Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์27 ตุลาคม 2551
ทัวร์นอกปรับทัพรับศึกท่องเที่ยวท้ายปี             
 


   
search resources

Tourism
เอนก ศรีชีวะชาติ




แม้สภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกโดยรวมจะชะลอตัว และสภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น การเดินทางออกนอกประเทศของนักท่องเที่ยวในไทยยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังของปี 51 นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ระบุว่า ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจเท่าไรนัก เพราะยังคงมีอาชีพที่มั่นคง และมีรายได้ประจำ ขณะเดียวกันแหล่งท่องเที่ยวของแต่ละประเทศรอบข้างโซนเอเชียกำลังถูกปลุกเร้าไปด้วยแคมเปญใหม่ๆหวังยั่วน้ำลายนักท่องเที่ยวคนไทยให้เดินทางเข้าไป กอปรกับสายการบินของแต่ละประเทศต่างยื่นข้อเสนออัดโปรโมชั่นพร้อมจะขนนักท่องเที่ยวในราคาสุดพิเศษ และที่สำคัญค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้นักท่องเที่ยวคนไทยเริ่มสนใจเดินทางออกนอกประเทศกันมากขึ้น

ส่งผลให้การแข่งขันทัวร์เอาวน์บาวน์ส่อเค้าร้อนแรงเพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาหลายบริษัทนำเที่ยวมีการออกโปรโมชั่นด้วยราคาสุดพิเศษและยังคงใช้ได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่อีกหลายบริษัทนำเที่ยวต้องการฉีกแนวคิดทางการตลาดออกมา ล่าสุดการเพิ่มวันและเส้นทางท่องเที่ยวในรูปแพ็คเกจทัวร์เดียวกันก็ถูกนำมาใช้ประโยชน์หวังกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเลือกที่จะใช้บริการ โดยที่ผ่านมามีการใช้ดารานักแสดงและผู้มีชื่อเสียงเข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์หวังกระตุ้นให้คนเดินทางเช่นกัน นอกเหนือจากการใช้แพ็คเกจราคาถูกในเส้นทางท่องเที่ยวประเทศเดียว

ปัจจุบันกลเกมการตลาดเพื่อแย่งชิงนักท่องเที่ยวไทยไปนอกจึงมีออกมาหลากหลายรูปแบบและยิ่งภายในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 51 ภาพของการอัดแคมเปญใหม่ๆออกมาจึงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยต่างๆเหล่านี้กำลังถูกนำมาปรับใช้ให้เข้ากับกลยุทธ์เก่าที่เมื่อครั้งอดีตเคยสร้างความสำเร็จในระดับหนึ่งและถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่เพื่อใช้ต่อกรกับศึกท่องเที่ยวท้ายปี-ปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้

สอดคล้องกับที่บริษัททัวร์หลายแห่งเริ่มทำการสำรวจจุดท่องเที่ยวใหม่ๆและหาคู่ค้าพันธมิตรต่างประเทศที่มีคุณภาพไปพร้อมๆกับการพัฒนาศักยภาพให้มากขึ้นโดยเฉพาะตลาดท่องเที่ยวระยะใกล้แถบเอเชียกำลังเนื้อหอมถูกนำมารวมเป็นแพ็คเกจทัวร์มากที่สุด

ขณะที่แนวโน้มตลาดท่องเที่ยวระยะทางไกลอาจจะมีการลดลง เนื่องจากปัญหาของต้นทุนสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าตั๋วเครื่องบิน น้ำมัน และ Land Operation

ล่าสุดบริษัทนำเที่ยวหลายแห่งเริ่มเปลี่ยนยุทธวิธีด้วยการจับตลาดในระยะทางใกล้แทน ซึ่งเชื่อได้ว่าจะมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะตลาด จีน ฮ่องกง ,กรีซ,ตุรกีและตะวันออกกลาง เพราะด้วยปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นต้นทุนที่ต่ำกว่า การเดินทางที่ระยะสั้นคล่องตัวดี กอปรกับมีสายการบินเปิดให้บริการจำนวนมากทำให้เกิดการแข่งขันดึงลูกค้าส่งผลให้ตั๋วเครื่องบินมีราคาถูก ขณะเดียวกันโรงแรมที่พักก็จะมีราคาถูกตามไปด้วยเช่นกัน

