|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บิ้กบลจ.ชี้ช่องนักลงทุน โอกาสทองใส่เงินเย็นหาผลตอบแทนระยะยาวจากตลาดหุ้นไทย หลังความเสี่ยงในระบบลดลง และภาวะการลงทุนเริ่มนิ่ง "เอวายเอฟ" ระบุดัชนีระดับปัจจุบัน ถือว่าต่ำสุดแล้ว พร้อมแนะเลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ เชียร์หุ้นพื้นฐานดีราคาถูก ลุ้นช่วงที่เหลือของปี ได้กองทุน "LTF-RMF" และแมชชิ่งฟันด์กระตุ้นเม็ดเงินกลับเข้าตลาด "เอ็มเอฟซี"มองเศรษฐกิจไทย เริ่มฟื้นตัวไตรมาส 3 ปีหน้า
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้ เริ่มนิ่งและไม่มีข่าวร้ายใหม่ๆ เข้ามาเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว จึงมองว่าช่วงนี้ น่าจะเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น สำหรับนักลงทุนที่มีเงินเย็นและสามารถลงทุนระยะยาวได้ โดยเฉพาะหุ้นที่มีคุณภาพ และพื้นฐานดี เพราะว่าหุ้นหลายตัวราคาปรับลดลงไปค่อนข้างมาก เพราะมองว่าดัชนีหุ้นไทยเอง ไม่น่าจะลงไปต่ำกว่านี้อีกแล้ว ขณะเดียวกัน การลงทุนในหุ้นยังถือว่าเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีอยู่
อย่างไรก็ตาม ในการลงทุนนั้น แนะนำว่านักลงทุนควรจะเลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่ตัวเองสามารถรับได้ ถ้ารับความเสี่ยงได้ต่ำก็ไม่ควรลงทุนอะไรที่มีความเสี่ยงสูง ถึงแม้ว่าความเสี่ยงสูงจะให้ผลตอบแทนดี แต่หากมีช่วงที่ตลาดแย่ลงไปอีกครั้งก็อาจจะเกิดปัญหาได้ ส่วนนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้ ก็แนะนำให้ลงทุนได้เลย
นายประภาสกล่าวว่า ในช่วงนี้ เรามองตลาดได้มั่นใจมากขึ้น เพราะผ่านช่วงที่แย่สุดๆ ไปแล้ว ซึ่งในช่วง1-2 เดือนหลังจากนี้ น่าจะมีเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยเฉพาะเงินลงทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) รวมถึงกองทุนรวมแมชชิ่งฟันด์ ที่ตลาดหลักทรัพย์ร่วมมือกับบริษัทจัดการกองทุนในการระดมเงินเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น
ส่วนนักลงทุนต่างชาติ มองว่าจะยังไม่กลับมาลงทุนในช่วงนี้ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเอง เหลืออยู่ในตลาดหุ้นไทยน้อยมาก แต่มองว่าในปีหน้า น่าจะเห็นการกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียที่ยังมีโกรทอยู่และมีปัญหาไม่มากอย่างเช่นในสหรัฐฯ หรือในยุโรป ประกอบกับ P/E ของตลาดหุ้นในเอเชียอยู่ในระดับที่ต่ำ
"ก่อนหน้านี้ การที่นักลงทุนไม่กล้าลงทุนเพราะว่ายังไม่รู้ว่าเหตุการณ์วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นจะจบอย่างไร และจะมีผลกระทบอะไรบ้าง แต่หลังจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นมีความชัดเจนแล้ว รวมถึงการเข้ามาแก้ไขปัญหาของธนาคารกลางทั่วโลก ทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนไม่ลดลงไป อีกทั้งปัญหาจากผลกระทบวิกฤตการเงิน ก็ไม่น่าจะรุนแรงเท่าครั้งนี้อีกแล้ว"นายประภาสกล่าว
อย่างไรก็ตาม ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นในระดับหนึ่งดังกล่าว บริษัทจะยังไม่เปิดขายกองทุนรวมต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) ตามแผนที่วางไว้ว่าจะระดมทุนภายในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนเองยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การลงทุนในต่างประเทศอยู่ ทำให้ต้องเลื่อนออกไปเป็นปีหน้าแทน โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะเน้นการออกกองทุนที่ลงทุนในประเทศแทน เช่น กองทุนตราสารหนี้ หรือกองทุนคุ้มครองเงินต้นที่อ้างอิงกับการเปลี่ยนแปลงของหลักทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่ง แต่กองทุนประเภทนี้ ก็มีความเสี่ยงในเรื่องของสถาบันการเงินผู้ออกออปชั่นด้วยว่า อาจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาสภาพคล่องด้วย
