ปฐมบทตำนานธุรกิจเบอร์ลี่ ยุคเกอร์เริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2425 ในแผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวง
เมื่ออัลเบิร์ต ยุคเกอร์บุตรชายคนเดียวของครอบครัวชนชั้นกลางแห่งเมืองวินเดอร์เธอร์
สวิตเซอร์แลนด์ร่วมกับเฮนรี่ ซิกก์ เพื่อนร่วมชาติก่อตั้งห้างยุคเกอร์ แอนด์
ซกก์ขึ้นมาเพื่อสั่งสินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือนเข้ามาขายและส่งข้าว ไม้สักออกไปต่างประเทศ
สิ่งที่อัลเบิร์ต ยุคเกอร์ได้ริเริ่มไว้เมื่อ 107 ปีที่แล้ว เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาสืบสานต่อมาจนกลายเป็นเบอร์ลี่
ยุคเกอร์ในทุกวันนี้ สองพยางค์หลังของชื่อบริษัทเป็นประจักษ์พยานถึงความเชื่อมโยงข้อนี้
เบอร์ลี่ ยุคเกอร์จึงเป็นร่องรอยในเชิงธุรกิจของตระกูลยุคเกอร์ที่ยังคงปรากฎอยู่ในสังคมไทยเช่นเดียวกับเชื้อสายรุ่นที่สามของอัลเบิร์ต
ยุคเกอร์คือเอลลา ยุคเกอร์ ก็คือสายเลือดตระกูลยุคเกอร์ที่ยังมีชีวิตอยู่ในประเทศไทยขณะ
เอลลาเป็นหลานปู่ของอัลเบิร์ต พ่อของเธอคือเอ็ดวาร์ดลูกชายคนที่สามของอัลเบิร์ตกับพอลลา
ดาครูซ เอ็ดวาร์ด เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการบริหารเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
โดยเข้ารับช่วงต่อจากอัลเบิร์ต เบอร์ลี่ผู้เป็นพี่เขยเมื่อปี 2489
"ดิฉันเป็นคนไทย" เอลลายืนยันในชาติกำเนิดของเธอ เธอเกิดในเมืองไทย
และไปเรียนหนังสือที่อังกฤษและสวิตเซอร์แลนด์ แต่ก็สามารถใช้ภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่วอย่างคนที่ซาซึ้ง
ผูกพันกับภาษาแม่ของตน
เอลลาคือยุคเกอร์คนเดียวที่เหลืออยู่ในเมืองไทยตอนนี้
ญาติสนิทของเธอมีเพียงวอลเตอร์ ไมเยอร์ ประธานคนปัจจุบันของเบอร์ลี่ ยุคเกอร์และภรรยาเท่านั้น
เธอเรียกไมเยอร์ว่าปู่ ความสัมพันธ์ฉันเครือญาตินี้มีต้นตอมาจากความเกี่ยวดองทางด้านเชื้อสายระหว่างพอลลา
ย่าของเอลลาและโอลิเวียร์ ภรรยาของไมเยอร์ซึ่งต่างเป็นคนไทยเชื้อสายโปรตุเกสที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านซางตาครูส
หรือบ้านกุฎีจีนริมฝั่งเจ้าพระยาตรงข้ามปากคลองตลาดในปัจจุบัน
โอลิเวียร์นี่เองที่เป็นคนชักนำให้ไมเยอร์เข้ามาช่วยบริหารงานในเบอร์ลี่
ยุคเกอร์ในยุคของเอ็ดวาร์ด ตอนนั้นไมเยอร์กำลังจะเดินทางกลับเซี่ยงไฮ้ซึ่งตัวเองทำงานกับบริษัทสวิสแห่งหนึ่ง
ภายหลังจากเดินทางมาติดตอ่ธุรกิจในไทยแล้วพอดีเกิดกรณีญี่ปุ่นบุกไทยในสงครามมหาเอเชียบูรพาจนไมเยอร์ต้องตกค้างอยู่ในไทยระยะหนึ่ง
เอ็ดวาร์ด ยุคเกอร์มีลูกเพยงคนเดียวคือ เอลลา เมื่อเขาเสียชีวิตลงในปี
พ.ศ. 2519 สมบัติทั้งหมดรวมทั้งหุ้นในเบอร์ลี่ฯจึงตกเป็นของเอลลา แต่ก็เป็นจำนวนไม่มากนักเพราะบางส่วนได้ขายให้กับไมเยอร์ไป
เอลลาเป็นเพียงผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการบริหาร
เงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไปในสังคมธุรกิจไทยเป็นปัจจัยที่ทำให้เบอร์ลี่ ยุคเกอร์จำต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง
จากห้างหุ้นส่วนที่เคยเป็นของตระกูลยุคเกอร์ในรุ่นปู่ มาเป็นบริษัทที่ขายหุ้นให้กับคนภายนอกในรุ่นพ่อเมื่อปี
2508 และเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เมื่อ พ.ศ. 2517 จนถึงวันนี้ เบอร์ลี่
ยุคเกอร์กำลังมาถึงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญยิ่ง ไม่มีใครรู้ว่าเอลลาคิดอย่างไรต่อกิจการเก่าแก่
อันเป็นสมบัติของตระกูลยุคเกอร์ที่ความเป็นเจ้าของถุกบุคคลอื่นเข้ามาแบ่งปันมากขึ้นทุกทีความเห็นประการเดียวของเธอต่อกรณีนี้คือเบอร์ลี่
ยุคเกอร์ไม่ได้เป็นธุรกิจครอบครัวตั้งแต่ปีที่เข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วผู้ถือหุ้นทุกคนมีสิทธิมีเสียงในกิจการที่ปู่และพ่อของเธอได้บุกเบิกมา
ปัจจุบันเอลลาพักอาศัยอยู่ที่บ้านในซอยร่วมฤดีใกล้กับบ้านของไมเยอร์ คนที่อยู่ร่วมบ้านก็มีเพียงข้าเก่าเต่าเลี้ยงเพียงสามคนเท่านั้น