Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์3 พฤศจิกายน 2551
ผ่าแผนลงทุน1.3ล้านล้านบาทเร่งโครงการรถไฟฟ้า-ทางด่วน-ถนน             
 


   
search resources

Transportation




“สันติ พร้อมพัฒน์” เดินหน้าโครงการเมกกะโปรเจกต์ทั้งรถไฟฟ้า ทางด่วน ถนน มูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาท เด้งรับนโยบายนายกฯผลักดันรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวและสีชมพูมูลค่ากว่า 1.4 แสนล้านบาท พ่วงท้ายโครงการถนนปลอดฝุ่น มูลค่า 34,290 ล้านบาท ปูทางเอาใจคนรากหญ้า

โครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่รัฐบาลกำลังเร่งรัดให้มีการก่อสร้างโดยเร็วเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาจราจร และเพื่อเป็นผลงานของรัฐบาลที่จะใช้เป็นแนวทางในการหาเสียงเลือกตั้งในสมัยหน้า แต่ทั้งนี้ด้วยจำนวนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่รัฐบาลมีแผนจะก่อสร้างทั้งหมด 9 เส้นทาง จะต้องใช้เม็ดเงินมูลค่ามหาศาล ในขณะที่ประเทศไทยไม่มีเงินมากขนาดที่จะใช้เงินในประเทศก่อสร้างทั้ง 9 เส้นทางได้ ดังนั้นแนวทางที่รัฐบาลหาทางออกคือการขอกู้เงินจากแหล่งเงินต่างประเทศเพื่อใช้ในการลงทุนซึ่งสูงถึง 1.304 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว

กระทรวงคมนาคม เป็นกระทรวงที่มีโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการที่ต้องรับผิดชอบและมีใช้เม็ดเงินลงทุนสูงกว่าทุกกระทรวง โดยโครงการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมมีการบรรจุโครงการไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปี2552 มูลค่า 81,028 ล้านบาท เพื่อเสนอให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) พิจารณาหาแหล่งเงินกู้ เช่น โครงการก่อสร้างทางสายหลัก 4 ช่องจราจร ระยะที่ 2 ที่กรมทางหลวงรับผิดชอบ(ทล.) ซึ่งจะใช้เงินกู้จากADB World Bank มูลค่า 5,620 ล้านบาท โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ ถ.นนทบุรี 1 รับผิดชอบโดยกรมทางหลวงชนบท(ทช.) ใช้เงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ ไจก้า มูลค่า 2,657 ล้านบาท การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)ซึ่งมีโครงการที่รับผิดชอบ 10 โครงการ เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต แอร์พอร์ตลิงค์ การปรับปรุงทางระยะที่ 5 เป็นต้น ซึ่งทั้ง 10 โครงการถือว่าเป็นโครงการหลักและโครงการต่อเนื่อง อยู่ระหว่างคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบ มีมูลค่าการลงทุนแบ่งเป็นกู้ในประเทศ 25,970 ล้านบาท และกู้ต่างประเทศ 20,258 ล้านบาท

ส่วนการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)รับผิดชอบ 2 โครงการ ประกอบด้วย สายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแคและช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และโครงการต่อเนื่องสายเฉลิมรัชมงคล โดยใช้เงินกู้ต่างประเทศ 9,500 ล้านบาทและเงินในประเทศ 900 ล้านบาท ขณะที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)รับผิดชอบ 3 โครงการใช้เงินกู้ในประเทศทั้งหมด 4,300 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี โครงการทางพิเศษรามอินทรา-วงแหวนรอบนอกกทม.และโครงการทางพิเศษบางพลี-สุขสวัสดิ์ รวมใช้เงินลงทุน 81,027 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีโครงการเร่งด่วนที่จะต้องขอกู้เงินอีก 82,410 ล้านบาท และโครงการที่อยู่ในแผนกู้เงิน 3 ปี(2553-2555)โดยกระทรวงฯจะเสนอต่อสศช. มูลค่า 175,521 ล้านบาท รวมถึงโครงการระบบรถไฟฟ้าที่ต้องใช้เงินกู้อีก(2551-2558) 965,400ล้านบาท

สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงการคลัง โดยสบน.จะเป็นผู้รับผิดชอบจัดหาเงินกู้ทั้งใน และต่างประเทศมาใช้ก่อสร้างระหว่างปี 2552-2558 รวมมูลค่า 1.304 ล้านล้านบาท โดยจะใช้เงินกู้ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องปี 2551-2558 มูลค่ารวม 965,400 ล้านบาท มีโครงการที่ต้องเร่งรัด 5 เส้นทาง ประกอบด้วย 1.รถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ 2. สายสีเขียวเข้มหมอชิต-สะพานใหม่ 3.สายสีเขียวอ่อน ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 4. สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน และบางซื่อ-รังสิต และ 5.สายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ซึ่งจะประกวดราคาทั้ง 5 เส้นทาง ภายในปีนี้

