คนในเครือสหกรุ๊ปรู้จักบุณยสิทธิ์เป็นอย่างดีในนาม "เสี่ยเซี้ยง"
ความที่ไม่ได้เรียนหนังสือมากเหมือนพี่น้อง ต้องช่วยงานพ่อตั้งแต่อายุเพียงสิบกว่าขวบ
ทำให้เขาต้องบากบั่นเรียนรู้กับคนญี่ปุ่น เขายังได้ซึมซับเอาความยากลำบากในการสร้างชาติของญี่ปุ่นซึ่งเสียหายยับเยินจากสงครามโลกครั้งที่สอง
หากนายห้างเทียมเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่ามีความวิริยะอุตสาหะและมีไหวพริบปฏิภาณในการทำการค้าเป็นเยี่ยม
บุณยสิทธิ์ก็ถือเป็นลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้นทีเดียว
บุญเกียรติน้องชายคนเล็กซึ่งได้ร่วมงานกับพี่ชายคนนี้อย่างใกล้ชิดกล่าวว่า
"ไอซีซีนั้นโตเร็วมาก เพราะเจ้านายผมเป็นคนแข็งแรง ใจสู้ ขยัน งาหนัก
งานเบานี่สู้ตายเลย ไม่เคยเห็นปัญหาเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเขาถือว่าทำธุรกิจอะไรก็มีปัญหาทั้งนั้น
เขาเป็นคน AGGRESSIVE มาก ขยันมาก ที่สำคัญเขามีหลักคิดดีในการทำธุรกิจ และการที่เขาไม่ได้จบอะไรมาเป็นเรื่องเป็นราว
ไม่ได้เป็นนักอะไรสักอย่าง ทำให้เขามีหลักคิดที่ไม่จำกัดตัวเอง ว่าทำโน่นได้ทำนี่ไม่ได้
เขาทำได้ทุกอย่าง"
เมื่อสร้างไอซีซีแล้ว บุณยสิทธิ์ตั้งบริษัทขึ้นมาอีกมากมายด้วยความคิดว่า
เมล็ดพันธุ์นี้ปลูกที่นี่อาจจะขึ้นดี แต่บางพันธุ์ต้องไปปลูกที่อื่นจึงจะงอก
นั่นคือการต้องรู้จักสินค้านั้นอย่างรอบด้านบุณยสิทธิ์เคยพูดกับคนใกล้ชิดว่า
"ตั้งบริษัทนั้นง่ายกว่าตั้งร้านกาแฟเสียอีก"
"การตั้งบริษัทง่ายมาก ผมเป็นคนทำอะไรแล้วจะสร้าง FORMAT ให้มันมาตรฐาน
คนไทยเราทั้งรัฐบาลและเอกชนมีปัญหาว่าสร้างอะไรเป็นมาตรฐานไม่ได้ นั่นก็เป็นเหตุหนึ่งที่แม้เราจะมีแผน
6 แล้ว แต่ก็ยังพัฒนาช้ากว่าเกาหลีมาก เพราะคนไทยเราไม่มี FORMAT ไม่ได้คิดว่าทำอะไรให้มันสำเร็จให้มันดี
แล้วก็ทำตามแบบนั้น ที่ผมบอกตั้งง่ายเพราะผมลำบากมาก่อน ผมรู้ว่าตั้งโรงงานนี่เขาทำอย่างไร
สร้างเป็นมาตรฐานแบบที่สามารถก๊อปปี้ไปใช้ได้ทันทีเลยตอนนี้จะสร้างอีก 10
โรงงานก็ไม่มีปัญหา คนอื่นคิดตั้งบริษัทอาจจะคิดมาก แต่ของผมนี่คิดตั้ง 5
นาทีก็เสร็จแล้ว" เสี่ยเซี้ยงแห่งสหกรุ๊ปให้เหตุผล
บุณยสิทธิ์คุณสมบัติที่สำคัญข้อหนึ่งของนักบริหารคือ "การมองการณ์ไกล"
สิ่งนี้แสดงให้เห็นได้ชัดเจนจากงานของเขา โดยเฉพาะความพยายามในการผลักดัน
"สวนอุตสาหกรรม" บนเนื้อที่ 1,000 กว่าไร่ที่ศรีราชา ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหม่มาก
ๆ สำหรับเมื่อ 13 ปี ก่อน ซึ่งคาดว่าจะสร้างเต็มโครงการภายในปีหน้า เขายังมีโครงการอีกมากมายในสมองที่ได้ทำไปบ้างแล้วแต่ยังไม่อยากจะเปิดเผย
"ถ้าไม่สำเร็จ ผมอาย เอาไว้ทำให้เห็นเลยดีกว่า"
บุณยสิทธิ์เป็นคนเงียบขรึม แต่เป็นนักอ่านตัวฉกาจ
"เขาเป็นคนพูดน้อยมาตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนกลับมาจากญี่ปุ่นนี่ยิ่งเงียบใหญ่เลย
