Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 พฤศจิกายน 2551
ลุ้นหุ้นไทยทำจุดต่ำสุด             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยยังไม่พ้นวิบากกรรม หลังจากโดนพิษเศรษฐกิจทั่วโลกหดตัวกดดันให้ตั้งแต่ต้นปีดัชนีร่วงกว่า 441 จุด หรือ 51.46% มาร์เกตแคปสูญ 3.32 ล้านล้านบาท หรือ 50% โดย 10 เดือนแรกนักลงทุนต่างชาติทิ้งของแล้วกว่า 1.4 แสนล้าน ขณะที่วอลุ่มเฉลี่ยต.ค. อยู่ที่ 1.44 หมื่นล้านบาท ด้านโบรกเกอร์ เตือนนักลงทุนจับตาผลจากการแก้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการชุมนุมของกลุ่มนปก.ที่จะก่อให้เกิดการเผชิญหน้าและความรุนแรงจนกดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นรูดทำจุดต่ำสุดรอบใหม่ พร้อมแนะนำให้นักลงทุนระยะยาว ฉวยจังหวะหุ้นลงเลือกซื้อของถูก

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย นับตังแต่ต้นปี 2551 ยังถูกปกคลุมด้วยปัญหาสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ที่ก่อให้เกิดวิกฤตปัญหาสถาบันการเงินล้มละลายหลายแห่ง จนทำให้ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจต้องออกมาประกาศความร่วมมือช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น แต่มาตรการดังกล่าวกลับยังไม่เห็นผลมากนัก และส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวอยู่ในขณะนี้

โดยปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างถ้วนหน้า รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย ซึ่งหากเทียบดัชนีตลาดหุ้นไทยล่าสุด (31 ต.ค.) กับช่วงสิ้นปี 31 ธ.ค. 51 พบว่า ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงจาก 858.10 จุด เหลือ 416.53 จุด หรือลดลงไปกว่า 441.57 จุด คิดเป็นสัดส่วนที่ลดลงกว่า 51.46%

ขณะที่มูลค่าตามราคาตลาดรวม (มาร์เกตแคป) ลดลงจากสิ้นปีก่อนที่ 6.64 ล้านล้านบาท เหลือแค่ 3.32ล้านล้านบาท หรือลดลงไปกว่า 3.32 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 50.00%

ด้านมูลค่าค่าการซื้อเฉลี่ยต่อวันนั้น ในเดือนตุลาคม 51 มูลค่าการซื้อขายประจำเดือนต.ค. เริ่มกระเตื้องขึ้น หลังจากลดลงต่ำสุดในเดือนกันยายน 51 ที่ผ่านมา ที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 11,464.29 ล้านบาท เป็น 14,455.48 ล้านบาท ขณะที่เดือนที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยสูงสุดคือเดือนพฤษภาคม 51 ที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 23,447.03 ล้านบาท

หากพิจารณาถึงมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศนั้น พบว่า ตั้งแต่ต้นปี 51 นักลงทุนต่างชาติมีการเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มียอดขายสุทธิเกือบทุกเดือน ยกเว้นเดือนกุมภาพันธ์ และพฤษภาคมที่มียอดซื้อสุทธิ 31,334.25 ล้านบาท และ 159 ล้านบาท ทำให้มียอดขายสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นปีสูงถึง 140,718.64 ล้านบาท ขณะที่เดือนตุลาคม 51 มียอดขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติอยู่ที่ 15,604.06 ล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวน ดัชนีเคลื่อนไหวแรงทั้งแดนบวกและแดนลบ โดยส่วนใหญ่จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันตลาดหุ้นภูมิเอเชียและตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ที่เด้งแรงรับข่าวธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ลดลงดอกเบี้ยจาก 0.50% เป็น 0.30% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 7 ปี รวมถึงประเทศอื่นๆ ที่ร่วมมือกันช่วยเสริมสภาพคล่องให้ระบบการเงินดีขึ้น

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงเศรษฐกิจของไทยจากการรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่า ไตรมาส 3 เศรษฐกิจได้ส่งสัญญาณชะลอตัวลงเช่นเดียวกัน จากการขาดความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และภาคการลงทุน ขณะเดียวกันยังมีแรงขายลดความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางการเมืองในประเทศที่สูงขึ้น

“ขณะนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังไม่ถือว่าเป็นระดับที่ต่ำสุด และไม่แน่ว่าจะต่ำสุดที่ระดับใด จากปัจจัยลบเรื่องวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย รวมถึงปัจจัยเสียงในประเทศ เรื่องของการเมืองที่จะมีการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มนปก. รวมถึงเรื่องที่จะให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโทรศัพท์ทางไกลจากต่างประเทศเข้ามาร่วมรายการด้วย ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกทางการเมืองที่รุนแรงขึ้นในกลุ่มผู้ชุมนุม และอาจชักนำสู่การก่อเหตุรุนแรง”

นักวิเคราะห์กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองจะเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดทิศทางความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้น หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นจะส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมากและกดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ระดับ 380 จุด โดยกลยุทธ์การลงทุนให้นักลงทุนระยะยาวหาจังหวะซื้อหุ้น หากดัชนีปรับตัวลดต่ำกว่า 400 จุด และประเมินแนวรับไว้ที่ 380 จุด และแนวต้านที่ระดับ 420 จุด

นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟาร์อีส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงขาลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ และแรงกดดันจากการเมืองภายในประเทศ ขณะเดียวกันนักลงทุนจะต้องติดตามผลการประชุมธนาคารในประเทศอังกฤษว่าจะมีข้อสรุปออกมาอย่างไร ดังนั้นนักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 400-410 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 420-430 จุด

นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือSYRUS กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ วันนี้ คาดว่ายังคงซึมๆ จากความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อสภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และควรจับตาสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่ยังอึมครึม และทิศทางตลาดต่างประเทศว่าจะเคลื่อนไหวไปในรูปแบบใด

“ช่วงนี้นักลงทุนระยะสั้นที่มีหุ้นอยู่กลุ่มคอมมูนิตี้ โดยเฉพาะ ธุรกิจโรงกลั่น ธุรกิจปิโตรเคมี หากรีบาวน์ให้รีบขาย แล้วหันไปลงทุนในกลุ่มอื่นแทน เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง ซึ่งประเมินแนวรับอยู่ที่ 410 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 430 จุด”

ด้านนายมงคล พ่วงเกดรา เจ้าหน้าที่วิเคราะห์อาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) ตลาดหุ้นไทยจะยังคงผันผวนตามทิศทางตลาดต่างประเทศ และสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศมืดมน โดยให้จับสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ภายหลังเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยว่าจะเป็นอย่างไร แนะผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะสั้นควรชะลอการลงทุนออกไป ส่วนนักลงทุนระยะยาวให้เริ่มทยอยเก็บหุ้นได้แล้ว และมองแนวรับอยู่ที่ 395 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 450 จุด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us