Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน28 ตุลาคม 2551
“โอสถสภา-เซเรบอส”ปรับเกมตัดสินค้าทิ้งพร้อมโฟกัสตลาด             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท โอสถสภา จำกัด

   
search resources

โอสถสภา, บจก.
Baby Products




โอสถสภา รับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลก กระทบกำลังซื้อคนไทยชะลอตัว วางหมากรัดกุมชูแผนโฟกัสความต้องการผู้บริโภค ปั้นสินค้าโดนใจ ตัดทิ้งสินค้าตัวถ่วง อัดซีเอสอาร์ สิ้นปีโต 10% กวาด 6,300-6,500 ล้านบาท ด้านอดีตนายกสมาคมตลาดฯแนะต้องทำตลาดต่อเนื่องหยุดไม่ได้แต่ต้องระวังมากขึ้น

นายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ ผู้อำนวยการการตลาด ผลิตภัณฑ์เบบี้มายด์ บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเบบี้มายด์ เปิดเผยว่า ทิศทางการตลาดเพื่อรองรับกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก บริษัทจะมุ่งเน้นการสื่อสารกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด เน้นการวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค การดำเนินกิจกรรมการตลาด และมุ่งเน้นการตลาดอย่างรับผิดชอบสังคม

ตัดสินค้าไม่ทำรายได้ทิ้ง

“ผลพวงจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก จะกระทบต่อการลงทุนในประเทศและภาคการส่งออก โดยภาพรวมพฤติกรรมของผู้บริโภคตั้งแต่ปีที่ผ่านมากระทั่งปัจจุบันมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยปีนี้กำลังการซื้อของผู้บริโภคทรงตัวและคาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 2-3% เท่ากับการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวม อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทเริ่มพิจารณาบางรายการที่ไม่สร้างรายได้ออกจากตลาด อาทิ ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายเอ็กซ์ซิท”

แนวโน้มการแข่งขันไตรมาสสุดท้าย สินค้าอุปโภคบริโภคจะอัดโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นยอดขาย สำหรับบริษัทในช่วง 2-3 เดือนนี้ จะไม่เน้นทำโปรโมชัน เนื่องจากผลประกอบการของกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10 % หรือมีรายได้ 6,300-6,500 ล้านบาท โดยนี้บริษัทจะโฟกัสสินค้าครีมอาบน้ำและโลชั่นเป็นหลัก เพราะช่วงฤดูกาลขายสินค้า

ล่าสุดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเบบี้มายด์ ครองส่วนแบ่ง 40% และคาดว่าสิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 42-43% จากมูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทได้ดำเนินการตลาดเชิงรุก ด้วยการปรับสูตรน้ำยาปรับผ้านุ่มและบรรจุภัณฑ์ใหม่ พร้อมกับดำเนินการตลาดเพื่อสังคม Corporate Social Responsibility (CSR) มากขึ้น

โดยเบบี้มายด์ จัดโครงการ” อบอุ่นน้ำใจ มอบความห่วงใยให้น้อง” ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่ม สำหรับโครงการเปิดรับบริจาคเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และเสื้อกันหนาวจากประชาชนทั่วไป ปัจจุบันกลุ่มซักผ้าครองส่วนแบ่ง 50% จากมูลค่า 400 ล้านบาท และกลุ่มน้ำยาปรับผ้านุ่ม 60 % จากมูลค่า 400 ล้านบาท หลังจากที่ตลาดมีการแข่งขันการทำโปรโมชันอย่างรุนแรง

ไม่หยุดทำตลาดแต่ต้องระวัง

นางสาวลักขณา ลีละยุทธโยธิน อดีตนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ประธานกรรมการบริหาร ภาคพื้นเอเชียตะวันอกเฉียงใต้ บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและทำตลาดเครื่องดื่มซุปไก่สกัดและรังนก “แบรนด์” เปิดเผยว่า ทิศทางการทำตลาดในปี 2552 ผู้ประกอบการมีความระมัดระวังการดำเนินธุรกิจมากขึ้น แต่ดำเนินการตลาดคงต้องดำเนินอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถหยุดได้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปีหน้านี้ จากวิกฤตการเงินประเทศอเมริกา ซึ่งคาดว่าจะลุกลามในแต่ละประเทศ และได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างและนาน

“เศรษฐกิจในปีหน้าคาดแตกต่างไปจากช่วงวิกฤติการเงินประเทศไทยในช่วงปี2540 หรือ ต้มย้ำกุ้งไครซิส ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายในประเทศเหมือนไฟไหม้บ้าน สามารถควบคุมและคาดเดาทิศทางได้ ส่วนวิกฤตในครั้งนี้เหมือนไฟไหม้ป่า ซึ่งมาจากต่างประเทศและขยายออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก คาดเดาได้ยากว่าปัญหาจะยาวต่อเนื่องไปอีกนานเท่าไหร่”

นางสาวลักขณา กล่าวว่า นักการตลาดจะต้องปรับตัวเพื่อเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจการเงินโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น ด้วย 2 กลยุทธ์หลัก คือ ปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และกลุ่มเป้าหมายหลักที่ชัดเจนของแต่ละสินค้า เพื่อให้เม็ดเงิน ที่ใช้ในการทำตลาดหรือลงทุนได้ผลคุ้มค่ามากที่สุด

สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในปีหน้าคาดไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพที่ยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยยอดขายบริษัทในช่วง 9เดือนที่ผ่านมาเติบโตกว่า 2 หลัก ล่าสุดบริษัทใช้งบกว่า 40ล้านบาท จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าซุปไก่ “แบรนด์” ตลอด3เดือนสุดท้ายปีนี้ ผ่าน2 ภาพยนตร์โฆษณา โดยใช้ โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร เป็นตัวแทนสินค้าเช่นเดิม เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายหลักคนรุ่นใหม่-นักเรียนนักศึกษา

บริษัทยังปรับภาพลักษณ์ซุปไก่แบรนด์จูเนียร์พร้อมกันทั่วโลก เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่และส่ง2 มาสคอต คือ อัลฟาเอจ และอัลฟา มายด์ มาเพิ่มสีสันให้กับแบรนด์ดังกล่าวด้วย และจากการดำเนินการตลาดเชิงรุกคาดว่าจะตอกย้ำความเป็นผู้นำแบรนด์ซุปไก่ด้วยการครองส่วนแบ่ง 92% จากมูลค่า 2,800 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่ง 85% ด้วยการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us