Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2551








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2551
ไอเอ็นจีสะเทือน             
โดย นภาพร ไชยขันแก้ว
 

   
related stories

บทเรียน ยุทธศาสตร์ และโอกาสบนสถานการณ์วิกฤติ
ยุคใหม่ของทุนนิยมโลก เริ่มต้น ณ บัดนี้
การล่มสลายของ America Inc.
ดูไบ มหานครแห่งความมั่งคั่ง
เอไอจีและเอไอเอความเชื่อมั่นที่ซื้อไม่ได้
สโกเทียแบงก์พลิกวิกฤติเป็นโอกาส
Shinsei Bank และ Tokyo Star Bank โอกาสบนซากผุพัง

   
www resources

ING Group Homepage
โฮมเพจ ไอเอ็นจีประกันชีวิต(ประเทศไทย)

   
search resources

Banking and Finance
ไอเอ็นจี กรุ๊ป
ธนาคารไอเอ็นจี




ปัญหาวิกฤติการเงินในสหรัฐฯ ส่งผลกระทบสถาบันการเงินในกลุ่มยุโรปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่ธนาคารไอเอ็นจี ประเทศเนเธอร์แลนด์ 1 ใน 20 ธนาคารขนาดใหญ่ของโลกก็ยังได้รับแรงกระแทกจนซวนเซเช่นเดียวกัน

ธนาคารไอเอ็นจีไม่ใช่สถาบันการเงินแรกของยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินของสหรัฐอเมริกา แต่ก่อนหน้านี้ธนาคารฟอร์ติส สถาบันการเงินรายใหญ่อันดับ 1 ของเบลเยียมต้องรับความช่วยเหลือมูลค่า 1.12 แสนล้านยูโรจากรัฐบาลเบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก

แบรดฟอร์ด แอนด์ บิงลีย์ สถาบันปล่อยกู้อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่สุดของอังกฤษก็ถูกรัฐบาลเข้าไปควบคุมกิจการไปแล้ว

รวมถึงรัฐบาลเยอรมนีร่วมกับธนาคารพาณิชย์และบริษัทประกันภายในประเทศจัดตั้งวงเงินกู้ฉุกเฉินให้กับบริษัท ไฮโป เรียล เอสเตท สถาบันการเงินด้านการจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของเยอรมนี หลังจากบริษัทขาดสภาพคล่องอย่างหนัก

ผลกระทบที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศยุโรปยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา รัฐบาลเนเธอร์ แลนด์ได้ประกาศอัดฉีดเงินจำนวน 1 หมื่น ล้านยูโร หรือ 1.34 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับธนาคารไอเอ็นจีเพื่อเสริมสภาพคล่องจากผลกระทบวิกฤติการเงินของสหรัฐอเมริกา ซึ่งความช่วยเหลือนี้เกิดขึ้นภายหลังที่ธนาคารไอเอ็นจีได้ประกาศว่าผลประกอบการในไตรมาส 3 อาจต้องขาดทุนราว 500 ล้านยูโร

เพื่อป้องกันความแตกตื่นของลูกค้า ไอเอ็นจี 85 ล้านรายทั่วโลกที่ใช้บริการผ่านธนาคารและบริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในปัจจุบัน อาทิ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และธุรกิจประกันภัย

การเร่งดำเนินการนี้เพื่อสยบข่าวลือ ที่แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็วถึงความไม่มั่นคงของธนาคารทำให้ฝ่ายสื่อสารองค์กรต้องทำงานอย่างหนักเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านทั้งงานแถลงข่าวและเอกสาร ข่าวไปยังสื่อสารมวลชนทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย

ไอเอ็นจีเข้ามาลงทุนธุรกิจในเมืองไทยหลายประเภท ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการ กองทุน ธุรกิจประกันชีวิต ล่าสุดได้เข้าไปถือหุ้นในธนาคารทหารไทยในฐานะผู้ถือหุ้น ใหญ่ จำนวน 26.4%

ในเอกสารข่าวได้เปิดเผยคำพูดของ Michel Tilmant CEO ของไอเอ็นจี กรณีภาครัฐเข้ามาเพิ่มทุน เขาบอกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเพิ่มสำรองเงินทุนเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการแข่งขันของธนาคารภายใต้สภาพตลาดที่เปลี่ยน แปลงไป