สอดคล้องกับที่ อเนก ศรีชีวะชาติ ประธานที่ปรึกษาสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(TTAA)กล่าวถึง ผลกระทบจากปัญหาน้ำมันแพง กับค่าครองชีพที่สูงจนทำให้กำลังซื้อคนไทยลดลง ได้ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจบริษัทนำเที่ยวระยะไกล ไปในทวีปยุโรป หรืออเมริกา มีจำนวนลดลงมาก จากที่ผ่านมาเคยมีบริษัททัวร์ที่ทำเส้นทางไกลมากถึง 40% แต่ปัจจุบันลดเหลือเพียง 20% เท่านั้น เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวสนใจจองไปน้อย จนทำให้การจัดไปแต่ละครั้งไม่คุ้มทุน

“ปกติการเดินทางไปยุโรปแต่ละครั้งต้องมีกลุ่ม 16 คนขึ้นไปถึงจะคุ้ม แต่หากต่ำกว่านั้นก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายสูงไป โดยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นส่วนใหญ่มาจากค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าธรรมเนียมเชื้อเพลิง (เซอร์ชาร์จ) ที่แพงขึ้น คิดเป็นสัดส่วน 25-30% ของค่าเดินทางทั้งหมด อาทิ เส้นทางกรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น ปกติจะคิดค่าเซอร์ ชาร์จ เพียง 1,000-2,000 บาท แต่หลังจากเจอวิกฤติการณ์น้ำมันแพง ค่าเซอร์ชาร์จได้ปรับราคาเป็นเกือบ 5,000 บาท ซึ่งหากเทียบตั๋วเครื่องบินไปยุโรป ราคาก็ยิ่งแพงเพิ่มขึ้นอีกมาก”เป็นข้อเปรียบเทียบที่ เอนก หยิบยกขึ้นมา

ขณะเดียวกันภาครัฐออกนโยบายไม่สนับสนุนให้หน่วยงานราชการทั่วประเทศมีการเดินทางออกไปดูงานต่างประเทศ เพื่อลดค่าใช้จ่าย อาจส่งผลกระทบต่อบริษัททัวร์ในเส้นทางระยะไกลอีกด้วย เพราะกลุ่มตลาดข้าราชการที่เดินทางไปดูงานหรือจัดสัมมนาในแต่ละปีจะถือเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ โดยปีหนึ่งๆมีการเดินทางไปจำนวนมากมายหลายร้อยคน

เมื่อสถานการณ์เป็นไปเช่นนี้ บริษัททัวร์ระยะไกลคงอยู่รอดลำบาก ดังนั้นบริษัทนำเที่ยวต่างประเทศหลายแห่งเริ่มมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หวังให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าที่เดินทางพร้อมกับมีฐานการขยายตัวระหว่างระดับกลางไปถึงระดับล่างเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การปรับตัวเพื่อใช้กลยุทธ์ใหม่ๆมีออกมาให้เห็นเพื่อลดต้นทุนและให้มีกำไร

การเปลี่ยนไปใช้การเปิดเส้นทางทัวร์ระยะใกล้มากขึ้น อาทิตลาด จีน เกาหลี เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ หรือในย่านเอเชียตะวันออก เหตุผลง่ายๆก็คือจะทำให้ต้นทุนต่ำมาก โดยเฉพาะภาพรวมของแพ็คเกจราคาทัวร์กลุ่มนี้ยังถูกกว่าเมื่อเทียบกับยุโรปและอเมริกา

