กบข.-บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มุ่งเป้าลงทุนตราสารหนี้ในต่างประเทศ
เน้นตลาดทุนเอเชีย แถมเตรียมลงทุนเอเชียบอนด์ ที่ทักษิณริเริ่ม หลังแบงก์ชาติไฟเขียว
หวังฟันผลตอบแทนมากกว่าตราสารหนี้ในประเทศ ขณะที่ กบข. เตรียมประเดิมก้อนแรก 3
พันล้านบาท ลงทุนเอเชียบอนด์ แถมรอแก้กฎหมาย ผันเงินลงทุนที่ กบข. มีกว่า 2 แสนล้านบาท
ลงทุนตลาดทุนต่างประเทศเพิ่ม ตามด้วย บลจ. ไอเอ็นจีอีก ที่จะลงทุนเอเชียบอนด์กว่า
8.4 พันล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จะตั้งกองทุนรวมเพื่อลงทุนตราสารหนี้
และหุ้นกู้แถบเอเชีย ยกเว้น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะจะลงทุนพันธบัตรเอเชีย(เอเชีย
บอนด์) มูลค่ากองทุนประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8.4 พันล้านบาท) จะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล
(ไฟลิ่ง) กับสำนักงาน ก.ล.ต. กลางเดือนนี้ จะเสนอขายผู้สนใจได้ภายใน ก.ย.
นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไอเอ็นจี (ประเทศไทย)
ใน เครือกลุ่มไอเอ็นจีจากเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย อนุมัติกองทุนรวมในไทยสามารถลงทุนต่างประเทศได้
บริษัทจึงมีแผนจะตั้งกองทุนรวมเพื่อเสนอขายนักลงทุนที่สนใจ โดยจะเป็นกองทุนที่ลงทุนตราสารหนี้
หรือหุ้นกู้แถบเอเชีย
สาเหตุที่บริษัทเลือกลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนสูงกว่าเมื่อเทียบตราสารหนี้ในไทย
เช่น ตราสารหนี้หรือหุ้นกู้อายุ อัตราดอกเบี้ยเท่ากัน ตราสารหนี้ในไทยผลตอบแทน
2% ต่อปี ขณะที่ตราสารหนี้ต่างประเทศ 4.1-4.2%
นอกจากนี้ อันดับเครดิต (เรตติ้ง) ตราสารหนี้ต่างประเทศ ส่วนใหญ่ BBB ขณะที่ตราสารหนี้ในไทย
BBB- ตราสารหนี้ต่างประเทศจึงน่าสนใจกว่า
เขากล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทมีประสบการณ์ลงทุนต่างประเทศ โดยเสนอขายกองทุนรวมเพื่อลงทุนในต่างประเทศ
(Foreign Investment Fund-FIF) ไปแล้ว ปัจจุบันมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นที่ 600 ล้านบาท
เชื่อว่าจะนำบริหารกองทุนดีขึ้น
ด้านนางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ กล่าวว่าการลงทุนต่างประเทศขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดมากนัก
ปัจจุบัน บริษัทมีกองทุนลงทุนต่างประเทศอยู่แล้ว มูลค่า 200 ล้านบาท มูลค่าสินทรัพย์สุทธิมากกว่าหน่วยละ
10 บาท บริษัทจึงมองว่า ตอนนี้ยังไม่จำเป็นจะลงทุนต่างประเทศต้องพิจารณาโอกาสว่าจะขยายหรือไม่
การปรับตัวการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน เธอกล่าวว่า บลจ.วรรณ ต้องพัฒนาสินค้ารูปแบบใหม่
เพื่อสร้างความน่าสนใจให้นักลงทุน ที่ผ่านมาเงินไหลเข้าลงทุนกองทุนรวมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหุ้นทุน
ที่ให้ผลตอบแทน 25-26% ต่อปีครึ่งแรกปีนี้ รวมถึงกองทุนตราสารหนี้
แนวโน้มธุรกิจกองทุนรวมปีนี้ คาดว่าผลประกอบการดีกว่าปีก่อน เนื่องจากโอกาสลงทุนเพิ่มขึ้น
และดอกเบี้ยต่ำ จนดอกเบี้ยแท้จริง หลังหักเงินเฟ้อติดลบแล้ว ทำให้ผู้ฝากเงินลงทุนตลาดทุนเพิ่มขึ้น
จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนธุรกิจกองทุนรวมโตขึ้น
