Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2532








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2532
วันสุดท้ายของบัวหลวงประกันภัย             
โดย ภัชราพร ช้างแก้ว
 


   
search resources

บัวหลวงประกันภัย
Insurance




ภายหลังจากที่สำนักงานประกันภัยตัดสินใจใช้มาตรการหานักลงทุนมาเทคโอเวอร์บัวหลวงฯ โดยสำนักงานฯเข้าตรวจสอบเคลียร์หนี้สินบริษัท หามูลหนี้ที่แท้จริงพร้อมกับดำเนินการเจรจาประนอมหนี้ที่มีต่อบริษัทประกันภัยด้วยกัน และทาบทามผู้สนใจมากซื้อกิจการนั้น

ปรากฏว่าเมื่อเคลียร์หนี้สินออกมาแล้ว ตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 91.2 ล้านบาท

ดังนั้นตัวเลขที่เคยทาบทามเจรจากันในราคา 35 - 40 ล้านบาท จึงไม่เพียงพอที่จะนำมาชดใช้หนี้สิน

อีกทั้งการที่ตัวเลขมูลหนี้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทำให้ผู้สนใจจะเทคโอเวอร์หลายคนชักยอด เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะหนี้สินโผล่ขึ้นมาอีกตรงไหนเมื่อไร

ชะลอ เฟื่องอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานฯ จึงได้เรียกตัวแทนจากสมาคมประกันวินาศภัยเข้าปรึกษาหรือหาทางแก้ไขปัญหาบัวหลวงฯให้ได้ โดยชลอได้มอบเอกสารตัวเลขหนี้สินบัวหลวงฯทั้งหมดที่แต่เดิมมอบหมายให้เสริมศักดิ์ สุวรรณณาคาร ผู้อำนวยการกองกำกับและและตรวจสอบ สำนักงานประกันภัยดูแลอยู่ให้แก่ ประสาน นิลมานัตต์ ผู้จัดการทั่วไปบริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด ตัวแทนสมาคมฯไปศึกษาร่วมกับสมาชิกของสมาคมฯ

ประเด็นสำคัญที่ทำให้ชลอต้องเรียกสมาคมฯมาร่วมแก้ปัญหาด้วยนั้น นอกเหนือจากที่วาหนี้สินมีจำนวนสูงมากแล้ว ยังมีเหตุมาจากการที่สำนักงานเน้นความรับผิดชอบที่จะให้ความคุ้มครองต่อผู้เอาประกันที่กรมธรรม์ยังไม่หมดอายุ

การจะให้ความคุ้มครองได้อย่างต่อเนื่องนั้นต้องอาศัยความช่วยเหลือจากบริษัทประกันภัยอื่น ๆ ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดคือผลักภาระเรื่องนี้ให้แก่สมาคมฯ

โดยข้อเรียกต่อสมาคมฯก็คือให้รับช่วงการคุ้มครองกรมธรรม์ของผู้เอาประกันที่ยังไม่หมดอายุ ทั้งนี้อาจมีการเฉลี่ยกันในบริษัทสมาชิกที่รับประกันรถยนต์

ตัวแทนของสมาคมฯที่ร่วมเจรจาปัญหาบัวหลวงฯครั้งนี้ก็คือ 11 บริษัทชั้นนำในการรับประกันรถยนต์ อันได้แก่ วิริยะ บางกอกสหรัฐฯนวกิจ กรุงเทพฯ นิวแฮมเชอร์ สหวัฒนา รัตโกสินทร์ ประกันคุ้มภัยนำสิน คุ้มเกล้าประกันภัย และไทยวิวัฒน์

ผู้ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงก็คือประสานจากวิริยะ วิรัช อัศว์ศิวะกุลจากรัตนโกสินทร์ วรวุทธ ตั้งก่อสกุลจากประกันคุ้มภัย

ประสานได้ขอให้มีการเรียกประชุมด่วนคณะกรรมการสมาคมฯในวันที่ 25 มกราคม 2532 เพื่อปรึกษาหารือทำข้อเสนอแนวทางแก้ไขให้แก่ชลอในวันรุ่งขึ้น

การประชุมเมื่อ 25 มกราคมนั้นเริ่มแต่ 15.30 น. ไปสิ้นสุดเอาเมื่อ 18.30 น. ล่วงแล้ว โดยยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ เพียงแต่มีแนวทางกว้าง ๆ ไปคุยกับนายทะเบียนเท่านั้น

แนวทางกว้าง ๆ นั้นมาจากความเห็นของประสานและวิรัชโดยเสนอให้สมาคมฯรับเอาทั้งหนี้สิน "เน่าๆ " และเข้าซื้อกิจการบัวหลวงฯเสียพร้อมกันไป

