คาราบาวแดงโกอินเตอร์ เปิดตัวมาถึงปีส่งออกอาเซียนตะวันออกกลาง 10 ประเทศ คุย
50 ประเทศติดต่อขอไปจำหน่าย ผู้ประกอบการเบียร์และน้ำแร่ติดท็อป 5 ในจีนรุมจีบ
เผยกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนตั้งโรงงานผลิตคาราบาวแดงกระป๋องในจีนมูลค่ากว่า
1,000 ล้านบาทปลายปีนี้ ด้วยเงื่อนไขขอดูแลการผลิตและวางกลยุทธ์ตลาด ชี้โอกาสตลาดจีนโตสูงมี
2 แบรนด์หลักทำตลาด คือ เรดบูล และลิโพ
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง
คาราบาวแดง เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัวคาราบาวแดงสู่ตลาดไทยเมื่อเดือน ต.ค. 2545
พบว่าได้รับความนิยมจากผู้บริโภคสูงมาก โดยมีผู้ประกอบการจากต่างประเทศกว่า 50
ประเทศ ติดต่อเพื่อนำคาราบาวแดงไปจำหน่ายในต่างประเทศ เพราะเห็นว่าเป็นเครื่องดื่มชูกำลังที่มีรสชาติดีมีต้นกำหนดมาจากประเทศไทย
ปัจจุบันคาราบาวแดงได้เริ่มส่งออกในกลุ่มประเทศอาเซียนและตะวันออกกลางกว่า 10
ประเทศแล้ว โดยเป็นลักษณะแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเป็นการทำตลาดของ บริษัทเอง
ไม่เกี่ยวกับบริษัทเสริมสุข จำกัด (มหาชน) ที่รับผิดชอบการจำหน่ายในไทย ในจำนวนประเทศที่มาติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่าย
คาราบาวแดง มี 2-3 ประเทศ ต้องการให้บริษัทเข้าไปร่วมทุนตั้งโรงงานผลิตในต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการจากจีนเข้ามาเจรจาให้บริษัทเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานในจีน
ซึ่งบริษัทสนใจมาก และขณะนี้เหลือการเจรจาอีกเพียง 2 บริษัทเท่านั้น คือ รัฐวิสาหกิจที่เป็นผู้ผลิตเบียร์
อีกรายเป็นผู้ผลิตน้ำแร่ ซึ่งทั้ง 2 องค์กรมีขนาดใหญ่ติดอันดับท็อป 5 ของประเทศ
คาดว่าการเจรจาเพื่อหาผู้ร่วมทุนในจีนจะสรุปผลได้ในเร็วๆ นี้
สำหรับรูปแบบการลงทุนจะเป็นการถือหุ้นร่วมทุนในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ สัดส่วนเปอร์เซ็นต์การถือหุ้นจะพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง
โดยเครื่องดื่มชูกำลังที่จะเข้าไปทำตลาดจีนในครั้งนี้จะต้องใช้แบรนด์ "คาราบาวแดง"
ส่วนรูปแบบการดำเนินงาน บริษัทต้องการดูแลการผลิตสินค้า เพราะเชี่ยวชาญด้านนี้
รวมทั้งต้องการมีส่วนร่วมวางกลยุทธ์การตลาดด้วย เพราะมีประสบการณ์จากตลาดไทยมาแล้ว
โดยต้องการให้ผู้ร่วมทุนจีนเป็นผู้รับผิดชอบด้านช่องทางจำหน่าย และกระจายสินค้า
เนื่องจากเข้าใจสภาพตลาดและพฤติกรรมของคนท้องถิ่นได้ดีกว่า
นายเสถียร กล่าวต่อว่า แผนการเข้าไปลงทุนในประเทศจีน บริษัทจะเข้าไปตั้งโรงงานผลิตใหม่
คาดว่าต้องใช้งบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท มีกำลังการผลิตวันละ 2-3 ล้านกระป๋อง
ซึ่งการผลิตบรรจุกระป๋อง เพราะวางตำแหน่งให้เป็นเครื่องดื่มสำหรับกลุ่มวัยรุ่น
สำหรับเงินลงทุนของฝ่ายไทยส่วนหนึ่ง จะกู้จากธนาคารและอีกส่วนจะเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทในไทย
ที่ขณะนี้บริษัทมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปร่วมทุนกับฝ่ายจีน หากการเจรจาร่วมทุนสำเร็จ
บริษัทวางแผนจะก่อสร้างโรงงานช่วงปลายปีนี้ และใช้เวลาก่อสร้าง 6 เดือน
ปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในจีนยังมีขนาดเล็ก ยอดขายต่อปีประมาณ 20,000
ล้านบาท มีสินค้าระดับอินเตอร์แบรนด์ทำตลาดอยู่ 2 ราย คือ เรดบูล (กระทิงแดง) และลิโพ
ในตลาดจีนผู้บริโภคจะมองเครื่องดื่มชูกำลังเป็นซอฟต์ดริ้งค์ เหมือนเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม
จึงไม่ถูกมองว่าเป็นเครื่องดื่มไม่มีประโยชน์เหมือนประเทศไทย ทำให้กฎระเบียบที่จะมาควบคุมไม่ยุ่งยากเหมือนไทย
และเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรที่มีจำนวนมหาศาลแล้วประเทศจีนถือเป็นตลาดที่น่าสนใจ
และน่าเข้าไปลงทุนอย่างยิ่ง
นอกจากนี้บริษัทได้นำสินค้าไปให้ผู้บริโภคจีนทดลองดื่มแล้ว ซึ่งได้รับการยอมรับด้านรสชาติสินค้าเป็นที่น่าพอใจ
ในประเทศจีนจะจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังราคากระป๋องละ 8 หยวน หรือประมาณ 40 บาท
ขนาดบรรจุ 250 ซีซี.
ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้จำกัดการลงทุนไว้เฉพาะประเทศจีนเท่านั้น โดยมองว่าหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย
มีความน่าสนใจเข้าไปลงทุนอย่างยิ่ง เพราะการผลิตสินค้ามีลักษณะคล้ายกับประเทศไทย
คือไม่ผสมคาร์บอเนต เหมือนเครื่องดื่มชูกำลังในตลาดยุโรปและสหรัฐฯ ทำให้ขั้นตอนการผลิตสินค้าในภูมิภาคนี้ไม่ต้องปรับเปลี่ยนสูตรมากนัก