พร้อมกันนี้ในเอกสารข่าวยังได้ชี้แจงถึงจำนวนเงิน 1 หมื่นล้านยูโรจะไปอยู่ ณ จุดใดบ้าง และไอเอ็นจีได้วางแผนนำเงินจำนวนดังกล่าว โดยเงินจำนวน 5 พันล้านยูโรจะนำไปเพิ่มสัดส่วนของผู้ถือหุ้นในธนาคารไอเอ็นจี ส่วนเงินอีก 2 พันล้านยูโรจะเพิ่มในงบดุลธุรกิจประกันชีวิตและอีก 3 พันล้านยูโรจะนำไปลดสัดส่วนของหนี้รวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในไอเอ็นจี กรุ๊ป จาก 15% ให้เหลือประมาณ 10%

ฮานส์ แวนเดอร์ นอร์ดา ผู้บริหารไอเอ็นจีที่ดูแลธุรกิจประกันชีวิตในเอเชียแปซิฟิกบอกว่ายังเชื่อมั่นในการทำธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกและถ้ามีโอกาสจะขยายการลงทุนเพิ่มเติม

การรับมือกับข่าวที่แพร่กระจายออกไปทั่วโลกเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาของผู้บริหารไอเอ็นจีจากสำนักงานใหญ่และผู้บริหารที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันโดยยืนยันถึงความแข็งแกร่งของไอเอ็นจีที่ยังคงมีอยู่และการที่รัฐบาลให้การช่วยเหลือกลับกลายเป็นเรื่องที่ดีมากกว่าและถือเป็นความเท่าเทียม ที่ได้รับความช่วยเหลือเฉกเช่นสถาบันการเงินอื่นๆ

ราเจช เสฐฐี กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด ประจำประเทศ ไทย พยายามชี้ให้เห็นรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ไม่ได้เข้ามาถือหุ้นแต่เงินช่วยเหลือเปรียบเหมือนกับเป็นเกราะป้องกันไอเอ็นจี

ส่วนสถานภาพธุรกิจประกันในประเทศไทย เขายืนยันว่าไทยมีเงินทุน สำรอง 300% มีความแข็งแกร่งแต่ก็ยอมรับ ว่ามีความกังวลเช่นเดียวกันแต่หลังจากชี้แจงจะทำให้ลูกค้าเกิดความผ่อนคลายและบริษัทก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแผนการตลาดที่กำหนดไว้รวมทั้งการตลาดจะร่วมมือกับพันธมิตรมากขึ้นโดยเฉพาะร่วมทำตลาดกับบริษัทในเครือของไอเอ็นจี

ยิ่งกว่านั้นบริษัทยังกำหนดเป้าหมาย อัตราการเติบโตปีละ 20-40% เช่นเดิม โดยในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 6 พันล้านบาทจากปี 2550 มีรายได้ 5 พันล้านบาทและปัจจุบันที่มีลูกค้า 225,000 ราย

ในส่วนของธนาคารทหารไทยที่มีไอเอ็นจีถือหุ้นหลักยังไม่มีความเคลื่อนไหวกรณีเรื่องดังกล่าวมากนัก และรามากริชนาน สุบรามาเนียน ประธานเจ้าหน้าที่บริการลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ยังยืนยันในความมั่นคงของไอเอ็นจี และการทำธุรกิจธนาคารภายใต้โมเดล Universal Banking ยังเหมาะสมกับสภาวะวิกฤติในปัจจุบันโดยเน้นให้บริการพื้นฐานผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของธนาคารโดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

ส่วนวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากสถาบันการเงินที่เน้นให้บริการในรูปแบบ Universal Banking แต่การล่มสลายเกิดจากบริการวาณิชธนกิจ หรือ Investment Banking (IB)

อย่างไรก็ดี ผลกระทบจากวิกฤติ ครั้งนี้ไอเอ็นจีจะได้รับมากน้อยเพียงใดอาจยังไม่สามารถบอกได้ในเวลานี้เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นไม่นาน แต่ต้องดูผลในอีกสักระยะหนึ่งเพราะนักวิเคราะห์ต่างประเทศมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะซึมนานถึง 2 ปี

แต่ที่แน่ๆ ผู้ถือหุ้นได้รับผลไปแล้วเพราะไอเอ็นจีได้ตัดสินใจงดจ่ายเงินปันผลงวดสิ้นปี 2551 นั่นหมายถึงในปีนี้ไอเอ็นจีจ่ายเงินปันผลรวม 0.74 ยูโรต่อหุ้นตามที่ได้จ่ายไปแล้วเมื่อกลางปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทของไอเอ็นจีทุกคนตัดสินใจงดรับเงินโบนัสประจำปีที่มาจากผลการดำเนินงานปีนี้ไม่ว่าจะเป็นในรูปเงินสด option หรือหุ้นก็ตาม และกำหนดการชดเชยหากผู้บริหารลาออกก็จะได้เงินชดเชยไม่เกินเงินเดือน 1 ปีเท่านั้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us