ประสานกล่าวว่า "ถ้าสมาคมฯต้องเสียเงิน 30 ล้านบาทเพื่อจัดการเรื่องกรมธรรม์ที่ยังไม่หมดอายุของบัวหลวงฯ ทำไมสมาคมฯจะจ่ายอีกสัก 30 ล้านบาทเพื่อซื้อบัวหลวงฯมาไม่ได้ ซึ่งในไม่เกิน 3-5 ปีสมาคมฯก็สามารถถอนทุนคืนจากบริษัทประกันที่จะตั้งขึ้นใหม่แทนบัวหลวงฯได้"

ข้อเสนอนี้ได้รับความสนใจจากที่ประชุมสมาคมฯ แม้จะยังมีความเห็นแตกต่างกันในรายละเอียดเรื่องการรับกรมธรรม์ที่ยัไงม่หมดอายุ และวงเงินที่บริษัทจะต้อง "ลงขันเพื่อส่วนรวม" ครั้งนี้รวมไปถึงปัญหาในอนาคตเกี่ยวกับเรื่องกาเรปิดบริษัทใหม่โดยใช้ใบอนุญาตบัวหลวงฯ และการจัดรูปแบบบริหาร

ครั้น 26 มกราคม ตัวแทนสมาคมฯ คือวิรัชและวรวุทธ ก็ได้เข้าพบกับชลอเพื่อนเสนอแนวทางกว้าง ๆ ปรากฏว่าในวันนั้นไดมีผู้แจ้งความจำนงสนใจซื้อบริษัทบัวหลวงฯอีกหลายราย ทั้งที่เป็นคนจากวงการประกันภัยเองโดยแหกคอกไม่ยอมร่วมกับสมาคมประกัน วินาศภัย นอกจากนี้ก็มีคนจากวงการธนาคาร และผู้ประกอบกิจการบริษัทเงินทุน

แต่ในบรรดาข้อเสนอของผู้สนใจซื้อบัวหลวงฯทั้งหลายนั้นปรากฏว่าข้อเสนอของสมาคมฯเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจและดีที่สุด ทั้งนี้เพราะสมาคมฯขอรับซื้อทั้งหนี้สินและใบอนุญาต ขณะที่รายอื่น ๆ นั้นสนใจแต่จะซื้อใบอนุญาตเท่านั้น

โดยความเป็นจริงผู้ที่จะช่วยสำนักงานจัดการหนี้สินและกรมธรรม์ที่ยังไม่หมดอายุของบัวหลวงฯได้ดีที่สุดก็คือสมาคมฯ หรือนัยหนึ่งก็คือคนในวงการประกันภัย โดยเฉพาะประกันรถยนต์ด้วยกันนั่นเอง

ขั้นตอนการแก้ไขบัวหลวงฯที่สมาคมฯจะทำหลังจากมีการปิดกิจการบัวหลวง และสมาคมฯได้รับอนุญาตให้เข้าเทคโอเวอรืก็คือจะมีการระดมเงินจากบริษัทสมาชิกทั้งหมด หรือหากมีบริษัทใดไม่ยอมเข้าร่วมก็อาจจะรดดมเอาจากบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ "น็อค ฟอร์น้อค" (เป็นโครงการให้ความร่วมมือระหว่างสมาชิกในการที่จะไม่เรียกชดใช้ค่าเสียหายระหว่างกัน โดยต่างฝ่ายต่างช่วยเมื่อลูกค้าเป็นคู่กรณีในกลุ่ม)

วงเงินที่จะระดมมานี้คาดวาอยู่ในราว 40 ล้านบาท โดยจะนำมาใช้จ่ายให้แก่ผู้เอาประกันซึ่งมีตัวเลขรวม 24.2 ล้านบาท ทั้งนี้สำนักงาฯและสมาคมฯมีความเห็นพ้องกันในการที่จะจ่ายแก่ผู้เอาประกันเหล่านี้ 100% ส่วนหนี้สินในกลุ่มเจ้าหนี้นั้นจะไม่จ่ายเต็ม 100% แต่จะเจรจาลดหย่อนลงได้มาก

ประสานจากวิริยะประกันภัยซึ่งเป็นบริษัทรับประกันรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งเวลานี้กล่าวแก่ "ผู้จัดการ" ในค่ำวันที่ 26 มกราคมหลังจากเขาพบกับชลออย่างไม่เป็นทางการว่า "ผมสบายใจมากที่ปัญหานี้จะแก้ไขได้อย่างเรียบร้อย ในที่สุด คืนนี้คงได้นอนหลับสบาย หลังจากที่นอนไม่หลับมาหลายคืน"

ส่วนชลอนั้นก็เริ่มมีสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นบ้างในงานครบรอบ 60 ปีบริษัทบางกอกสหประกันภัย จำกัดของนายกสมาคมประกันวินาศภัยมาลินี เลี่ยวไพรัตน์ ซึ่งภายหลังจากที่งานเลิกแล้วชลอได้ควงทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สุบินน ปิ่นขยัน และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงฯ ชูชีพ หาญสวัสดิ์ ที่มาร่วมเป็นประธานในงานลงไปทานอาหารชั้นใต้ดินโรงแรมดุสิตธานี คาดว่าคงทำทำการเจรจามาตรการแก้ไขปัญหาบัวหลวงฯและเสนอขอปิดบริษัทด้วย

