|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)แถลงการรุกตลาดภาคตะวันออกอย่างเป็นทางการ ที่โรงแรมเดอะไทด์ รีสอร์ท บางแสน เมื่อเร็วๆนี้
“เมืองไทยประกันภัย” รุกขยายฐานผู้เอาประกันในต่างจัง หวัดรับการแข่งขันปี 52โดยเลือกภูมิภาคตะวันออกเป็นแห่งแรก พร้อมตั้งเป้าขยายเบี้ยประกันเพิ่มอีก 10-15% จากยอดเบี้ยประกันในปี 51 ที่มีประมาณ 4,050 ล้านบาท เผยเร่งสร้างพันธมิตรทางการค้าและอู่คู่สัญญาในภาคตะวันออก พร้อมสรรหาตัวแทนในจังหวัดต่างๆให้ครบ ก่อนบุกภูมิภาคอื่น เหตุเลือกพื้นที่แห่งนี้เป็นจุดแรก เพราะมีประชากรและโรงงานอุตสาหกรรมมาก ขณะเดียวกันยังเตรียมเปิดตัวหนังโฆษณาใหม่เพื่อตอกย้ำแบรนด์ให้คนต่างจังหวัดรู้จักมากขึ้น
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เผยถึงการจัดแถลงข่าวเพื่อเปิดกลยุทธ์ขยายตลาดในภูมิภาค ของ บมจ.เมืองไทยประกันภัย โดยเลือกพื้นที่ภาคตะวันออกเป็นแห่งแรกและเป็นฐานหลักว่า ภายหลังจากที่บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัดได้มีการควบรวมกิจการกับบริษัท ภัทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทประกันวินาศภัยที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศ ภายในระยะเวลา 3 ปี
ปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานะเงินกองทุนที่มั่นคง กล่าวคือ มีเงินกองทุนสำรองกว่า 2.8 พันล้านบาทถือเป็นจำนวนเงินที่สูงถึง 7 เท่าที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบการธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ.ได้กำหนดไว้ และยังมีสิน ทรัพย์สำรองไม่น้อยกว่า 6 พันล้านบาท
ภายหลังการควบรวมกิจการ บริษัทฯ มีจึงนโยบายที่จะขยายตลาดในภูมิภาคเนื่องจากเห็นว่าธุรกิจประกันภัยในภูมิภาคยังสามารถขยายฐานลูกค้าได้อีกมาก ที่สำคัญยังเลือกพื้นที่ภาคตะวันออกเป็นพื้นที่แรกในการสร้างพันธมิตรทางการค้าและอู่คู่สัญญา ซึ่งปัจจุบันมีอยู่แล้วจำนวน 28 แห่ง นอกจากนั้นยังเดินหน้าคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพ เพื่อแต่งตั้งเป็นตัวแทนสาขาในจังหวัดต่างๆ ของภาคตะวันออก ซึ่งขณะนี้ขาดอยู่เพียงจังหวัดตราดเท่านั้น และคาดว่าจะสรรหาตัวแทนดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้ และหลังจากขยายฐานตลาดในพื้นที่แห่งนี้แล้วเสร็จก็จะสรรหาตัวแทนในภูมิภาคอื่นๆ ต่อไป
“การเลือกภาคตะวันออก เป็นเป้าหมายหลักในการขยายตลาดภูมิภาค และเป็นพื้นที่แรกในการเพิ่มสำนักงานตัวแทนก็เพราะเห็นว่าภาคตะวันออกมีประชากรและโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากจึงเหมาะแก่การขยายฐานลูกค้า โดยในปี 2552 จะเพิ่มจุดขายและงาน บริการที่หลากหลายไม่ว่าการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า เช่นประกันภัยรถยนต์ 5+พลัส ประกันภัยบ้านเมืองไทยฯลฯ การกำหนดราคาและเงื่อนไขที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าและอื่นๆ โดยก่อนควบรวมกิจการเรามีเบี้ยประกันในพื้นที่ภาคตะวันออกประมาณ 4% ของเบี้ยประกันทั้งหมด 4,050 ล้านบาท และคาดว่าในปีหน้าเบี้ยประกันในภูมิภาคแห่งนี้จะเพิ่มเป็น 7% ”
นางนวลพรรณ ยังเผยอีกว่าในปี 2552 บริษัทฯ มีแผนที่จะสร้างตัวแทนที่มีคุณภาพให้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 100 ราย จากเดิมที่มีอยู่แล้วประมาณ 311 รายทั่วประเทศในปี 2551 ขณะเดียวกันก็จะขยายสำนักงานตัวแทนในทั่วประเทศอีกประมาณ 35 แห่ง และจะขยายศูนย์การให้บริการแก่ลูกค้าครอบคลุมในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเ ฉียงเหนือและภาคใต้ โดยคาดว่าภายหลังการรุกตลาดภูมิภาคอย่างจริงจังจำนวนเบี้ยประกันจะเติบโตจากปี 2551 อีกประมาณ 10-15%
“วิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังลุกลามไปทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจประกันภัยค่อนข้างน้อยในแง่ของยอดรายได้ โดยในปีนี้บริษัทมียอดเติบโตทางธุรกิจถึง 40% เพราะประชาชนยังคงตระหนักถึงการทำประกันภัย อย่างไรก็ดี วิกฤตเศรษฐกิจก็ส่งผลต่อสินทรัพย์ที่เราลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน แต่เนื่องจากสินทรัพย์ที่เราลงทุนมีน้อย ก็เลยไม่กระทบกระเทือนเท่าไร ส่วนในปี 2552 ที่มองว่าจะมีการเลิกจ้างเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกที่มีโรงงานอุตสาหกรรม เราก็กังวลเรื่องการตั้งเป้าเบี้ยประกันเช่นกัน แต่ก็พยายามที่จะใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อตอกย่ำแบรนด์ให้ประชาชนในต่างจังหวัดรู้จักเรามากที่สุด และในเร็วๆ นี้ก็จะออกหนังโฆษณาใหม่เพื่อให้ผู้เอาประกันรู้จักเรามากยิ่งขึ้น ” นางนวลพรรณ กล่าว
|
|
|
|
|