Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน28 ตุลาคม 2551
ฝรั่งทิ้งหุ้นไทย1.4แสนล้าน-หนักสุดติดอันดับ3ในเอเชีย             
 


   
search resources

Stock Exchange




นักลงทุนต่างชาติแห่งทิ้งหุ้นไทยไม่หยุด ยอดขายสุทธิตั้งแต่ต้นปีทะลุ 1.4 แสนล้านบาท เพื่อขนเงินสดไว้เสริมสภาพคล่องภายในประเทศ นายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างชาติ เผยฝรั่งทิ้งหุ้นไทยหนักติดอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชีย รองจากไต้หวัน-เกาหลีใต้ พร้อมปลอบขวัญนักลงทุนดัชนีไม่น่าหลุด 350 จุด ก่อนจะดีดกลับ 450 จุดในช่วงปลายปีนี้ ด้านโบรกเกอร์ แนะนักลงทุนหยุดซื้อขายรอผลการแก้ปัญหาวิกฤตการเงินและทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ

ดัชนีตลาดหุ้นไทย ได้ปรับตัวลดลงอย่างหนักวานนี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลดลงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนต่างกังวลถึงวิกฤตสถาบันการเงินที่ลุกลามจนส่งผลทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวในขณะนี้ จนกระทั้งในช่วงบ่ายของการซื้อขายดัชนีได้ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 10% ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องประกาศหยุดพักการซื้อขายชั่วคราว (เซอร์กิตเบรกเกอร์) เป็นเวลา 30 นาที

โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน มีจุดสูงสุดที่ 424.88 จุด ก่อนจะเจอแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่มีออกมาอย่างต่อเนื่องกดดันให้ดัชนีต่ำกว่า 10% และต้องหยุดพักการซื้อขายชั่วคราวเมื่อเวลา 16.04 น. แต่หลังจากเปิดตลาดอีกครั้ง ดัชนียังคงปรับตัวลดลงต่อและปิดที่ระดับต่ำสุด 387.43 จุด ลดลงจากวันก่อน 45.44 จุด หรือ 10.50% มูลค่าการซื้อขายรวม 11,786.99 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศเทขายหุ้นไทยออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ยอดขายสุทธิสูงถึง 2,212.97 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 48.74 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,261.71 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมรวมทั้งสิ้น 16,156.97 ล้านบาท และยอดขายสะสมตั้งแต่ต้นปี 51 ทะลุ 141,371.56 ล้านบาท

ฝรั่งทิ้งหุ้นไทยอันดับ3 ของภูมิภาค

มล.ทองมกุฏ ทองใหญ่ ผู้บริหารฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บล.ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างประเทศ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงแรงถึง 10% จนต้อง หยุดพักการซื้อขายชั่วคราวเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน เพราะนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน ซึ่งตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชีย รองจากประเทศไต้หวันและเกาหลีใต้ เพราะกองทุนรวมถึงนักลงทุนต่างชาติต้องเทขายสินทรัพย์ทุกชนิดในตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่เพื่อดึงเงินสดรองรับการไถ่ถอนหน่วยลงทุน เพราะในภาวะขาดความเชื่อมั่นนักลงทุนทั่วโลกต่างพากันไถ่ถอนหน่วยลงทุน

“ประเทศที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องต่างต้องสำรองเงินสด ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ซาอุดิอาระเบีย ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงิน หรือแรงขายที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องจากกองทุนในสหรัฐฯ ที่ประสบปัญหาตั้งแต่จุดเริ่มต้นวิกฤตที่เลห์แมน บราเธอร์สล้มละลาย ทำให้แรงขายมีออกมาทั่วโลก และกดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลงทำสถิติต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง”

หวังสิ้นปีดัชนีดีดกลับที่ 450 จุด

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยน่าจะมีแนวโน้มการฟื้นตัวรอบใหญ่หลังปรับลงแรง โดยคาดว่าน่าจะเกิดรีบาวน์ทางเทคนิคที่บริเวณ 350 จุด อีกทั้งหากมีข่าวดีเกี่ยวกับการกระตุ้นภาคการเงินเข้ามา โดยเฉพาะการมุ่งเข้าแก้ปัญหาที่ต้นเหตุแท้จริงในปัญหาตลาดจำนอง ปัญหาตลาดสินเชื่อ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตซับไพรม์ และทางการสหรัฐฯ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่สองอย่างทันท่วงที เชื่อว่าจะสนับสนุนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นได้ และตลาดหุ้นไทยน่าจะรีบาวน์ได้ประมาณ 100 จุด ซึ่งปลายปีนี้ดัชนีฯ น่าจะกลับไปอยู่ที่บริเวณ 450 จุดอีกครั้ง

แนะเลือกหุ้นพื้นฐานลงทุนยาว

นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือSYRUS กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยดิ่งลงอย่างแรงไปตามทิศทางตลาดต่างประเทศ จากความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อสภาพเศรษฐกิจโลกที่กำลังเข้าสู่ช่วงถดถอย อีกทั้งตัวเลขจีดีพีของสหรัฐฯ ที่กำลังจะประกาศออกมาในวันที่ (30 ต.ค.) ที่แนวโน้มอาจจะติดลบประมาณ 1.5% รวมอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่ปัญหาการเมืองภายในประเทศยังคงร้อนระอุ และกระแสข่าวการปฏิวัติรัฐประหารตลอดทั้งวัน ภายหลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตรออกมาพูดผ่านสื่อต่างประเทศ

“แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้จะยังคงผันผวน และให้จับตาทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยแนะนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวเกิน 1 ปี ให้ทยอยเก็บหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เพื่อหวังผลตอบจากเงินปัน ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 380 จุด และแนวต้านที่ 400 จุด” นางสาวจิตรา กล่าว

จับตาผลการประชุมเฟด

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ร่วงลงตามทิศทางตลาดในต่างประเทศ โดยช่วงชั่วโมงท้ายตลาดร่วงลงจนทำเซอร์กิต เบรกเกอร์ และหยุดการซื้อขายเป็นเวลา 30 นาที หลังจากนั้นยังคงร่วงลงต่อจนปิดตลาด

สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่ายังคงแกว่งตัวลง และให้จับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ย แนะนักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไป เพื่อรอดูสถานการณ์ โดยมีแนวรับที่ 360-370 จุด และแนวต้านที่ 400-405 จุด

ด้านนายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะยังคงผันผวนตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ดังนั้นนักลงทุนควรชะลอการซื้อขาย และถือเงินสดเพื่อรอดูสถานการณ์ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 370 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 400 จุด

ขณะที่นายปรเมศร์ ทองบัว นักวิเคราะห์อาวุโส บล.ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลดลง ตามทิศทางของตลาดหุ้นในสหรัฐฯ และความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อสภาพเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังอยู่ในช่วงถดถอย ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่ายังคงผันผวน ตามตลาดต่างประเทศ แนะนักลงทุนชะลอการลงทุนออกไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us