Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2532








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2532
DPZ ฝันที่เป็นจริง             
 


   
search resources

ประจวบ ไชยสาส์น
Telecommunications




ความคิดในการจัดตั้ง DPZ (DATA PROCESSING ZONE) หรือ เขตอุตสาหกรรมข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น ถูกตั้งข้อสงสัยในเบื้องแรกว่า ไม่ได้เป็นเรื่องจริงจังอะไรนัก เป็นเรื่องที่ออกมาแก้ลำเพื่อให้เรื่องอบาคัสของการบินไทยตกไปเท่านั้น เพราะ DPZ เพิ่งจะมีการพูดถึงก็เมื่อการบินไทยเสนอเรื่องอบาคัสต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เท่านั้น ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีการพูดถึงเลย

แม้กระทั่งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่หกก็ไม่ได้เอ่ยถึง DPZ สักคำ

ยิ่งมาดูความพร้อมในแง่โครงสร้างพื้นฐานทางการสื่อสารโทรคมนาคมของบ้านเราแล้ว เอากันแค่ยกหูโทรศัพท์คุยกันระหว่างบางลำภูกับประตูน้ำ ก็ไม่ว่ายที่จะมีเสียงเพลงแซมเข้ามาประกอบการสนทนาเรื่องที่จะไปพูดถึงการส่งข้อมูลข้ามประเทศในเวลาชั่วเสี้ยววินาที ก็เป็นอันเลิกคิดได้

จึงช่วยไม่ได้ที่ DPZ ในสายตาของเรา ๆ ท่าน ๆ จะเป็นไปได้ก็เพียงความฝันอันแสนไกลที่ไม่รู้ว่าจะไปให้ถึงได้เมื่อไร

ว่าไปแล้วเรื่อง DPZ นี่ก็เพิ่งจะมาคิดกันจริง ๆ จัง ๆ ก็ในรัฐบาลชุดนี้จริง ๆ นั่นแหละ บังเอิญไปพ้องกับเรื่องอบาคัสเข้า ก็เลยเข้าใจกันไปว่าเป็นข้ออ้างที่จะไม่ให้อบาคัสได้เกิด

ครม.มีมติเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมปีที่แล้ว ตามข้อเสนอของกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงานให้ตั้งคณะกรรมการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศขึ้นมาเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้ง DPZ ขึ้นในเมืองไทย โดยมีประจวบไชยสาส์น เจ้ากระทรวงเป็นประธาน

"เราก็มานั่งดูว่า ถ้าต้องการให้ประเทศไทยเป็น DPZ ต้องรื้ออะไรบ้างระบบเครือข่ายจะต้องวางสาย OPTICAL FIBRE ไปทั่วโลกหรือไปเชื่อมต่อกับใคร ต้องลงทุนเท่าไร ใช้เวลาเท่าไร ด้านการนำเข้าฮาร์แวร์ซอฟท์แวร์และคนที่จะเข้ามาเป็นผู้เชี่ยวชาญจะต้องแก้ไขโครงสร้างภาษีอะไรบ้าง" ประจวบรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงฯ อธิบายภาระหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้ให้ "ผู้จัดการ" ฟัง

คณะกรรมการชุดนี้นอกจากจะประกอบด้วยกรรมการจากกระทรวงวิทยาศาสตร์เองแล้ว ยังมีตัวแทนจากบีโอไอกรมศุลกากร ผู้เชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ และตัวแทนจากคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรีเข้ามาเป็นกรรมการด้วย คือ ดร.เลอสรร ธนสุกาญจน์ ที่ปรึกษาทางด้านเทคโนโลยีของนายกรัฐมนตรี

ความคิดเรื่อง DPZ ก่อตัวขึ้นมาจากความตระหนักในความเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่จะมีผลโดยตรงต่อบทบาทของไทยในภูมิภาคนี้ในอนาคตอันใกล้

ความเปลี่ยนแปลงข้อแรกคือ ความเปลี่ยนแปลงของการเมืองในระดับอภิมหาอำนาจ เมื่อประธานาธิบดีมิกคาอิล กอร์บาชอฟของโซเวียตมีท่าทีผ่อนคลายอุณหภูมิสงครามเย็นเพื่อให้นโยบายเปเรสตรอยก้าเป็นจริง

การหันหน้ามาจับเข่าคุยกันระหว่างสหรัฐฯกับโซเวียตและแผนการเดินทางไปเยือนจีนของกอร์บาชอฟในปีนี้ คือสัญญาณแห่งความคลี่คลายของความขัดแย้งทางด้านอุดมการณ์ระหว่างพี่เบิ้มในโลกใบนี้

