพียงประมาณ 3 เดือนและ 5 วัน เนื่องจากกองทุนได้จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตั้งแต่วันที่ 26มิถุนายน 2550 ซึ่งจำนวนวันของงวด 9 เดือนสิ้นสุด 30 กันยายน 2551 ที่มากกว่านั้นมีผลต่อรายได้ค่าเช่าและบริการและรายได้ดอกเบี้ยของกองทุนซึ่งคิดตามระยะเวลาทำให้กองทุนมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 78.04 ล้านบาท เป็น 228.31 ล้านบาท
นอกจากนี้ กองทุนมีรายจ่ายรวมเพิ่มขึ้นจาก 51.22 ล้านบาทในปีก่อน เป็น 147.23 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งมีผลเนื่องมาจากจำนวนวันที่มากกว่าดังกล่าว
ขณะที่ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค (FUTUREPF) ประจำไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 กองทุนมีกำไรสุทธิ 164.577 ล้านบาท เพื่อขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 130.55 ล้านบาท ในขณะนี้ที่งวด 9 เดือน กองทุนมีกำไรสุทธิ 452.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 449.942 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ กองทุนมีรายได้จากการลงทุนเพิ่มขึ้นจาก 164.24 ล้านบาทในปีก่อน เป็น 166.59 ล้านบาทในปีนี้และในขณะเดียวกันกองทุนมีรายจ่ายรวมลดลงจาก 56.56 ล้านบาทในปีก่อนเป็น 31.97 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุมาจากการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน
นอกจากนี้ กองทุนมีการว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระให้ทำการประเมินมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งกองทุนได้ปรับมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และได้รับรู้กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นใน ไตรมาส 3 ปี 2551 เป็นจำนวน 29.96 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวน 7.09 ล้านบาท
ส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ (SIRIPF) ประจำงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 15.825 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากกำไรสุทธิ 15.945 ล้านบาทของงวดเดียวของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิงวด 9 เดือนอยู่ที่ 85.326 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดือนกันของปีที่แล้วซึ่งมีกำไรสุทธิ 67.963 ล้านบาท ทั้งนี้ สาเหตุที่กองทุนมีกำไรเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 25.55% นั้น เนื่องมาจากกองทุนมีการว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระให้ทำการสอบทานการประเมินมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในเดือนมิถุนายน 2551 ซึ่งมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนได้ลงทุนไว้มีมูลค่ายุติธรรมเพิ่มขึ้น จาก 878.00 ล้านบาทเป็น 915.72 ล้านบาท และบริษัทได้รับรู้กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจำนวน 37.72 ล้านบาทในเดือนมิถุนายน 2551 นี้
สำหรับกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ ฮอสพิทอลลิตี้ (QHOP) มีกำไรสุทธิไตรมาส 3 ทั้งสิ้น 48.623 ล้านบาท ส่วนกำไรสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2551 ถึง 30 กันยายน 2551 อยู่ที่ 92.865 ล้านบาท
วรรณปันผลBKKCPหน่วยละ0.18บาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด รายงานผลการดำเนินงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP)ว่า กองทุนมีกำไรสุทธิ 68.847 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 33.084 ล้านบาท ในขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือน กองทุนมีกำไรสุทธิ 106.433 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 62.367 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บลจ.วรรณ ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของกองทุน จากกำไรสุทธิของผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2551 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.18 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 18 ธันวาคม 2551 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 เวลา 12.00 น.
|
|
|
|
|