Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 พฤศจิกายน 2551
หุ้นไทยพุ่งแรง32จุดรับทั่วโลกหั่นดบ.ฟื้นศก.             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยเด้งแรงตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังธนาคารกลางทั่วโลกประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกู้วิกฤตการเงินและกระตุ้นเศรษฐกิจ บวกกับปัจจัยการเมืองไม่รุนแรงอย่างที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 941 ล้านบาท หนุนดัชนีปิดสูงสุดที่ 449.19 จุด เพิ่มขึ้นกว่า 32 จุด มูลค่าการซื้อขายคึกคัก 1.7 หมื่นล้านบาท ด้านนักวิเคราะห์ เตือนอย่าวางใจอาจเจอแรงเทขายทำกำไรหากดัชนีปรับตัวเหนือ 450 จุด เหตุเศรษฐกิจโลกยังมีหลายปัจจัยเสี่ยง

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (3 พ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เปิดการซื้อขายช่วงเช้า ท่ามกลางแรงซื้อขายที่มีเข้ามาอย่างคึกคักและต่อเนื่อง ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ได้รับปัจจัยบวกจากธนาคารกลางทั่วโลกประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกู้วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้น รวมถึงเป็นการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว

โดยระหว่างการซื้อขายดัชนีตลาดหุ้นไทย ได้ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 431.98 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ระดับสูงสุดที่ 449.19 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อนกว่า 32.66 จุด หรือคิดเป็น 7.84% มูลค่าการซื้อขายรวม 17,012.80 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศได้กลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง โดยมียอดซื้อสุทธิรวม 941.78 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,064.57 ล้านบาท และ นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 2,006.36 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ราคาปิดที่ 98 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 12 บาท หรือคิดเป็น 13.95% มูลค่าการซื้อขาย 2,116.70 ล้านบาท บมจ.ปตท. ปิดที่ 177 บาท เพิ่มขึ้น 18 บาท หรือ 11.32% มูลค่า 2,032.40 ล้านบาท และบมจ. ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) ปิดที่ 0.47 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 27.03% มูลค่า 1,302.60 ล้านบาท

นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟาร์อีสท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (3 พ.ย.) ทะยานขึ้นตามดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐฯ และตลาดหุ้นเอเชีย ภายหลังจากที่ดัชนีเดือนตุลาคมปรับลงมากว่า 160 จุด รวมทั้งได้รับปัจจัยบวกจากธนาคารกลางทั่วโลก อาทิ ธนาคารอังกฤษ ยุโรป และออสเตรเลีย มีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจึงส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลก

ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับตัวลดลงต่ำมากแล้ว ทำให้นักลงทุนต่างประเทศสนใจเข้ามาทยอยซื้อลงทุน โดยมียอดซื้อสุทธิเข้ามาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นวันที่ 3 แล้ว

“ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นแรง อยู่นอกเหนือความคาดหมายในช่วงก่อนหน้านี้ หลังจากการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไม่ได้นำไปสู่ความรุนแรง ทำให้ลดแรงกดดันทางการเมืองลงในช่วงสั้น และมีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดหุ้น”

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทย อาจจะเจอแรงเทขายทำกำไรจากนักลงทุน ขณะที่ดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ และการเมืองภายในประเทศที่อึมครึม โดยกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ให้นักลงทุนขายทำกำไรหากดัชนีปรับตัวมาถึงระดับ 450 จุด และประเมินแนวรับไว้ที่ 400-410 จุด แนวต้านที่ 455-460 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือASP กล่าวว่า วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรก จากปัญหาทางการเมืองที่ไม่เกิดความรุนแรง ภายหลังพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มนปช. ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลและคาดการณ์ว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงยาวไปจนช่วงวันที่ (14 พ.ย.-19 พ.ย. ) ของงานประราชพิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

“แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังผันผวน ตามทิศทางราคาน้ำมัน และตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยนักลงทุนต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด หากดัชนีรีบาวน์ขึ้นเหนือระดับ 450 จุด อาจจะมีแรงเทขายทำกำไร (take profit) ออกมาจากดัชนีที่พุ่งแรงเมื่อวานนี้ ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนในระยะสั้นยังคงเป็นหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร โดยมีแนวรับอยู่ที่ 430 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 450-460 จุด” นายเทิดศักดิ์ กล่าว

ด้านนางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มขึ้น ตามตลาดในเอเชียและสหรัฐฯ และข่าวการที่ธนาคารกลางยุโรปและอีกหลายๆ ประเทศ มีมาตรการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ เพื่อแก้ไขวิกฤตทางการเงิน อีกทั้งเริ่มมีแรงช้อนซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำให้ตลาดปิดบวก

ส่วนตลาดหุ้นไทยวันนี้ อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกเล็กนอย แต่อาจมีแรงขายออกมาหากดัชนีดีดมาอยู่ที่ระดับ 450 จุดขึ้นไป ดังนั้นนักลงทุนระยะสั้นควรรอจังหวะแล้วเทขายทำกำไรเมื่อดัชนีถึงระดับดังกล่าว ซึ่งให้แนวรับอยู่ที่ 420 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 464 จุด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us