เขาเพิ่งมาพูดเก่งเอาตอนหลัง ๆ นี่เอง เรียนไม่มากแต่อ่านหนังสืออย่างกับอะไร
อ่านหมดหนังสือพิมพ์ไทย จีน ญี่ปุ่น เป็นคนถ้าสนใจเรื่องไหนก็จะกัดไม่ปล่อย
แล้วเรื่องความขยันนี่ยกให้เลยเขาเป็นคนลึกซึ้ง ช่างจดช่างจำช่างสังเกต คนอย่างนี้ไม่ต้องเรียนหนังสือหรอก
ถ้าคุณเรียนมากแต่ไม่ช่างสังเกต เรียนให้ตายก็ไม่ได้อะไรหรอก" ศิรินาน้องสาวคนเล็กผู้มักสงสัยว่าทำไมพี่ชายจึงรู้มากกว่าตนทั้ง
ๆ ที่เวลาศึกษางานเท่านั้น เล่าถึงบุคลิกพี่ชายกับ "ผู้จัดการ"
บุณยสิทธิ์มีงานอดิเรกอยู่สองอย่างที่เขาโปรดปรานมากคือเล่นคอมพิวเตอร์และขับเครื่องบิน
"คอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับธุรกิจมาก และมันเป็น HOBBY
ผมด้วย สนุกมาก ดีกว่าเล่นไพ่นอกกระจอกอีก ผมอยากแนะนำคนที่เล่นไพ่นกกระจอกให้ไปเรียนคอมพิวเตอร์
เขียนโปรแกรมให้เป็น แล้วหา LOGIC ออกมาให้ได้ ผมอาจจะเขียนเองไม่ได้ทั้งหมด
แต่ผมสั่งโปรแกรมเมอร์ให้เขียนอย่างที่ผมต้องการได้ ผมให้คอมพิวเตอร์ทำงานรับใช้ผม
ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ใช้ผมทำงาน" บุณยสิทธิ์ พูดถึงงานอดิเรกที่ออกจะแตกต่างจากคนทั่วไป
ส่วนการขับเครื่องบินนั้นเขาเรียนฝึกบินรุ่นเดียวกับสุวิทย์ หวั่งหลี และนพพร
พงษ์เวช เขาหลงใหลการเหินเวหาเป็นยิ่งนัก ถึงกับสร้างสนามบินในบริเวณสวนอุตสาหกรรม
แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีสิทธิซื้อเครื่องบินในนามส่วนตัวก็ตาม "เราทำเผื่อไว้เลย
เดี๋ยวเขาจะว่าซื้อแล้วจะเอาที่ไหนจอด"
บุณยสิทธิ์ เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2480 ปัจจุบันอาจุ 52 ปีเต็ม เป็นผู้ที่เกิด
ราศีสิงห์ ซึ่งไฟเป็นลักษณะประจำราศี
"ราศีจำพวกไฟ มีความหมายถึงความเข้มแข็ง ความเปล่งปลั่งของจิตใจและมีพฤติกรรมที่มีลักษณะโน้มเอียงไปในทางที่เชื่อมั่นในตนเอง
มีอิสระและรักอิสระ ไม่ขึ้นกับสิ่งใด กล้าหาญและมีความทะเยอทะยานก่อให้เกิดความมุ่งมาดปรารถนาไม่มีที่สิ้นสุด
มีคามทระนงที่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ" ซิเซโร โหรชื่อดังบอกถึงคนราศีสิงห์
ธาตุไฟไว้อย่างนี้
และคำตอบสำหรับคำถามว่าสหกรุ๊ปจะโตไปถึงขนาดไหนว่า "ในทัศนะบุณยสิทธิ์ผมคิดว่าไปถึง
INFINTY" นั่นคงบ่งชี้ถึงลักษณะของคนราศีสิงห์ได้ไม่น้อย
คนในสหกรุ๊ปหลายคนแสดงความเห็นว่าบุณยสิทธิ์เป็นคนรู้รอบด้าน เป็น MR.ALL
ROUNDED
บางคนกล่าวว่าแม้เขาจะไม่เคยเรียนจบมหาวิทยาลัยใด แต่ที่เขาจบแน่ ๆ คือ
"มหาวิทยาลัย เทียม โชควัฒนา"
เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาได้รับการคัดเลือกจากชมรมเลขานุการสหกรุ๊ปให้เป็น "BOSS
OF SAHA GROUP"
แม้ว่าจะไม่มีการประกาศเป็นทางการวาใครคือทายาทที่จะเป็นผู้นำของสหกรุ๊ป
ต่อจากเทียม โชควัฒนา แต่ด้วยบทบาทที่ดำรงอยู่จริง เขาย่อมปฏิเสธภารกิจทางประวัติศาสตร์ได้ยากยิ่งนัก