ในงานเดียวกัน ประสานได้ทำหน้าที่ล่าลายเซ็นบริษัทที่จะร่วม "ลงขัน" เพื่อเทคโอเวอร์บัวหลวงฯ และดูเหมือนจะได้ลายชื่อเป็นที่น่าพอใจ

หลังจากนั้นประสานในนามสมาคมประกันวินาศภัยก็จะยื่นหนังสือของสมาคมฯพร้อมลายเซ็นเหล่านี้ เพื่อขอชี้กิจการและรับผิดชอบเรื่องหนี้สินของบริษัทบัวหลวงฯต่อนายทะเบียนสำนักงานประกันภัย

หนังสือของสมาคมฯฉบับนี้ จะได้รับการอนุมัติจากนายทะเบียนวินาศภัยเป็นทางออกที่ดูเหมือนกับดีสำหรับสำนักงานประกันวินาศภัยวิกฤติการณ์ดูเหมือนกับได้รับการแก้ไขแล้ว แต่หากมองกันให้ลึกซึ้งจะเห็นว่าเกิดมีปัญหาอีกชุดหนึ่งสืบเนื่องต่อมา

ประการแรกการที่สมาคมฯเข้าโอบอุ้มเทคโอเวอร์บัวหลวงฯครั้งนี้ เป็นผลมาจากความพยายามผลักดันของประสานแห่งวิริยะ และกลุ่มบริษัทผู้รับประกันรถยนต์โดยเฉพาะกลุ่มน็อค ฟอร์ น็อค โดยในระหว่างการเจรจานั้นได้มีความเห็นแตกต่างกันเป็นหลายแนวทั้งนี้ก็เพราะจำนวนเงินที่แต่ละบริษัทต้อง "ลงขันเพื่อส่วนรวม" ครั้งนี้เป็นตัวเลขมากกว่าหกหลักขึ้นไป จึงต้องมีการคิดกันให้ละเอียดรอบคอบ

หลังจากเข้าเทคโอเวอร์แล้ว สมาคมฯยังจะต้องมีการคุยกันในรายละเอีดยว่าจะเปิดบริษัทใหม่อย่างไร ใครเป็นผู้บริหาร

แนวคิดหนึ่งที่มีการเสนอขึ้นมาโดยกลุ่มของประสานก็คือให้ใช้นโยบายเดียวกับการจัดตั้งบริษัทไทยรับประกันต่อ จำกัด ซึ่งเป็นผลงานความร่วมมือของสมาชิกสมาคมฯ โดยให้มุ่งเน้นงานรับประกันต่อภายในประเทศ ส่วนบริษัทไทยรับประกันต่อก้ให้หันไปผลักดันให้เข้าเป็นบริษั่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อให้เป็นบริษัทมหาชนอีกด้วย

อย่างไรก็ดีนั่นเป็นแนวคิดในแง่บวกในการที่จะใช้ประโยชน์จากใบอนุญาตของบัวหลวงฯ ซึ่งหลายคนก็เปรยอกมาว่าหากไม่สามารถตกลงกันจัดการกับบริษัทที่จะตั้งใหม่ได้ ก็ไม่ต้องทำอะไรเลยปล่อยใบอนุญาตนั้นว่างไว้เฉย ๆ ก็ได้

ปัญหาสำคัญที่น่าสนใจและทิ้งไว้สำหรับผู้เกี่ยวข้องกับวงการประกันภัยทั้งหลาย ก็คือคำถามที่บริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งถามต่อนายทะเบียนในคราวที่มีการประชุมกัน 11 บริษัทร่วมกับสำนักงานนคือ มาตรการป้อกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ในวงการประกันภัยอีกและมาตรการท่ำสนักงานจะจัดการกับผู้บริหารบัวหลวงฯอย่างเด็ดขาด

วันสุดท้ายของบัวหลวงฯในวันนี้เห็นจะไม่ทิ้งอะไรไว้เป็นอนุสรณ์ความดีงามสำหรับนามของบัวหลวงประกันภัยรวมไปถึงชื่อของผู้บริหารทุกคน

แต่สิ่งที่ทิ้งไว้ให้สำนักงานฯ สมาคมฯ บริษัทประกันภัย และผู้เอาประกัน รวมไปถึงอู่ในเครือประกันมีมากมายก่ายกอง

คนสองกลุ่มหลังคงจะเข็ดขยาดบริษัทประกันประเภทนี้ไปอีกนาน

ส่วนคนสามกลุ่มแรกคงจะได้รับประสบการณ์ในการที่จะไปปรับปรุงมาตรฐานการทำงาน การตรวจสอบการให้บริการให้รัดกุมเข้มงวดกันมากขึ้น

หวังว่าจะไม่มีที่สุดของการเจ๊งยิ่งกว่าวันสุดท้ายของบัวหลวงฯ ให้เห็นกันอีก

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us