ปตท.สผ. โชว์ผลงานสวนกระแสเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว กำไรสุทธิไตรมาส 3 รวมเกือบ 1.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% ขณะที่งวด 9 เดือนเฉียด 3.5 หมื่นล้านบาท พุ่ง 66% ด้านผู้บริหารแจงยอดขายเฉลี่ย 3 ไตรมาสแรกปีนี้ยังพลาดเป้าที่ตั้งไว้วันละ 223,334 บาร์เรล พร้อมทบทวนแผนงาน-การลงทุนอย่างรอบคอบหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจชะลอตัวและแนวโน้มราคาน้ำมันลดลง
นายมารุต มฤคทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ รักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 12,983.87 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 3.93 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 7,045.80 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.14 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 5,938.07 ล้านบาท คิดเป็น 84.28%
ขณะที่งวด 9 เดือน ปตท.สผ.และบริษัทย่อยกำไรสุทธิรวม 34,885.53 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 10.57 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่กำไรสุทธิ 20,975.00 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 6.38 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13,910.53 ล้านบาท คิดเป็น 66.32%
สำหรับไตรมาส 3/51 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น42,434 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,404 ล้านบาท หรือ 77 % เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3/50 ที่มีรายได้รวม 24,030 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 18,644 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,305 ล้านบาท หรือ 64% จากปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายรวม 11,339 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปตท.สผ.มีปริมาณการขายในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 51 เฉลี่ยวันละ 218,716 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ โดยไตรมาส 3 ปริมาณการขายเฉลี่ยวันละ 240,839 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1-2 ปี 51 ที่มีปริมาณขายเฉลี่ยอยู่ที่ 182,431 และ 232,634 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ตามลำดับ เนื่องจากปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสทที่เพิ่มขึ้นจากโครงการอาทิตย์
“ปริมาณการขายเฉลี่ย 3 ไตรมาสแรกของปียังต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เฉลี่ยทั้งปีวันละ 223,334 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ แต่ ปตท.สผ. คาดว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณการขายได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 51 ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้”
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 51 บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 108,943 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 46,854 ล้านบาท โดยปริมาณการขายงวด 9 เดือน เพิ่มขึ้นเป็น 218,716 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เทียบกับปีก่อนที่ 178,049 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการขายก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสทของโครงการอาทิตย์ และการขายก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบของโครงการจี 4/43 ซึ่งเริ่มผลิตในปีนี้ และปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสทที่เพิ่มขึ้นของโครงการโอมาน 44 และบงกช รวมถึงปริมาณขายก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นของโครงการไพลิน แม้ว่าปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติของโครงการเยตากุน ยาดานา และการขายน้ำมันดิบของโครงการบี8/32 และ 9เอ ลดลง
ด้านฐานะการเงินบริษัทและบริษัทย่อย มีทรัพย์สินรวม 218,422 ล้านบาท หนี้สินรวม 91,250 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 127,172 ล้านบาท
นายมารุต กล่าวเพิ่มเติมถึง ปัญหาวิกฤติการเงินในสหรัฐฯ ที่ลุกลามและขยายวงกว้างจนกระทบต่อสถาบันการเงินทั่วโลก และกดดันให้ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ว่า ปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันยังส่งผลต่อราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันได้ปรับตัวลดลงจากที่ระดับประมาณ 140 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในช่วงต้นไตรมาสที่ 3 ไปอยู่ที่ต่ำกว่า 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในช่วงต้นไตรมาสที่ 4 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลการดำเนินงานของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ปตท.สผ. ได้ตระหนักถึงผลกระทบดังกล่าวและได้ทำการทบทวนแผนการดำเนินงานและการลงทุนอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบของราคาน้ำมันทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งยังได้เน้นการบริหารต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยการการนำ Capital Project Management เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการโครงการที่ใช้เงินลงทุนสูง
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการปรับปรุงการบริหารโครงการและ technical standard ต่างๆ ให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน และได้ปรับปรุงการวางแผนและบริหารสัญญาการจัดหาเพื่อลดต้นทุนการดำเนินการ รวมถึง ปตท.สผ. ยังมีการนำ Operational Excellence มาใช้ ซึ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการทำงานและการผลิต ให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น
|