Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน13 พฤศจิกายน 2551
ไมเนอร์เร่งล้างขาดทุนในจีน ไล่ซื้อ“โรงแรม-อาหาร-ที่ดิน”             
 


   
www resources

โฮมเพจ ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล

   
search resources

Commercial and business
ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล, บมจ.




ไมเนอร์ ขอเวลาชั่งใจ เหตุวิกฤตการเมือง และเศรษฐกิจโลก ปัจจัยหลักกระทบธุรกิจโรงแรม คาดไตรมาสแรกปีหน้าจึงฟันธงโยนงบ 3,800 ล้านบาทลงทุนต่อหรือไม่ ยอมรับทำธุรกิจแบบประคองตัว ลดต้นทุน เพื่อให้เกิดกำไรสูงสุด ส่วนธุรกิจอาหารในประเทศจีน ปีหน้าเตรียมทบทวนปรับแผน หลังขาดทุนต่อเนื่อง พร้อมใช้วิกฤตเป็นโอกาส ช้อปปิ้งของถูกทั้งพื้นที่เช่า โรงแรม ที่ดิน ระบุใช้เงินสดในมือเทคโอเวอร์กิจการ คุย 3 ไตรมาส ผลประกอบการยังโตต่อเนื่อง 40% มีกำไรสุทธิ 1,477 ล้านบาท

นางปรารถนา มงคลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการเงิน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาสถานการณ์ผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตทางการเงินของสหรัฐ ว่าจะกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวมากน้อยเพียงใด เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนในปีหน้า โดยคาดว่าจะสรุปได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2552 โดยแผนปีหน้า ตั้งงบลงทุนเฉพาะธุรกิจโรงแรมไว้ที่ 3,800 ล้านบาท เพื่อใช้ก่อสร้างและปรับปรุงโรงแรม จากภาพรวมทั้งกรุ๊ป ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 5,000 ล้านบาท โดยส่วนที่เหลือจะเป็นการลงทุนในธุรกิจอาหาร อย่างไรก็ตามถึงขณะนี้บริษัทยังคงไม่ได้ปรับเปลี่ยนแผนดำเนินงาน 5 ปี นับจากนี้ ที่ตั้งเป้าลงทุนไว้ที่ 17,000 ล้านบาท

"ยอมรับว่ามีความกังวลกับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ที่จะกระทบต่อธุรกิจโรงแรม แต่คงไม่มากนัก เพราะมอง 2 ปัจจัยบวกสำคัญ คือ คนยุโรปและอเมริกา แม้ตกงาน ก็ยังมีเงินสวัสดิการเลี้ยงชีพจากภาครัฐ ก็ยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้เพราะเชื่อว่า เขายังให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งคือ เมื่อเทียบค่าใช้จ่ายในประเทศไทย ถือว่า คุ้มค่าเงิน หรือแวลู ฟอร์มันนี่ จึงเชื่อว่าไทยยังเป็นเดสติเนชั่นที่นักท่องเที่ยวจะตัดสินใจเดินทางมา และบริษัทยังมีโรงแรมในต่างประเทศทั้งลงทุนเองและรับบริหารอีกหลายแห่ง"

ในส่วนนของธุรกิจโรงแรม จะไม่เน้นการเติบโตด้านรายได้ แต่ให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนบริหารจัดการเพื่อให้ธุรกิจมีกำไรเพิ่มขึ้น เช่น งดรับพนักงานใหม่ ลดโปรแกรมอบรมบุคคลากร และดูงาน นอกจากนั้น มีความเป็นไปได้ ที่ บริษัท จะสามารถมีรายได้จากราคาห้องพักเพิ่มอีกราว ห้องละ 5-10% ขึ้นอยู่กับโลเกชั่น และดีมานด์ ซัพพลาย โดยลูกค้าหลักของโรงแรมในกลุ่มของไมเนอร์ เป็นระดับ 4-5 ดาว เน้นลูกค้ากลุ่มผู้บริหาร