ทั้งนี้ ราคาแพ็กเกจทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่ได้รับความนิยมที่สุด อยู่ที่ราคา 20,000 บาท ซึ่งส่วนใหญ่จะไปจีน ขณะที่ 30,000-40,000 บาท จะได้รับความนิยมตามลงมา เช่น เกาหลี ส่วนราคาตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป จะจำหน่ายได้ค่อนข้างลำบาก และได้รับความสนใจน้อยกว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

ปัจจุบันการทำตลาดทัวร์เอาว์บาวน์นอกจากจะเจอการแข่งขันกับผู้ประกอบการเดียวกันแล้ว ยังต้องพบกับปัญหาบริษัททัวร์อินบาวน์หลายแห่งที่แอบมาทำธุรกิจทัวร์เอาต์บาวน์แบบผิดกฎหมาย จนทำให้เกิดปัญหาการร้องเรียนของผู้บริโภคเกี่ยวกับถูกโกงเงิน หรือปล่อยทิ้งที่ต่างประเทศ ซึ่งกลายเป็นปัญหาเรื้อรังยากที่จะแก้ไข

แต่ปัจจุบันความพยายามของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวหรือ TTAA คือหน่วยงานที่พร้อมจะให้ความร่วมมือเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัททัวร์ต่างแดนให้กับผู้บริโภค...ปฏิบัติการเช็คบิลทัวร์นอกระบบของ TTAAออกมาแบบนี้เห็นที่บริษัททัวร์เถื่อนคงจะทำงานกันลำบากมากขึ้น

เที่ยวนอกท้ายปีคึกคัก“เอเชีย”เนื้อหอมคนแห่เที่ยว

ภาพรวมการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในครึ่งปีหลังปี 2551 พบว่า นักท่องเที่ยวสิงคโปร์มีการขยายตัวปีต่อปีสูงสุดถึง 23% และคาดว่าจะมีชาวสิงคโปร์เดินทางออกนอกประเทศสูงถึงกว่า 4 ล้านคน ในช่วงครึ่งปีหลัง อันดับ 2 ได้แก่ นักท่องเที่ยวชาวจีนที่ขยายตัวปีต่อปีที่ 12% และมีชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศสูงถึง 24.4 ล้านคน ในช่วงเดียวกัน อันดับ 3 ได้แก่ ชาวเกาหลีที่คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวที่ 11% และมีคนเดินทางออกนอกประเทศราว 7.6 ล้านคน

ขณะที่การท่องเที่ยวในครึ่งหลังปี 2551 พบว่าจากสถิติตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยจะเดินทางออกนอกประเทศราว 2.1 ล้านคนนับเป็นอันดับที่ 4 ของภูมิภาคที่ขยายตัวมากสุด หรือมีอัตราการขยายตัวต่อปี 10.3% โดยที่ผ่านมาประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไทยมากที่สุด ได้แก่ ประเทศจีน และสายการบินไทยเป็นสายการบินที่เลือกใช้บริการมากที่สุดสำหรับการเดินทางเชิงธุรกิจ ตามมาด้วยสิงคโปร์แอร์ไลน์ และคาเธ่ย์แปซิฟิก

นอกจากนี้ยังพบว่า นักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่นิยมหาข้อมูลเพื่อเตรียมตัวเดินทางจากอินเทอร์เน็ต ตัวแทนท่องเที่ยว และถามจากคนอื่น โดยมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยมากที่สุดเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ เป็นเรื่องหนังสือเดินทางหาย และกระเป๋าสตางค์หาย/หลงทาง ขณะที่กิจกรรมที่นิยมของนักท่องเที่ยวไทยเมื่อเดินทางไปต่างประเทศได้แก่ ช็อปปิ้ง 78.70% ชมเมือง 71.90% และพักผ่อน 64.30% และสินค้าที่ชอบซื้อมากที่สุดเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ ได้แก่ ของที่ระลึก ของแกะสลัก และของแฮนด์เมดท้องถิ่น 63.90% ของใช้ส่วนตัว 62.70% และอาหาร 31.60%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us