ทั้งนี้กระทรวงจะเสนอก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว 2 เส้นทาง ในส่วนของงานโยธา 40,000 ล้านบาท ให้ที่ประชุมครม.พิจารณาอนุมัติ โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้หาแหล่งเงินกู้ซึ่งเบื้องต้นจะใช้วิธีการออกพันธบัตร ในดอกเบี้ยไม่เกิน 5%

ส่วนสายสีน้ำเงินนั้น กระทรวงการคลังจะเจรจากับไจก้า เพื่อเร่งรัดปล่อยเงินกู้ และให้เปิดประกวดราคาในส่วนของงานโยธาก่อน หลังจากนั้นจึงประกวดราคางานระบบรถไฟฟ้า ขณะที่สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต กระทรวงจะให้ ร.ฟ.ท. เป็นผู้รื้อย้ายผู้บุกรุก ตามข้อเสนอของไจก้า

ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมได้เสนอขอใช้เงินกู้ระยะเร่งด่วนเพิ่มเติม อีก 2 เส้นทาง คือ ช่วงพหลโยธิน-พรานนกส่วนต่อขยายสายสีเขียว มูลค่า 65,900 ล้านบาทและช่วงแคราย-มีนบุรี ส่วนต่อขยายสายสีชมพู 75,000 ล้านบาท รวมมูลค่าลงทุนส่วนต่อขยาย 140,900 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ต้องเร่งรัดตามแผนระยะเร่งด่วนอีก 2 โครงการ คือ การก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา มูลค่า 48,120 ล้านบาท อยู่ระหว่างการจัดหาที่ดินเพื่อการก่อสร้างและรูปแบบการลงทุนว่าจะใช้วิธีการลงทุนแบบรัฐบาลและเอกชนลงทุนร่วมกัน คือ พีพีพี (Public private Partnership : PPP) หรือจะเลือกวิธีการกู้เงินมาใช้สำหรับดำเนินโครงการ และโครงการยกระดับมาตรฐานทางหลวงชนบท (ถนนปลอดฝุ่น) ระยะทางกว่า 7,200 กม. มูลค่าประมาณ 34,290 ล้านบาทซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอครม.พิจารณา

ด้านสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่าสนข.อยู่ระหว่างดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่เร่งรัดให้ดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้า 2 เส้นทางในปี 2552 ในวงเงิน 140,900 ล้านบาท คือ สายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงพหลโยธิน-พรานนก โดยเริ่มจากพหลโยธิน บริเวณเซ็นทรัลลาดพร้าวตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตต่อไปยังมักกะสัน-หลานหลวง เข้าสู่ถนนราชดำเนินและก่อสร้างอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเชื่อมไปยังศิริราช และสิ้นสุดโครงการที่พรานนก 18 สถานี ระยะทา 17 กม. แบ่งเป็นโครงสร้างใต้ดิน 9 กม. และทางยกระดับ 8 กม. เงินลงทุน 65,900 ล้านบาท และโครงข่ายส่วนต่อขยายสายสีชมพู เริ่มจากแคราย-ปากเกร็ด-แจ้งวัฒนะ-ศูนย์ราชการ-หลักสี่-รามอินทรา-มีนบุรี เพื่อเชื่อมต่อกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในอนาคต 22 สถานี ระยะทาง 35 กม. เป็นทางยกระดับตลอดเส้นทางและใช้รถไฟฟ้าแบบ HEAVY RAIL เงินลงทุน 75,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้รฟม.เป็นผู้ดำเนินการ

ทั้งนี้ในส่วนของสายสีชมพู สนข.ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดโครงการเบื้องต้นแล้ว จะได้ข้อสรุปประมาณต้นปี 2552 โดยสายสีชมพูจะเป็นสายที่รองรับการเดินทางของประชาชน ที่จะมาทำงานภายในศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ซึ่งในเดือน มี.ค.2552 จะมีศูนย์ราชการเกิดขึ้นรวม 29 หน่วยงาน และจะมีบุคลากรไม่ต่ำกว่า 20,000 คนต่อวันมาทำงานที่ศูนย์ราชการ ส่วนสายสีเขียวจะรองรับการเดินทางของประชาชนในเขตธุรกิจ อีกทั้งบริเวณถนนราชดำเนินไม่มีระบบขนส่งมวลชนรองรับ ทั้งนี้ทั้ง 2 เส้นทางจะสามรถเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และช่วงสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิตได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us