กบข. อัด 3 พันล้านบาทลงทุนเอเชียบอนด์
ด้านนายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)เปิดเผย
ว่า กบข.จะจัดสรรเงินลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนซื้อพันธบัตรออกโดยรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจในเอเชีย
หรือเอเชียบอนด์
ขณะนี้ อยู่ระหว่างรอแก้ไขกฎกระทรวงให้ กบข.สามารถลงทุนโดยตรงลักษณะดังกล่าวได้
คาดว่าการแก้ไขกฎกระทรวงจะเสร็จ และเริ่มลงทุนได้ภายในสิ้นปีนี้ ขณะเดียวกัน กบข.อยู่ระหว่างรอแก้ไขพระราชบัญญัติ
กบข. ส่วนจ้างบริษัทจัดการกองทุนต่างประเทศ เป็นผู้บริหารเงินลงทุน กบข.ในต่างประเทศด้วย
คาดว่าการแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าว จะเสร็จสิ้นต้นปี 2547
ปัจจุบัน กบข.ลงทุนต่างประเทศทางอ้อมผ่าน กองทุนเพื่อการลงทุนต่างประเทศ(เอฟไอเอฟ)
2 กองทุน คือ กองทุนเปิดเอเจเอฟ โกลบอล คอนเวอร์ติเบิล บอนด์ (AJF Global Convertible
Bond) และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล อิควิตี้ฟันด์ (MFC Global Equity Fund) รวม
มูลค่าลงทุนทั้งสิ้น 16.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 690 ล้านบาท)
ถ้า กบข.ลงทุนซื้อเอเชียบอนด์อีก 3,000 ล้าน บาทตามเป้าหมาย จะทำให้สัดส่วนลงทุนต่างประเทศเพิ่มเป็น
1.5% ของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทั้งหมดของ กบข. ส่วนเป้าหมายลงทุนต่างประเทศปีหน้า
หลังจาก พ.ร.บ.แก้ไขเสร็จ ตั้งที่ประมาณ 5% ของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของ กบข.
กบข.ยังไม่สามารถลงทุนโดยตรงตลาดต่างประเทศได้ขณะนี้ เพราะต้องรอแก้ไขกฎกระทรวงก่อนที่ผ่านมา
จึงเลือกลงทุนในเอฟไอเอฟบางกองทุน ที่เห็นว่าเป็นไปตามนโยบายการลงทุนของ กบข.
"แต่หากการแก้ไขกฎกระทรวงเสร็จจะทำ ให้ช่องทางการลงทุนของ กบข. เปิดกว้างมากขึ้น
โดยเฉพาะในส่วนของเอเชียบอนด์ ซึ่งกบข.จะพิจารณาเปรียบเทียบดูว่า ตราสารหนี้ในประเทศกับต่างประเทศ
ให้ผลตอบแทนแตกต่างกันมากแค่ไหน หากเห็นว่าการลงทุนในต่างประเทศให้ผลตอบแทนดีกว่า
ขณะที่ความเสี่ยงต่างๆ อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ก็พร้อมจะเอาเงินไปลงทุนในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น"
เขากล่าว
ก่อนหน้านี้ นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการจัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวว่าการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดมูลค่า
500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท) ให้กองทุนลงทุนต่างประเทศได้ ถือเป็นโอกาสลงทุนเพิ่มขึ้น
ช่วย พัฒนาธุรกิจกองทุนรวมไทย บริษัทสนใจจะตั้งกองทุนดังกล่าว ขณะเดียวกัน บริษัทจะชักชวน
บล.นิกโก้ 1 ใน 4 โบรกเกอร์ยักษ์ใหญ่จากเมืองปลาดิบ ลงทุนเอเชียบอนด์ ซึ่งปัจจุบัน
MFC ทำหน้าที่บริหารกองทุนให้บริษัทดังกล่าว
MFC บริหารกองทุนที่ระดมเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติแถบยุโรป สหรัฐฯ และสิงคโปร์
เพื่อจะลงทุนตลาดหุ้นไทย 7 กองทุน มูลค่ารวม 1.78 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 40% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ
44,579.27 ล้านบาท