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันเเละรายย่อยเองได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากภาวะการลงทุนในประเทศเเละวิกฤติการสถาบันการเงินในต่างประเทศ รัฐบาลเองต้องการให้มีเเพ๊คเกจให้นักลงทุนส่วนหนึ่งที่มีเงินเย็นเเละสามารถลงทุนระยะยาวได้ ซึ่งการลงทุนในกองทุนก็ถือเป็นการช่วยเหลือตลาดทุนเช่นกัน ในส่วนมาตรการอื่นในภาพรวม
เเล้วน่าจะช่วยบรรเทาสถานการณ์ตลาดทุนที่มีปัญหาได้ดี เเต่ถ้าในระยะยาวคงต้องรอดูภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศโดยเฉพาะเรื่องการเเก้ปัญหาเรียลเซ็กเตอร์หรือภาวะเศรฐกิจจริงว่าจะเเก้ไขหมดไปหรือไม่ โดยรัฐบาลเองเป็นห่วงเรื่องสภาพคล่องในสถาบันการเงิน เเละภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะตามมาในปีหน้า เเละผลกระทบของต่างประเทศ เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่รุนเเรงเหมือนกับวิกฤติปี 2540 ที่ผ่านมา ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้เองทำให้รัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อป้องกันไว้ก่อน เช่นการเตรียมสภาพคล่องให้กับสถาบันการเงิน เเละการป้องกันความถดถอยของระบบเศรษฐกิจนั้นเอง
สำหรับบรรยากาศการลงทุนในตลาดทุนช่วงนี้ว่า ถือว่าเป็นช่วงเวลาเหมาะสมกับการลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะสั้น 1-3 ปี นักลงทุนที่มีเงินเย็นหรือมีสภาพคล่องสูง เนื่องจากความเสี่ยงในระบบนั้นลดลง ภาวะการลงทุนในตลาดเริ่มนิ่งเเละคลี่คลายลง โดยเฉพาะข้อมูลข่าวสารความเสียหายหรือการคาดการณ์ในอนาคตมีความชัดเจนขึ้น เชื่อว่าในไตรมาส 3 ของปี 2552 เศรษฐกิจของไทยน่าจะดีขึ้น โดยมาตรการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของรัฐบาลเองก็น่าจะช่วยให้บรรยกาศการลงทุนกับเข้ามาน่าลงทุนด้วยเช่นกัน ซึ่งนักลงทุนบางกลุ่มก็มองเป็นโอกาสที่จะเก็บหุ้นที่มีพื้นฐานดี ส่วนภาวะเศรษฐกิจกับตลาดทุนของประเทศไทยนั้น เราเองไม่มีปัญหาพื้นฐานของบ้านเรายังเเข็งเเกร่งดีอยู่ ซึ่งปัญหาราคาหุ้นตกต่ำนั้นมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวเป็นปัญหาหลัก นักลงทุนต่างชาติเทขายสุทธิเพื่อนำเงินสดกับไปประเทศของตนเอง
"โดยปัญหาที่รัฐบาลห่วงที่สุดคือสภาพคล่องทางการเงิน เเละภาวะถดถอยของปีหน้า ทำให้รัฐเองต้องออกมาตรการเพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนมากขึ้น ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐนั้นเรามองน่าคลี่คลายหลังจากการเลือกตั้งประธนาธิบดี โดยเมื่อปัญหาทุกอย่างจบลงการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจจริงที่เกิดขึ้น "นายพิชิต กล่าว
สำหรับกองทุนวายุภักษ์นั้นได้รับผลการะทบเล็กน้อยจากภาวะตลาดทำให้ราคาหลักทรัพย์ลดลง ซึ่งทางกระทรวงการคลังที่เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ใหญ่ไม่ได้กังวลกับภาวะตลาดที่เกิดขึ้น เนื่องจากกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว สถานการณ์จึงไม่มีผลต่อกองทุน ขณะเดียวกันนักลงทุนรายย่อยเองก็ไม่ได้กังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน เพราะทางกระทรวงการคลังประกันเงินผลตอบเเทนขั้นต่ำที่ 3%ต่อปี ทำให้นักลงทุนมั่นใจกับกองทุนดังกล่าว
|
|
|
|
|