Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน29 ตุลาคม 2551
เมเจอร์ฯแตกเซกเมนต์ตลาดควงไวตามิ้ลค์ขยายฐานกลุ่มเด็ก             
 


   
www resources

โฮมเพจ เมเจอร์ซินีเพล็กซ์

   
search resources

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป, บมจ.
อนวัช องค์วาสิฏฐ์
Theatre




เมเจอร์ไม่หวั่นพิษเศรษฐกิจปี52 เดินหน้าตามแผนเดิม พร้อมรุกด้านการตลาดเกี่ยวแขนพันธมิตรมากยิ่งขึ้น แตกย่อยกลุ่มผู้ชมออกเป็นเซกเม้นท์ เชื่อปีหน้าอุตสาหกรรมภาพยนตร์แนวโน้มสดใส เหตุคอนเท้นท์หนังดี ทั้งไทยและเทศ ล่าสุดต่อยอดขยายฐานกลุ่มเด็ก จับมือไวตามิลค์เปิดคลับ "Kids Movies Club Freshy Day" ตั้งเป้าปีแรกมีฐานสมาชิกไม่ต่ำกว่า 50,000คน

นายอนวัช องค์วาสิฎฐ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจโรงภาพยนตร์ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มสภาพเศรษฐกิจในปีหน้าที่มองว่าจะแย่กว่าปีนี้ ในแง่ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์เชื่อว่ายังคงไปได้ดี หรือทำได้ไม่แพ้ปีนี้ เนื่องจากคอนเท้นต์หรือภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายปีหน้า พบว่าเป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์หลายเรื่องที่จะเข้าฉาย เช่น แฮร์รี่ พอตเตอร์ ส่วนภาพยนตร์ไทย เชื่อว่าจะมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น จากค่ายหนังคุณภาพอย่าง สหมงคลฟิล์ม หรือจีทีเอช ซึ่งแนวโน้มมองว่าจะมีค่ายหนังเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของเอ็มพิคเจอร์เองที่จะมีการผลิตภาพยนตร์ด้วย รวมถึงภาพยนตร์ในเอเชีย เช่น อินเดีย ที่จะนำเข้าฉาย เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี นอกจากนี้ในส่วนของโรงภาพยนตร์เอง ปีหน้าจะมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกมาก

อย่างไรก็ตามในส่วนของราคาตั๋วชมภาพยนตร์นั้น ทางบริษัทฯ ยังไม่มีแผนที่จะปีบขึ้นแต่อย่างไร ซึ่งเป็นราคาที่คงไว้มากว่า 5 ปี ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จำนวนตั๋วชมภาพยนตร์โดยรวมที่ลูกค้าซื้อ เติบโตขึ้นจากต้นปีที่ผ่านมา ถือว่ายังดีอยู่ แต่ในแง่รายได้ไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากมีหลายราคา เนื่องจากสาขาในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดมีราคาตั๋วไม่เท่ากัน ส่วนในปีหน้ายังไม่สามารถกล่าวได้ว่าจะดีขึ้นจากปีนี้หรือไม่ ต้องรอดูสถานการณ์ก่อน

ในส่วนของเมเจอร์เอง ปีหน้าจะมีการวางแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจให้มากขึ้น ทั้งในส่วนของการดำเนินงาน การลงทุน และการตลาด ภายใต้งบประมาณที่ใช้ไม่ต่ำกว่าปีนี้ นอกจากนี้จะมุ่งหาช่องทางการจำหน่ายตั๋วเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเอ็มบ๊อกซ์ พร้อมทั้งจะเน้นกลยุทธ์ในการหาพันธมิตรเข้าร่วมมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการทำตลาดกับกลุ่มผู้ชมที่จะแบ่งย่อยออกเป็นเซกเม้นท์มากยิ่งขึ้น เพราะมองเห็นแนวโน้มภาพยนตร์ที่เข้าฉาย ส่วนใหญ่จะจะเป็นกลุ่มภาพยนตร์ที่มีความเป็นนีชมากยิ่งขึ้นถึง 80% ส่วนแมสมีเพียง 20% จากจำนวนภาพยนตร์ที่เข้าฉาย 250 เรื่องต่อปี

ล่าสุดในช่วงไตรมาสสี่นี้ ได้ร่วมกับไวตามิ้ลค์ แชมป์ ร่วมกันจัดกิจกรรมเปิดคลับ "Kids Movies Club Freshy Day" สำหรับเด็กอายุระหว่าง 8-12ปี คาดว่าจะมีเด็กๆให้ความสนใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกไม่ต่ำกว่า 50,000 คน ทั้งนี้คลับดังกล่าว ถือเป็นการต่อยอดโครงการ ให้บริการโรงภาพยนตร์สำหรับเด็ก "Kids Cinema" ที่ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต โรงที่ 7 ซึ่งดำเนินการมาได้ 1 ปี เบื้องต้นในปีแรกนี้ โดยในส่วนของโรงภาพยนตร์สำหรับเด็กนี้ ในลำดับต่อไปจะทำเป็นลักษณธโรดโชว์ไปตามสาขาต่างๆ ในช่วงที่มีภาพยนตร์สำหรับเด็กเข้าฉาย เพื่อให้เด็กๆได้รับชมภาพยนตร์มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ปัจจุบันลูกค้าหลักที่เข้าชมภาพยนตร์ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่น รองลงมาคือกลุ่มครอบครัว ซึ่งในกลุ่มครอบครัวจะมีกลุ่มเด็กรวมอยู่ด้วย คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10-12% ของจำนวนผู้ชมทั้งหมด โดยทางบริษัทฯต้องการขยายฐานกลุ่มเด็กนี้ให้ได้เป็นสัดส่วนที่ประมาณ 15% อย่างไรก็ตามเมื่อคิดสัดส่วนผู้ชมกลุ่มเด็กจากภาพยนตร์ที่เข้าฉายแล้วจะมีเพียง 5-6% เท่านั้น เพราะต่อปีมีภาพยนตร์สำหรับเด็กจริงๆค่อนข้างน้อย

นายอนวัช กล่าวต่อว่า ภาพรวมรายได้ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ถือว่าดีกว่าปีก่อน เพราะมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง เจมบอนด์ 007 และภาพยนตร์ไทยเรื่อง องค์บาก2 เข้าฉาย เชื่อว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการตอบรับค่อนข้างสูง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us