สวนอุตสาหกรรมโรจนะสบช่องลงทุนพัฒนาที่ดินในจีน เตรียมทุ่มงบ 400 ล้านบาทลงทุนพัฒนาที่ดิน
500 ไร่บริเวณฉางโจว ประเทศจีน หลังจากลงนามสัญญารับสิทธิพัฒนาที่ดินจากรัฐบาล
ท้องถิ่น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งญี่ปุ่นและไทยที่ต้องการเข้าไปลงทุนในจีน
ตั้งเป้าพัฒนาเต็มโครงการ 5,000 ไร่ ใช้เวลา 10 ปี บล.ซีมิโก้ แนะลงทุนระยะยาวใน
ROJANA คาดธุรกิจไฟฟ้าจะเป็นรายได้หลักในอนาคต และปีนี้ให้ผลตอบแทนการลงทุน 6-7%
นายจิระพงษ์ วินิชบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน)
(ROJANA) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯครั้งที่19/2546 เมื่อวันที่ 5
สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีมติให้บริษัทฯเข้าทำสัญญารับสิทธิพัฒนาที่ดินกับคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ
ตำบลจงโหลว เมืองฉางโจว ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน บนเนื้อที่ 500 ไร่ คิด เป็นเงินรวม
400 ล้านบาท
โดยบริษัทฯจะลงนามสัญญา รับสิทธิดังกล่าวจากคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน ในวันที่
8 สิงหาคมศกนี้ ซึ่งสิทธิดังกล่าว เป็นการเช่ามีกำหนดระยะยาว พร้อมสิ่งสาธารณูปโภค
โดยที่ดินยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐบาลท้องถิ่นอยู่
ส่วนแหล่งที่มาของเงินทุนนั้น บริษัทฯจะกู้เงินจากสถาบันการเงินจำนวน 50% และใช้เงินทุนของบริษัท
50%
นายจิระพงษ์ กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาที่ดินดังกล่าวจะดำเนินการได้ในต้นปี 2547
คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปีครึ่งในการจัด สรรให้กับลูกค้าได้หมดโดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าจะพัฒนาที่ดินบริเวณจงโหลวเต็มโครงการ
5,000 ไร่ภายในระยะเวลา 10ปี
สาเหตุที่ตัดสินใจเข้าไปลงทุนพัฒนาที่ดินในจีนครั้งนี้ เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีศักยภาพที่ดีเหมาะแก่การลงทุน
ที่ผ่านมาลูกค้าบริษัท เช่น ญี่ปุ่นก็สนใจที่จะเข้าไปลงทุนในจีนค่อนข้างมาก การเข้าไปลงทุนพัฒนา
ที่ดินครั้งนี้ จึงเป็นการขยายกิจการเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการขยายการลงทุน
ไปยังต่างประเทศ รวมถึงลูกค้าที่มีอยู่ในประเทศไทยและลูกค้าที่จะไปลงทุนในประเทศจีนโดยตรง
อย่างไรก็ตาม การเข้าไปลงทุนในประเทศจีนครั้งนี้ ROJANA จะเข้าไปลงทุนเอง 100%
โดยไม่มีการดึงพันธมิตรรายอื่นเข้าไปร่วมทุนด้วย
ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯคาดว่าจะมีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นจากปีก่อนประมาณ
10% หรือประมาณ 270-300 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 259.97 ล้านบาท
เพราะบริษัทรับรู้รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าที่มีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 122
เมกะวัตต์เป็น 165 เมกะวัตต์นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ และประเมินว่าปีนี้จะขายที่ดินในนิคมฯ ทั้งสองแห่งได้
300-350 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขายที่ดิน 250 ไร่
ก่อนหน้านี้ ROJANA ได้เข้าไปซื้อหุ้นบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น
จำกัด (มหาชน)(TICON) ในสัดส่วนการถือหุ้น 22.07% แบ่ง เป็นหุ้นสามัญจำนวน 16.80
ล้านหุ้น, วอร์แรนต์ 4.20 ล้านหุ้น โดยราคาซื้อหุ้นสามัญ 20 บาท/หุ้นและ 15 บาท/1วอร์แรนต์
คิดเป็นมูลค่ารวม 400 ล้านบาท
เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจใกล้เคียงกัน ซึ่งจะช่วยเสริมธุรกิจนิคมฯ ที่ดำเนินการ
เพราะ TICON เป็นบริษัทที่สร้างโรงงานให้เช่าและขายในนิคมฯ ต่างๆ รวมทั้งนิคมอุตสาหกรรมของโรจนะทั้งที่อยุธยาและระยอง
โดยบริษัทฯตั้งเป้ารายได้จาก TICON จะมีสัดส่วนสูงถึง 20-25% ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
ความเคลื่อนไหวของหุ้น ROJANA วานนี้ (6 ส.ค.) ปิดตลาดที่ 45.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
มูลค่าการซื้อขาย 3.88 ล้านบาท
ซีมิโก้แนะซื้อ ROJANA
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ กล่าวว่า การเข้าไปลงทุนพัฒนาที่ดินในจีนจะช่วยเพิ่ม
รายได้ทางหนึ่ง แต่ธุรกิจที่น่าจับตามองและเป็นตัวสร้างรายได้ให้ ROJANA มากยิ่งขึ้นนั้น
คือ โรงไฟฟ้า คาดว่าในปี 2547 รายได้จากธุรกิจไฟฟ้า จะคิดเป็นสัดส่วน 50%ของรายได้รวมทั้งหมด
นอกจากนี้ ROJANA อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายโรงไฟฟ้าเฟส 3 เพิ่ม
ขึ้นอีกกว่า 100 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณกลางปี 2547 เรามั่นใจว่า ROJANA
จะตัดสินใจขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเฟส 3 เพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการไฟฟ้าของลูกค้าที่ยังคง
มีอยู่แม้ว่าขณะนี้ส่วนขยายเฟส 2 จะเพิ่งแล้วเสร็จ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะป้อนให้กับลูกค้าในนิคมฯ
หากโรงไฟฟ้าเฟส 3 เกิดขึ้น โครงสร้างรายได้ของ ROJANA จะเปลี่ยนไปทันที โดยจะมีรายได้หลักมาจากธุรกิจไฟฟ้า
แทนที่รายได้จากการขายที่ดิน ดังนั้นจึงแนะนำให้ซื้อลงทุนระยะยาวในหุ้น ROJANA
ได้ โดยปีนี้จะให้ผลตอบ แทนการลงทุนอยู่ที่ 6-7% หรือประมาณ 2.7 บาท/หุ้น สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก
โดยประเมินว่าปีนี้ บริษัทจะมีรายได้ประ มาณ 3,166 ล้านบาท ขยายตัวขึ้นจากปีก่อน
15% และจะมีกำไรสุทธิขยับขึ้นประมาณ10%จากปีก่อน
ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ ROJANA มีกำไรสุทธิ 98.77 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ
102.56 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.65 บาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น
1.71 บาท