ความเปลี่ยนแปลงในข้อแรกนี้นำมาสู่สถานการณ์ใหม่ของการเมืองในอินโดจีนเวียดนาม กำลังเปิดประเทศต้อนรับการลงทุนจากต่างชาติเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใน นโยบายต่างประเทศของลาวที่รู้จักกันต่างประเทศของลาวที่รู้จักกันในชื่อว่า "จินตนาการใหม่" ซึ่งเน้นการอยู่ร่วมกันฉันท์มิตรกับเพื่อนบ้าน ในขณะที่สถานการณ์ในกัมพูชากำลังรอการลงตัวของสันติภาพ ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ คือสัญญาณของการยุติการสู้รบ หันมาทำมาหากินกันของกลุ่มประเทศอินโดจีน เช่น เดียวกับพม่าที่ความขัดแย้งทางการเมืองเมื่อปีที่แล้วทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนพัฒนาประเทศไปสู่ความทันสมัยมากยิ่งขึ้น

ทั้งอินโดจีนและพม่าอาจจะเรียกได้ว่าเป็นพรมหมจรรย์ทางเศรษฐกิจที่ยังปลอดจากการลงทุนของต่างประเทศ ยังมีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มาก การเปิดประเทศก็คือการเปิดตลาดขนาดใหญ่ ทั้งในแง่การบริโภคของประชาชนที่มีอยู่ 60 ล้านคน และโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อีกมากมาย

ความเปลี่ยนแปลงในประการที่สามคือ ประเทศที่เคยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคอย่างฮ่องกงและสิงคโปร์กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ฮ่องกงกำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของคนจีนในปี 1997 ในสิงคโปร์ ลีกวนยูย่างเข้าสู่บั้นปลายของชีวิต สำหรับประเทศที่ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับคน ๆ เดียวมาเป็นเวลานานถึง 30 ปี การเปลี่ยนแปลงผู้นำใหม่ย่อมมีผลกระทบถึงสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมอย่างแน่นอน

อนาคตที่ไม่แน่นอนของฮ่องกงและสิงคโปร์ทำให้ธุรกิจที่ลงหลักปักฐานอยู่ในสองประเทศนี้ ต้องมองหาถิ่นฐานใหม่และธุรกิจใหม่ที่ต้องการเข้ามาในแถบนี้ก็ต้องมองหาประเทศอื่นที่จะเป็นฐานของตนเอง

ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ทำหใไทยมีความสำคัญมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในแง่ของการเป็นสปริงบอร์ดสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้าสู่ตลาดอินโดจีนและพม่า และการเป็นฐานทางธุรกิจแทนฮ่องกง สิงคโปร์บวกกับสภาพแวดล้อมทางการเมือง สังคมและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงถึง 8-9 เปอร์เซ็นต์ต่อปีโดยเฉลี่ยทำให้เห็นกันไม่ยากนักว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้แน่นอน

DPZ เกิดขึ้นเพื่อรองรับสถานะใหม่ของประเทศไทย ในแง่ของสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านโทรคมนาคมสื่อสารระหว่างประเทศซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจระหว่างประเทศ

ระบบการสื่อสารของเรานั้น รู้ ๆ กันอยู่ว่าเป็นอย่างไร "เราถูกด่าอยู่ทุกวันว่า ระบบการติดต่อโทรคมนาคมเชื่อถือไม่ได้เลย" ดร.เลอสรร กล่าวกับ "ผู้จัดการ"

เรื่องที่จะแก้ไขปรับปรุงโครงสร้างเดิม ๆ ที่มีอยู่แล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะต้องใช้เงินทุนมหาศาล ระยะเวลาที่ยาวนาน และระเบียบขั้นตอนราชการไทย ๆ ที่ล่าช้า

"DPZ เป็นเหมือนกระดาษหกที่เป็นทางลัดในการทำให้เราเป็นศูนย์กลางการโทรคมนาคมที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพในภูมิภาคนี้ แทนที่จะไปเสียเวลากับการแก้ไขสิ่งที่มีอยู่" ดร.เลอสรร อธิบาย

ความคิดเรื่อง DPZ จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสัมพันธ์กับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต เป็นรูปธรรมของการช่วงชิงโอกาสที่เกิดขึ้จากการเปลี่ยนแปลงนี้ให้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติให้มากที่สุด

"เท่าที่เราเฝ้าดูอยู่เดี๋ยวนี้คือเจตนารมณ์ของรัฐบาล เรื่องนี้เอาจริงไหม คำตอบคือเอาจริงนายกชัดเจน" ประจวบ ย้ำกับ "ผู้จัดการ" ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ฝันกลางวันแน่ ๆ ถ้ารัฐบาลนี้ยังอยู่

ในทางเทคนิคแล้ว DPZ ก็คือโซน ๆ หนึ่งที่ประกอบไปด้วยอาคาร หรือกลุ่มอาคารที่เป้นสาถนที่ติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในทางโทรคมนาคมระบบดิจิตอล ซึ่งเชื่อมต่อกับศูนย์ดาวเทียมที่อยู่ในโซนนี้ด้วย

"การติดต่อจากต่างประเทศมาลงที่ศูนย์ดาวเทียมนี้แล้วส่งผ่านไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้บริการ ที่อาจจะอยู่ในโซนนี้หรืออยู่ข้างนอกก็ได้ถ้าอยู่นอกโซนก็จะส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายของการสื่อสารหรือองค์การโทรศัพท์ที่มีอยู่แล้ว เวลาส่งข้อมูลออกไปต่างประเทศก็มีขั้นตอนแบบเดียวกัน" ดร.เลอสรร พูดถึงหลักการทำงานอย่างง่าย ๆ ของ DPZ