สำหรับธุรกิจอาหาร ไม่หนักใจ มีการเติบโตที่ดีและต่อเนื่อง เฉพาะไตรมาส 3 โตกว่า 40% มาจากการเพิ่มสาขา และเพิ่มแบรนด์ ไทยเอ็กซ์เพรส ในประเทศสิงคโปร์ ยกเว้นการลงทุนในประเทศจีน ซึ่งขณะนี้เตรียมเข้าสู่ปีที่ 3 แต่ผลประกอบการยังขาดทุนต่อเนื่อง ปีก่อนขาดทุนรวม 160 ล้านบาท ปีนี้ไตรมาสแรกขาดทุน 90 ล้านบาท และไตรมาส 3 ขาดทุน 45 ล้านบาท ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าในปีหน้า บริษัทจะมีการทบทวนเพื่อปรับแผนการลงทุนในประเทศจีน ทั้งนี้เกือบทุกธุรกิจอาหารที่เข้าไปลงทุนในจีน ช่วงแรกจะขาดทุนเกือบทุกบริษัท บางรายต่อเนื่องเป็น 10 ปี เพราะแข่งขันสูง ซึ่งบริษัทเชื่อว่า เรายังสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ แต่ต้องปรับแผนให้เหมาะกับตลาด โดยปัจจุบันเน้นลงทุนเองในกรุงปักกิ่ง นอกนั้นเน้นขายแฟรนไชส์

นางปรารถนา กล่าวถึงผลประกอบการบริษัท ว่า ไตรมาส 3 ปี 2551 มีรายได้ 4,119 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 25% ส่วนภาพรวม 3 ไตรมาส มีรายได้ 12,326 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 22% โดย 55% เป็นรายได้ที่มาจากธุรกิจอาหาร โดย ไตรมาส 3 บริษัทมีกำไรสุทธิ 376 ล้านบาท โตจากปีก่อน 1% ส่วนภาพรวม 3 ไตรมาส มีกำไร 1,477 ล้านบาท เติบโต 40% กำไรที่โตน้อยในไตรมาส 3 เพราะ ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมือง โดยเฉพาะในเดือนกันยายน ที่มีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และปิดสนามบิน ทำให้อัตราเข้าพักลงลงกว่า 20-25% โดยเฉพาะ โฟร์ซีซั่น กรุงเทพ และ เจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต โดยปีหน้าหากสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจทรงตัว อัตราเข้าพักโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ฯจะอยู่ราว 73% ถ้าสถานการณ์ดีจะขึ้นไปถึง 78% ส่วนรายได้ของไมเนอร์กรุ๊ป ถ้าสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงจะเติบโตจากปีนี้ 12-15% ถ้าดีขึ้นจะโตได้มากกว่า 15%

อย่างไรก็ตาม สถานะการเงินของบริษัทแข็งแกร่งสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยมีทรัพย์สินกว่า 23,919 ล้านบาท ดังนั้นการลงทุนของบริษัทขณะนี้ส่วนใหญ่ใช้เงินสด และ เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ ส่วนเงินลงทุนที่สถาบันการเงินอนุมัติให้กู้กว่า 3,000 ล้านบาท ยังไม่ได้เบิกออกมาใช้ ทำให้มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.63 ดังนั้น ในวิกฤตยังเป็นโอกาส โดยบริษัท สามารถเข้าซื้อกิจการหรือทำเลดีๆตามศูนย์การค้ามาขยายสาขาเพิ่มเติม และซื้อโรงแรมหรือที่ดิน ที่เจ้าของกิจการประกาศขายในราคาไม่แพง ล่าสุดอยู่ระหว่างพิจารณาซื้อแบรนด์ร้านอาหารในต่างประเทศมาบริหาร คาดไตรมาส 2 ปีหน้าตัดสินใจ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us