|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ยืดเวลาคุ้มครองเงินฝาก 100% ออกไปอีก 3 ปี “สุชาติ” เตรีมถก “โอฬาร" พร้อมเตรียมค้ำประกันเงินกู้อินเตอร์แบงก์ให้ธนาคารเล็กที่จะเข้าไปกู้ธนาคารใหญ่ อ้างสร้างความเชื่อมั่นสถาบันการเงิน ผอ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากเด้งรับแก้ไขกฎหมายยืดเวลาคุ้มครองเงินฝาก รมว.คลังยังจี้แบงก์ชาติใช้ทำให้บาทอ่อนค่าต่ำกว่าจริง 5% ช่วยเหลือส่งออกโตเป็น 2 เท่า หนุนจีดีพีสูงกว่า 4% "ธาริษา" สวนไปเพิ่มศักยภาพการส่งออกแทนที่จะให้แบงก์ชาติแทรกแซงค่าเงิน ยันเดินหน้าบาเซิล 2
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ : วิกฤตหรือโอกาส?” ในงานครบรอบวันสถาปนาสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปีที่ 47 ว่า การขาดความเชื่อมั่นในระบบสถาบันการเงินและเศรษฐกิจของโลกที่เริ่มต้นจากสหรัฐอเมริกาได้ส่งผลถึงทุกประเทศทั่วโลก และสำหรับประเทศไทยคาดจะส่งผลชัดเจนในปี 2552 โดยจะทำให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีของประเทศขยายตัวได้ต่ำกว่าระดับ 4%
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในระบบสถาบันการเงินและนักลงทุน โดยในภาคการเงินจะต้องเสริมสภาพคล่องแก่ระบบเพื่อทำให้สถาบันการเงินอยู่ได้ และผู้ฝากเงินก็เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะดูแลผู้ฝากเงินทุกคน จึงมีแนวคิดจะให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากรับประกันเงินฝากเต็มวงเงิน 100% ต่อไปอีก 3 ปี จากกำหนดเดิมที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเงินฝากกำหนดไว้ว่าตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2552 จะลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือเพียง 100 ล้านบาท จากนั้น 11 สิงหาคม 2553 จะลดเหลือ 50 ล้านบาท 11 สิงหาคม 2554 จะเหลือ 10 ล้านบาท และตั้งแต่ 11 สิงหาคม 2555 จะเหลือวงเงินคุ้มครองเพียง 1 ล้านบาท
จี้ค่าบาทอ่อนอีก 5% ดันส่งออกโต
นอกจากนี้ในการดูแลทุนของสถาบันการเงิน รัฐบาลจะพิจารณาเพิ่มทุนหรือเพิ่มเงินกองทุนให้ธนาคารเพื่อนำเม็ดเงินมาปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กหรือเอสเอ็มอีซึ่งจะได้รับผลกระทบหนักจากการส่งออกที่คาดว่าจะชะลอตัวลงจนทำให้การส่งออกในปีหน้าขยายตัวได้เพียง 10% จากปีนี้ที่ขยายตัวสูงถึง 25% ซึ่งในส่วนนี้จะเสนอให้ผู้หน่วยงานเกี่ยวข้องดูแลตราแลกเปลี่ยนให้อ่อนค่าลงกว่าที่เป็นอยู่อีก 5% เนื่องจากการทำให้บาทอ่อนค่าได้ 10% จะทำให้ส่งสินค้าออกได้เพิ่ม 20% ซึ่งภาคส่งออกปัจจุบันมีมูลค่าถึง 6 ล้านล้านบาท ถือเป็นรายได้หลักของจีดีพีประเทศไทยทั้งปีที่มีอยู่ 10 ล้านล้านบาท
"จำเป็นมากที่จะต้องทำให้บาทอ่อนค่าลงในสถานการณ์เศรษฐกิจเช่นนี้และก็ควรจะอ่อนค่าลงต่ำกว่า 5%จากปัจจุบันด้วย เพราะปีหน้าภาคการส่งออกจะได้รับผลกระทบหนัก การทำให้ค่าบาทอ่อนจะช่วยให้ส่งออกเพิ่ม สร้างรายได้ให้ภาคชนบท แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับให้ได้ด้วยว่าการนำเข้าก็จะแพงขึ้นด้วย 10% และหากทำเช่นนี้ได้จะส่งผลให้จีดีพีของประเทศในปีหน้าขยายตัวได้มากกว่า 4% แน่นอน" นายสุชาติกล่าวและว่า กระทรวงการคลังยังมีแนวคิดจะเข้าไปค้ำประกันวงเงินกู้ระหว่างธนาคาร(อินเตอร์แบงก์)ให้ธนาคารขนาดเล็กที่จะเข้าไปกู้เงินจากธนาคารขนาดใหญ่ ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้จะได้เข้าหารือกับนายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ รัฐบาลจะเพิ่มบทบาทของงบประมาณภาครัฐเพื่อเข้าไปสร้างอำนาจซื้อของประชาชนในประเทศมากขึ้น ผ่านโครงการกองทุนหมู่บ้าน เอสเอ็มแอลและโอทอป เพื่อช่วยให้เกิดการสร้างงานในชนบทมากขึ้น และรองรับการตกงานที่จะเกิดขึ้นตามมาจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์
สถาบันคุ้มครองฯ รับลูกแก้ กม.