ตัวอย่างของการใช้ประโยชน์จาก DPZ คือ การสำรองที่นั่งของสายการบนิที่เรียกกันว่า CRS ซึ่งการบินไทยตั้งชื่อว่าอบาคัส หรือการใช้บริการของหนังสือพิมพ์ต่างประเทศที่ต้องการมีตลาดใหญ่พอที่จะทำการพิมพ์ในประเทศไทย โดยส่งเนื้อข่าว รูปภาพที่จัดหาไว้เรียบร้อยแล้วในรูปของสัญญาณผ่านดาวเทียมมาที่ศูนย์ดาวเทียมใน DPZ สัญญาณจากศูนย์ดาวเทียมจะถูกส่งต่อไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของสำนักงานในประเทศไทย ซึ่งจะแปรสัญญาณกลับออกมาเหมือนต้นฉบับที่ต่างประเทศอีกทีหนึ่ง แล้วนำไปพิมพ์ออกจำหน่ายได้ทันที ไม่ต้องส่งหนักสือเป็นเล่ม ๆ ข้ามประเทศอีกต่อไป

คอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่นำเข้ามาใช้ใน DPZ นี้ จะได้รับการยกเว้นภาษี เช่นเดียวกับบุคลากรจากต่างประเทศที่จะเข้ามาทำงานในโซนนี้ก็จะได้รับการผ่อนผันในด้านการเข้าเมืองและภาษีด้วยเช่นเดียวกัน

"โดยหลักการแล้ว DPZ ก็เหมือนกับเขตอุตสาหกรรมการส่งออกที่ต้องมีการสร้างแรงจูงใจทางด้านภาษีด้วย"

ตามการประมาณการของคณะกรรมการชุดนี้แล้ว DPZ จะเกิดขึ้นได้ในเวลาไม่เกินสองปีนั่นคือปี 2534

"เราจะไม่ใช้เงินของรัฐบาลเลย" ดร.เลอสรร พูดถึงรูปแบบการลงทุนตั้ง DPZ ซึ่งจะตั้งเป็นบริษัทขึ้นมาลงทุนดำเนินงานและมีรายได้จากบริษัทธุรกิจที่ต้องการใช้บริการของ DPZ การสื่อสารแห่งประเทศไทยและองค์การโทรศัพท์จะถือหุ้นในบริษัทนี้ด้วย เพื่อเป็นตัวแทนรัฐบาลในการควบคุมการบริหารงานร่วมกับบริษัทเอกชน

"ตอนนี้ บริษัทข้ามชาติที่ทำธุรกิจโทรคมนาคมหลาย ๆ แห่งกำลังติดต่อขอข้อมูลเพื่อทำโครงการลงทุนอยู่"

เอาหละ ถ้าโครงการนี้เกิดฝันเป็นจริงขึ้นมาในปี 2534 อะไรเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้

สิงคโปร์ ซึ่งมีพื้นที่เพียงแต่ถนนสุขุมวิทตลอดทั้งสายหนาแน่นไปด้วยประชากรธุรกิจเพียง 2.5 ล้านคน หรืออีกนัยหนึ่งมีขนาดเพียงแค่เกือบครึ่งหนึ่งของกรุงเทพฯเท่านั้นในด้านความหนาแน่นของประชากรแต่ไหนแต่ไรมา เป็นศูนย์กลางการค้าบริการมาตลอด

ในปลายยุคลีกวนยู สิงคโปร์ประกาศตัวเด่นชัดต้องการเป็นศูนย์โทรคมนาคมในภูมิภาคนี้แบบผูกขาด ซึ่งนั่นคือ รายได้จากค่าต๋งบริการอันมหาศาล

ดังนั้น DPZ ของไทยตัวนี้มันจะกลายเป็นตัว BACK UP อย่างดี ที่ธุรกิจต่าง ๆ ที่ทำมาหากินในภูมิภาคนี้กับภูมิภาคอื่น ๆ จะสามารถ

ใช้ DPZ นี้ เป็นศูนย์ข้อมูลถ่ายทอดหรือสื่อสารด้วยระบบโทรคมนาคมไปยังเครือข่ายธุรกิจต่าง ๆ ทั่วโลก

ไทยก็จะได้ทั้งค่าต๋งจาก DPZ และปริมาณธุรกิจที่บริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ ของ โลก ที่แต่ก่อนเคยใช้ผ่านสิงคโปร์ ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ด้านกิจการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็จะไหลผ่านเข้ามาเมืองไทยแทน

และอุบัติการณ์ทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้ก็หมายถึงไทยได้กลายเป็น จุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกในสายตานักลงทุนยักษ์ใหญ่ไปในที่สุด…. ความหมายที่มีนัยสำคัญของ DPZ ก็อยู่ตรงนี้นั่นเอง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us