ด้านนายสิงหะ นิกรพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก กล่าวถึงแนวคิดของรมว.คลังในการขยายเวลาการค้ำประกันเงินฝาก 100% จาก 1 ปีเป็น 3 ปี ว่า สถาบันฯพร้อมดำเนินการตามนโยบายซึ่งในทางปฎิบัติสามารถดำเนินการได้โดยพิจารณาในระดับคณะกรรมการสถาบันและเสนอเรื่องไปที่กระทรวงการคลังเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยการออกเป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดวงเงินการคุ้มครอง โดยหากขยายการคุ้มครอง100%เป็น 3 ปี ก็ต้องลดสัดส่วนการคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาทในอีก 7 ปีข้างหน้า จากปี 2555 เป็นปี 2557
“ในภาวะปัจจุบันอาจมีความจำเป็นที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ฝากเงิน เพราะปัญหาสถาบันการเงินล้มเกิดเป็นกระแสรุกรามไปทั่วทั้งสหรัฐ ยุโรปและทั่วโลก จึงอาจยิ่งทวีความรุ่นแรงมากขึ้นใน1-2 ปีข้างหน้า หากรัฐบาลการันตีให้ประชาชนมั่นใจในช่วง 3 ปีนี้จะได้ไม่เกิดปัญหาการเคลื่อนย้ายเงินระหว่างสถาบันการเงินซึ่งอาจเกิดปัญหากับสาบันการเงินบางแห่งได้ จึงถือเป็นการดูแลทั้งผู้ฝากเงินและสถาบันการเงินของไทย” นายสิงหะกล่าวและว่า ขณะนี้รอนโยบายจาก รมว.คลัง อีกครั้ง และเรื่องดังกล่าวสถาบันฯ สามารถพิจารณาได้โดยไม่จำเป็นต้องหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
อย่างไรก็ตามการขยายเวลาการค้ำประกันเงินฝากออกไปนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของสถาบันที่เริ่มมีผลในทางปฎิบัติแล้วตั้งแต่เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
ผู้ว่าฯ ธปท.เมินลดค่าเงิน 5%
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงแนวคิดของ รมว.คลัง กรณีต้องการให้ ธปท.แทรกแซงค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลง 5% เพื่อช่วยเหลือภาคการส่งออกในปีหน้า ว่า การดูแลค่าเงินบาทของ ธปท.นั้น จะดูแลค่าเงินบาทเป็นไปตามทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค และทำให้ค่างินบาทมีเสถียรภาพไม่ผันผวนเร็ว แต่จะไม่แทรกแซงเพื่อให้ราคาของเงินอยู่ที่อัตรานั้นอัตรานี้ เนื่องจากหากค่าเงินบาทอิงกับค่าเงินของภูมิภาค จะไม่มีผลต่อการส่งออก เพราะความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของไทยจะไม่ลดลงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง สิ่งสำคัญคือเพิ่มศักยภาพของการส่งออก และหาตลาดใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นยอดและการเพิ่มประสิทธิภาพ
"การเปลี่ยนการดูแลนโยบายการเงิน โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนฯ เป็นเป้าหมายแทนอัตราเงินเฟ้อนั้น เท่ากับเป็นการใช้อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทคงที่ เราจะต้องมีเป้าหมายค่าเงินบาท และรักษาเป้าหมายค่างินบาทไว้ ซึ่งในปัจจุบัน ไม่มีประเทศไหนที่อยากใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ หรือรักษาค่าเงินได้ไว้ในช่วงใดช่วงหนึ่งเพราะทำได้ยาก" นางธาริษากล่าวและว่า อัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ยังหนุนการขยายตัวเศรษฐกิจ ภาครัฐควรใช้นโยบายการคลังกระตุ้นการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อเร่งอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศดีกว่า
ส่วนประเด็นที่ รมว.คลังต้องการให้เลื่อนการประกาศใช้ แนวทางการกำกับสถาบันการเงิน ฉบับที่ 2 ของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (บาเซิล 2) ที่จะใช้ในต้นปี 2552 ออกไปนั้น มีการดำเนินการต่อเนื่องมากว่า 2 ปี ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์มีความพร้อมโดยไม่กระทบกับฐานะและยอดการปล่อยสินเชื่อ เพราะธนาคารพาณิชย์มีการกันสำรองหนี้เสียเพื่อรองรับบาเซิล 2 เรียบร้อยแล้ว
"การใช้บาเซิล 2 ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้นเพื่อปล่อยสินเชื่อใหม่ เพราะการสำรองเงินเพิ่มเพื่อปล่อยสินเชื่อใหม่นั้น จะเกิดขึ้นเฉพาะสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น แต่ในกรณีสินเชื่อจำเป็นเช่น สินเชื่อเอสเอ็มอี ที่เดิมหากกลายเป็นหนี้เสียต้องกันสำรอง 100% แต่ในบาเซิล 2 ลดการกันสำรองหนี้เสียลงเหลือ 85% ซึ่งทำให้ธนาคารพาณิชย์อยากปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้น" ผู้ว่าฯ ธปท.อธิบาย.และกล่าวถึงการขยายระยะเวลารับประกันเงินฝากไปอีก 3 ปีว่าเป็นหน้าที่ของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ขณะที่การค้ำประกันเงินกู้อินเตอร์แบงก์ ตนเห็นว่าฐานะสถาบันการเงินไทยยังไม่มีปัญหาและวงเงินกู้ยังอยู่ในสัดส่วนที่น้อย
|
|
|
|
|